หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1238 เจ้าแห่งเต๋าฝั่งซ้าย!
เต๋าฝั่งซ้ายสั่นสะเทือนกึกก้อง!
พลังอำนาจของเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นได้สูญเสียกฎธาตุน้ำและกฎธาตุไม้ไปจากจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายโดยสิ้นเชิง แม้ดูคล้ายจะขาดไปเพียงสองเต๋า แต่ความจริงแล้วน้ำเสริมไม้ เต๋าสองชนิดนี้ส่งเสริมกันและกันในแง่หนึ่ง ทั้งยังสามารถทำให้เต๋าธาตุไม้บรรลุถึงขีดสุดแบบที่ใช้คำว่า ‘ไร้ที่สิ้นสุด’ มาบรรยายก็ไม่เกินจริง
จุดนี้เอง เมื่อหวังเป่าเล่อควบรวมเมล็ดแห่งเต๋าธาตุน้ำสำเร็จ ประสาทสัมผัสของเขาก็แรงกล้าอย่างยิ่ง เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าในทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายนี้ ขอแค่เป็นผู้ที่มีธาตุไม้แฝงอยู่ในวิถีฝึกตน ไม่ว่าจะฝึกฝนมานานเท่าใดก็ล้วนแต่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาโดยสมบูรณ์ แค่เพียงหนึ่งความคิดก็สามารถสังหารทุกชีวิตจนสิ้นได้โดยใช้ธาตุไม้พวกนี้เป็นรากฐานแล้ว
ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้อย่างแรงกล้าว่าสถานที่ที่เขาอยู่นั้นมีพลังไม้แข็งแกร่งอย่างยิ่งจนสามารถสยบนับพันหมื่นวิชาเวทได้เลย
แต่เต๋าธาตุน้ำก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เพียงแค่ขาดการหนุนนำเท่านั้น ดังนั้นนอกจากจะเป็นพลังเทพที่คล้ายคลึงกันแต่อ่อนกว่าเล็กน้อยแล้ว ส่วนใหญ่ตัวของมันก็จะทำหน้าที่เหมือนเป็นแหล่งกำเนิดที่ทำให้พลังไม้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
หวังเป่าเล่อเข้าใจแล้ว ทันทีที่ตนควบรวมเมล็ดแห่งเต๋าธาตุทอง แล้วทองก็จะเสริมน้ำ ทีนี้ก็จะทำให้เต๋าธาตุน้ำบรรลุถึงระดับไร้ที่สิ้นสุดเหมือนกับเต๋าธาตุไม้ได้ ขณะเดียวกัน นอกจากห้าธาตุจะกดข่มกันและกันแล้ว มันยังส่งเสริมกันและกันอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ ขณะที่เต๋าธาตุน้ำรุ่งโรจน์ ก็จะทำให้เต๋าธาตุไม้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งขึ้นแล้วขยายตัวเพิ่มระดับขึ้นอีกครั้ง
ด้วยหลักการแบบเดียวกันนี้ ถ้าหากว่าตนควบรวมเมล็ดแห่งเต๋าธาตุไฟขึ้นมา เช่นนั้น…ไม้เสริมไฟ เมื่อเต๋าธาตุไฟก่อตัวขึ้น พลังอันน่าเกรงขามก็จะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่น่าตกตะลึงโดยตรงทีเดียว
“เต๋าแปดปรมัตถ์…มิน่าถึงต้องใช้ธาตุทั้งห้ามาเป็นพื้นฐาน ห้าธาตุนี้ไม่ใช่แค่รากฐานเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นคือตัวมันยังส่งเสริมและกดข่มกันและกัน พอเป็นวงจรเช่นนี้ต่อไป วันหนึ่งเมื่อข้าทำให้ธาตุทั้งห้าครบสมบูรณ์ได้ล่ะก็…” แววตาของหวังเป่าเล่อเผยประกายแสงประหลาด ตัวเขาเองก็ไม่อาจคาดการณ์อะไรได้ เมื่อธาตุทั้งห้าครบสมบูรณ์ เขาก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้!
และนี่…ก็เป็นเพียงรากฐานของเต๋าแปดปรมัตถ์เท่านั้น เต๋าทั้งสามที่เหลือต่อจากนี้ หรือพูดให้ถูกก็คือ เต๋าอย่างสุดท้ายจึงจะเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดที่แท้จริงเมื่อเขาสะสมเต๋าแปดปรมัตถ์จนครบทั้งหมดแล้ว
“เช่นนั้นต่อจากนี้…ก็คือการยกระดับครั้งแรกก่อนการก้าวกระโดดอย่างแท้จริง!” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ยกมือขวาขึ้น ขณะเดียวกันที่ด้านนอกระบบสุริยะ ร่างธรรมกายขนาดมหึมาที่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอวกาศก็ลืมตาขึ้นมาทันทีแล้วยกมือขวาขึ้น ก่อนกดลงเบาๆ ไปทางระบบสุริยะ
ขณะที่กดลงไป ทันใดนั้นระบบสุริยะก็ส่งเสียงสั่นสะเทือนขึ้นมา คลื่นผันผวนปรากฏขึ้นมามากมาย จากนั้น…แผ่นผนึกโลกาขนาดมโหฬารไร้ใดเปรียบที่ปกคลุมทั่วทั้งระบบสุริยะก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัด
จะเห็นได้ว่าที่มุมหนึ่งซึ่งเคยขาดหายไปของแผ่นผนึกโลกา มีเงาร่างของจื่อเยว่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น และจื่อเยว่ก็คล้ายจะรู้สึกตัว หลังจากเงยหน้าจ้องมองมา นางก็คุกเข่าคารวะ
“เปิดแผ่นผนึกโลกา หมื่นโลกผสานรวม!” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเรียบ เสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในระบบสุริยะ สะท้อนอยู่ในอวกาศ ทำให้อารยธรรมทั้งหลายที่มายื่นข้อเสนอผสานรวมเข้ากับระบบสุริยะในตอนนี้ตื่นตัวขึ้นมาทันที
ผู้นำของสหพันธรัฐอู๋เมิ่งหลิงและบุคคลระดับสูงของกลุ่มพันธมิตรก็เช่นเดียวกัน พวกเขาดำเนินการส่งคำสั่งผสานรวมไปให้กับอารยธรรมต่างๆ ที่รออยู่นานแล้วทันที
ดังนั้นในชั่วพริบตา ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็มีอารยธรรมน้อยใหญ่จำนวนเกินกว่าแปดพันแห่งจากต่างที่ล้วนส่องแสงแรงกล้าออกมา ในอารยธรรมเหล่านี้ มีห้าอารยธรรมที่มีประกายแสงสว่างไสวที่สุด
นั่นก็คืออดีตห้าสำนักใหญ่ซึ่งรวมไปถึงเต๋าเก้ารัฐ!
แผ่นผนึกโลกาของระบบสุริยะคล้ายคลึงกับระบบพิกัด พริบตาที่ถูกหวังเป่าเล่อเปิดออกมาก็ได้ชักนำอารยธรรมน้อยใหญ่ทั้งแปดพันแห่งจากต่างพื้นที่เคลื่อนเข้ามายังระบบสุริยะ
ผู้ที่มาคนแรกก็คือ…เต๋าเก้ารัฐ สำนักนี้ไม่มีความลังเลใดๆ เป็นพวกแรกที่เลือกเช่นนี้ พวกเขาผสานรวมเข้าไปในระบบสุริยะโดยสมบูรณ์ จากนั้นก็เป็นสี่สำนัก ต่อมาคืออารยธรรมน้อยใหญ่แปดพันแห่งที่ตามกันมาติดๆ
ระบบสุริยะจึงคล้ายกับวังน้ำวนขนาดมหึมาที่ดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วนำอารยธรรมแปดพันกว่าแห่งเข้ามาเก็บเอาไว้ข้างในทั้งหมด ทำให้ตัวของมันแผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง ขอบเขตขยายกว้างใหญ่อย่างบ้าคลั่งไปทั้งสี่ทิศ
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นอารยธรรมอื่น ตอนนี้คงประคองต่อไปไม่ไหวและจะต้องพังทลายแน่ แต่จุดที่น่าประหลาดของแผ่นผนึกโลกาก็แสดงออกมาชัดเจนอย่างสมบูรณ์ในตอนนี้เอง มันผนึกแก่นของระบบสุริยะไว้ ทำให้แม้ว่าจะแผ่ขยายอย่างต่อเนื่องอย่างไร ระบบสุริยะก็ยังคงเสถียรมั่นคงเช่นเดิม!
ขณะเดียวกัน…เมื่อห้าสำนักใหญ่และอารยธรรมแปดพันกว่าแห่งผสานเข้ามา ขนาดของระบบสุริยะก็ก้าวกระโดดขึ้นในเชิงคุณภาพ สรรพชีวิตทั้งหมดภายในกลุ่มพันธมิตรล้วนเลื่อนขั้นระดับชีวิตอย่างใหญ่หลวงในชั่วขณะนี้เอง
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ที่หวังเป่าเล่อได้รับประโยชน์มากที่สุด เพียงแต่พลังฝึกตนของเขาล้ำลึกเกินไป รากฐานหนาแน่นเกินไป ดังนั้นแม้ว่าจะดูดซับพลังที่เกิดจากการผสานหมื่นโลกเข้าไปมากกว่าครึ่ง แต่การขยับเขยื้อนของพลังฝึกตนก็ยังเชื่องช้าเช่นเดิม
แต่…แม้ว่าจะเชื่องช้าอย่างไรก็ยังเลื่อนระดับไปอย่างมั่นคง มันค่อยๆ บรรลุถึงขั้นสุดยอดของจักรพิภพชั้นต้น แล้วไปถึงจักรพิภพชั้นต้นขั้นมหาวัฏจักรอย่างช้าๆ
จนกระทั่งท่ามกลางสายตาจากสำนักเสริมและตระกูลไม่รู้สิ้นรวมไปถึงสำนักแห่งความมืดที่จดจ้องมา และหลังจากอารยธรรมแปดพันกว่าแห่งผสานเข้ามาโดยสมบูรณ์ ไปจนถึงชั่วขณะนี้ที่ระบบสุริยะมีขนาดเทียบเท่ากับหนึ่งในร้อยของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายในพริบตา…
ตอนนั้นเอง ร่างกายของหวังเป่าเล่อส่งเสียงสะเทือนกึกก้องดังไปทั่วจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ขณะที่เกิดเสียงดังสนั่นนี้ ธรรมกายของเขาก็แผ่ประกายแสงพร่างพราวออกมาแล้วขยายตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อขยายจนถึงขีดสุดแล้ว ประกายแสงภายในร่างของเขาก็ไหลวน อานุภาพสะเทือนฟ้า ส่วนร่างจริงของเขาก็เช่นเดียวกัน จักรวาลภายในร่างคล้ายถูกผ่าฟ้าแยกดินจนขยายใหญ่อย่างไร้ที่สิ้นสุด
สุดท้าย…ชั่วขณะที่ดวงตาของร่างจริงหรุบเปิด ผมของเขาก็งอกยาวอย่างไม่มีขีดจำกัดจนแผ่สยายไปทั่วทั้งดาวอังคาร แผ่สยายไปถึงครึ่งหนึ่งของระบบสุริยะ ผมของเขาพลิ้วไสวอยู่ในอวกาศ ในที่สุดพลังฝึกตนของเขา…ก็ทะลวงจากจักรพิภพชั้นต้น ก้าวเข้าสู่…
จักรพิภพชั้นกลาง!
พริบตาที่เลื่อนระดับจนถึงจักรพิภพชั้นกลาง อานุภาพบนร่างของหวังเป่าเล่อก็ปกคลุมทั่วทั้งระบบสุริยะที่กว้างใหญ่ไพศาลไม่รู้กี่เท่าในปัจจุบันทันที ประกายแสงเจิดจ้าเสียดตา พราวพร่างถึงขีดสุด
ทำให้ปรมาจารย์แห่งสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณก้มหน้าลง ทำให้จักรพรรดิสวรรค์สองสามคนของตระกูลไม่รู้สิ้นหายใจถี่รัว ทำให้ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งตระกูลไม่รู้สิ้นผู้นั้นขมวดคิ้วมุ่น!
“ชั้นกลางขั้นที่สาม…ดูจากพลานุภาพของเขาแล้ว ชีวิตนี้คงจะต้อง…มุ่งสู่สวรรค์!” ในระบบสุริยะ อู่น้อยก็ตัวสั่นเทาเช่นกัน สีหน้าเผยความเคารพบูชาโดยไม่รู้ตัว เขาก้มหน้าพึมพำ
ขณะที่ระบบสุริยะขยายตัวจนน่าตะลึงและทุกคนถูกอานุภาพของหวังเป่าเล่อสั่นสะเทือนอยู่นั้น ความคิดของหวังเป่าเล่อก็พลุ่งพล่าน เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของตนเอง รู้สึกถึงความคิดที่เคลื่อนไหว และสามารถชักนำพลังอันน่าสะพรึงของพายุจักรวาลได้ แต่ไม่นานเขาก็นิ่งสงบลงเพราะนึกถึงเส้นทางของเต๋าแปดปรมัตถ์ต่อจากนี้ขึ้นมา
เพราะว่าหลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วก็ยังคิดว่า…หลังจากเต๋าห้าธาตุเต็มสมบูรณ์แล้ว บางทีตนอาจจะเป็นเจ้าแห่งเต๋าธาตุไม้ก็ได้
เพราะว่า…เต๋าธาตุไม้ของเขา มันแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง!
“สุดท้ายจะเป็นเช่นที่ข้าคาดเดาหรือไม่ เชื่อว่าอีกไม่นาน…ก็จะมีคำตอบแล้ว” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ส่วนลึกในแววตามีแสงสว่างสดใสปรากฏขึ้น ประกายแสงนี้แผ่ขยายในพริบตาจนปกคลุมทั่วทั้งนัยน์ตาของเขาแล้วไปกระตุ้นเมล็ดธาตุไม้และเมล็ดธาตุน้ำภายในร่างของหวังเป่าเล่อ
พริบตาเดียว ผู้ฝึกตน จิตวิญญาณ ต้นไม้ใบหญ้า และแม่น้ำลำธารจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็ส่งเสียงก้องสะเทือนกึกก้องขึ้นมาทั้งหมด ตอนนี้ท่ามกลางดวงดาวนับไม่ถ้วนมีแม่น้ำลำธารมากมายไหลบ่ากระหน่ำ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่พึ่งพาน้ำเพื่ออยู่รอดก็สั่นสะท้านด้วยเช่นกัน
ต้นไม้ใบหญ้าสั่นไหว น้ำทะเลร้องคำราม ผู้ฝึกตนแทบจะทั้งหมดไม่ว่าจะมีพลังฝึกตนระดับไหนล้วนคุกเข่าคำนับไปทางระบบสุริยะตามสัญชาตญาณในชั่วพริบตา แววตาล้วนเผยความเคารพและความคลั่งไคล้ออกมา
ที่นั่น…คือสถานที่แสวงบุญของพวกเขา
ที่นั่น…มีสุดยอดของชีวิตของพวกเขาอยู่
ที่นั่น…ยิ่งมีต้นกำเนิดแห่งเต๋าของพวกเขา
ขณะนี้ทุกชีวิตคุกเข่าคารวะ
ขณะนี้นภาสวรรค์ก้มศีรษะ
ขณะนี้อวกาศเกิดระลอกคลื่นไร้ที่สิ้นสุด
สำนักเสริมกำลังเฝ้าดูอยู่ ตระกูลไม่รู้สิ้นกำลังเฝ้าดูอยู่ สำนักแห่งความมืดกำลังเฝ้าดูอยู่ ชั่วขณะนี้…ทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นล้วนกำลังเฝ้าดู!
เฝ้าดูการผุดขึ้นของจักรพรรดิสวรรค์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย เฝ้าดูความน่าตกตะลึงของเต๋าธาตุน้ำและธาตุไม้ ยิ่งเฝ้ามองดู…ฉากที่กำจะเกิดขึ้นและไม่เคยถูกเปิดเผยออกมาตั้งแต่อดีต…การถือกำเนิดของเจ้าแห่งเต๋าฝั่งซ้าย!
“จากนี้ไป…จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายมีข้าแซ่หวังเป็นผู้ปกครอง!” ท่ามกลางสายตาของสรรพชีวิต หวังเป่าเล่อที่อยู่บนดาวอังคารก็ค่อยๆ พูดขึ้น ประโยคนี้ถูกเผยแพร่ผ่านวิถีเต๋า ดังก้องกังวานอยู่ในใจของสรรพชีวิตในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ก้องกังวานอยู่ระหว่างต้นไม้ใบหญ้าและแม่น้ำทะเล ก้องกังวานไปทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าแห่งเต๋า!”
“เจ้าแห่งเต๋า!!”
“เจ้าแห่งเต๋า!!!” ไม่รู้ว่าเสียงร้องเรียกเสียงแรกนั้นดังมาจากทางไหน จากนั้นเสียงร้องเรียกก็ค่อยๆ ดังกระจายออกไป จากดวงดาราทุกดวง จากอารยธรรมทุกแห่ง จากผู้ฝึกตนทุกคน จากต้นไม้ใบหญ้าทุกต้น จากภายในท้องทะเลและสายน้ำไร้ที่สิ้นสุด แพร่กระจายไปทั่วทุกทิศ!
ตอนนี้เอง หวังเป่าเล่อก็กลายเป็น…เจ้าแห่งเต๋าฝั่งซ้ายผู้เหมาะควรแล้ว!
…………………