หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1245 มาถึง!
ชั่วขณะนี้เอง เต๋าฝั่งซ้ายเดินทัพ สำนักเสริมเคลื่อนไหว สำนักแห่งความมืดกำลังจะมาถึง
สำหรับตระกูลไม่รู้สิ้นแล้ว นี่คือหายนะอย่างหนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าตระกูลไม่รู้สิ้นจะมีภูมิหลังที่ล้ำลึกและยังเป็นระดับเจ้าผู้ปกครองอย่างไร แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากสามฝ่ายก็ไม่มีทางปลอดภัยไร้ความเสียหายแน่
โดยเฉพาะ…จนถึงตอนนี้ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งตระกูลไม่รู้สิ้นยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ ระดับจักรพรรดิสวรรค์ของตระกูลไม่รู้สิ้นจึงฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรเสวียนหัวก็ไม่อาจออกรบได้ ตี้ซานก็ยังอ่อนแออย่างยิ่ง มีเพียงกวงหมิงและจีเจีย…แต่คู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่แค่ผู้เยี่ยมยุทธ์อย่างหวังเป่าเล่อเท่านั้น แต่ยังมีปรมาจารย์สำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณและระดับจักรวาลสามคนจากสำนักแห่งความมืดด้วย
สองต่อห้า จะชนะได้อย่างไร!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้ของระดับจักรพิภพเลย ตระกูลไม่รู้สิ้นก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้ทำให้สีหน้าของจีเจียเปลี่ยนแปลงขั้นรุนแรงในทันที เขารู้สึกต่อตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างล้ำลึกไม่เหมือนกับเว่ยยางจื่อ และตอนนี้ในแววตาของเขาก็มีรอยเลือดแผ่กระจายอยู่
“ร่างเดิม!!” ในช่วงวิกฤตนี้เอง จีเจียพลันเงยหน้าร้องคำรามไปยังอวกาศ แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ ทำให้จีเจียหัวเราะ ดวงตาเผยความบ้าคลั่ง ทั้งร่างเกิดเสียงปึงปังแล้วกลายเป็นหมอกควันกลุ่มหนึ่งทันที ก่อนพุ่งเข้าไปหาหวังเป่าเล่อ
ยิ่งกว่านั้นกวงหมิงกับตี้ซานทั้งสองคน ตอนนี้ล้วนรู้ดีว่าตระกูลไม่รู้สิ้นตกอยู่ในวิกฤตความเป็นความตาย ต่างก็พุ่งออกไปเช่นกัน
“จัดการหวังเป่าเล่อก่อน!” ตอนนี้ทั้งสามมีความคิดแบบเดียวกัน ถึงอย่างไรการมาถึงของสำนักเสริมและสำนักแห่งความมืดก็จำเป็นต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง ทั้งยังไม่ใช่ระดับจักรวาลทุกคน มีแต่ระดับเช่นหวังเป่าเล่อเท่านั้นที่ใช้ประโยชน์จากเต๋าธาตุน้ำและไม้ ไม่สนใจเกราะป้องกันวงแหวนปราณของตระกูลไม่รู้สิ้น และมีความสามารถที่จะพุ่งผ่านเข้ามาได้ในทันที
ดังนั้น สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาทั้งสามคนจึงมีแค่ทางเดียวคือจัดการหวังเป่าเล่อ!
และเมื่อสยบหรือทำให้หวังเป่าเล่อบาดเจ็บหนักก่อนที่สำนักแห่งความมืดและสำนักเสริมผู้แข็งแกร่งจะมาถึงได้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นวิกฤตของตระกูลไม่รู้สิ้นในวันนี้ก็ใช่ว่าจะจัดการไม่ได้
ถึงอย่างไร…แม้ว่าท่านปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งจะไม่ได้มา แต่ความน่าเกรงขามของตระกูลก็ยังอยู่
หลังจากความคิดทั้งหมดนี้ปรากฏขึ้นในหัวของพวกจีเจียทั้งสามคน พลังฝึกปรือของพวกเขาทั้งสามก็ระเบิดออกมาโดยสมบูรณ์แล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวสามสายพุ่งทะยานไปหาหวังเป่าเล่อ ส่วนหวังเป่าเล่อในตอนนี้ก็ย่อมวิเคราะห์ทุกอย่างได้ ขณะที่เขาหรี่ตาลง ร่างกายก็ก้าวถอย ไม่ต่อสู้ซึ่งหน้ากับจักรพรรดิสวรรค์สามคน
เพราะมันไม่จำเป็น!
สิ่งที่เขาต้องทำคือถ่วงเวลา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเด็ดขาด ขณะที่หวังเป่าเล่อถอยไป วิชาเงาจันทร์ก็ถูกใช้ออกมาทันที เขาถอยหลังก้าวต่อก้าว ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นเมื่อเท้าเหยียบลงไปจนกระเพื่อมเป็นกระแสเต๋าแห่งกาลเวลา แล้วก้าวเข้าสู่แม่น้ำแห่งกาลเวลาโดยตรง
ส่วนจีเจียและกวงหมิงรวมถึงตี้ซานก็ตามไปอย่างรวดเร็ว พลังฝึกปรือแผ่กระจายแล้วก้าวเข้าไปไล่ล่าอย่างรวดเร็วในแม่น้ำแห่งกาลเวลาเช่นเดียวกัน
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ทันใดนั้นอวกาศของตระกูลไม่รู้สิ้นก็ระเบิดกระจายไปทั่วทุกทิศ พร้อมกันนั้นเงาร่างของหวังเป่าเล่อและพวกจีเจียก็หายไปจากสายตาของทุกคนที่จ้องมองอยู่ แต่ทั้งตระกูลไม่รู้สิ้นกลับมีคลื่นผันผวนไร้รูปแผ่กระจายออกมาเป็นบางคราว เสียงดังสนั่นทั่วทุกทิศอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งการยุบสลายในแต่ละพื้นที่ก็เกิดขึ้นในอวกาศเช่นกัน
ภาพแห่งวันสิ้นโลกเช่นนี้ทำให้คนตระกูลไม่รู้สิ้นมากมายตัวสั่นสะท้าน ใจกลิ้งพลิกตลบอย่างดุเดือด อีกไม่นานฉากแบบหิมะหนาเติมซ้ำน้ำค้างแข็งก็เกิดขึ้น ด้านนอกตระกูลไม่รู้สิ้น ตอนนี้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมาแล้ว
นั่นเป็นเพราะมีคนกำลังโจมตีระลอกใหญ่อยู่ด้านนอก!
ผู้ที่โจมตีมีทั้งหมดสี่คนล้วนมาจากทิศทางต่างกัน นั่นก็คือปรมาจารย์สำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณและระดับจักรวาลทั้งสามคนจากสำนักแห่งความมืด พวกเขาสี่คนเดินทางมาเร็วยิ่งนัก แต่วงแหวนปราณก็ยากจะทำลายได้ในเวลาอันสั้น ตอนนี้กำลังพากันทุ่มเต็มกำลังทำลาย ทำให้วงแหวนเกราะป้องกันรอบด้านของตระกูลไม่รู้สิ้นบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
มันบิดเบี้ยวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งก้านธูป ทันใดนั้น กลางอวกาศภายในวงแหวนปราณของตระกูลไม่รู้สิ้นก็มีวังน้ำวนแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นจากไหนไม่รู้ ดวงวิญญาณเทพของตี้ซานพุ่งออกมาจากในนั้นทันที วิญญาณเทพของเขาหม่นแสง ถึงขั้นเสียหายไปอย่างมาก น่าเวทนาและสะบักสะบอมอย่างยิ่ง และยิ่งตอนที่พุ่งออกมานั้น แขนขวาของวิญญาณเทพของเขาก็ระเบิดออกทันที
และในชั่วขณะที่เขาบินออกมา วังน้ำวนที่เขาออกมาก็พังทลายทันใด เงาร่างของหวังเป่าเล่อพุ่งมาจากในนั้น ดูแล้วก็สะบักสะบอมเล็กน้อยเช่นกัน และที่ด้านหลังของเขา จีเจียผู้มีไอสังหารพวยพุ่งก็เดินตามมาทันที แม้ว่าตัวเขาจะบาดเจ็บ แต่กลับยังไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนด้านหลังของเขาก็ยังมีกวงหมิงที่บินออกมาจากวังน้ำวน เพียงแต่ชั่วขณะที่เขาบินออกมา เขาก็กระอักเลือด กายเนื้อเกือบจะพังทลาย เห็นได้ชัดว่าภายในแม่น้ำแห่งกาลเวลานั้น พวกเขาสามคนได้ร่วมมือกันต่อสู้กับหวังเป่าเล่อ เขากับตี้ซานล้วนบาดเจ็บสาหัส แต่เมื่อเปิดโอกาสให้จีเจียลงมือ สุดท้ายก็ทำให้หวังเป่าเล่อบาดเจ็บได้
“หวังเป่าเล่อ!” จิตสังหารในดวงตาของจีเจียปะทุออกมา ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หวังเป่าเล่อหรี่ตา พลังต่อสู้ของเขาและจีเจียพอๆ กัน ถ้าหากสองคนสู้กันตัวต่อตัวก็ดีไป แต่นี่มีกวงหมิงและตี้ซานเพิ่มขึ้น สมดุลย่อมเอนเอียง
แต่…หากถ่วงเวลาต่อไปเขาก็ยังมีความมั่นใจอยู่ ตอนนี้ขณะที่ถอยร่นอยู่นั้น มือขวาของหวังเป่าเล่อก็ยกขึ้นกะทันหันแล้วโบกไปยังด้านหน้า ปากก็ตะโกนออกมา
“เต๋าธาตุน้ำ!”
ในชั่วอึดใจ ผู้คนทั่วทั้งตระกูลไม่รู้สิ้นที่ฝึกฝนเพียงเต๋าธาตุน้ำก็ตัวสั่นเทากันหมด ราวกับว่าจิตแห่งเต๋าถูกความว่างเปล่าดึงออกไปบรรจบที่ต้นกำเนิด
ต้นกำเนิดก็ย่อมเป็นหวังเป่าเล่อ ในพริบตาอาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นกลับมามากกว่าครึ่ง เขากำหมัดโจมตีไปยังจีเจียที่ไล่ตามมา หลังจากอีกฝ่ายต้านเอาไว้ได้ หวังเป่าเล่อก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เต๋าธาตุไม้!”
ภาพแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้พลังธาตุไม้มารวมกัน อวกาศคล้ายจะกลายเป็นแผ่นดินใหญ่ที่มีต้นไม้ใบหญ้านับไม่ถ้วนเติบโตขึ้นมา ทำให้อาการบาดเจ็บของหวังเป่าเล่อฟื้นขึ้นไม่น้อย เงาร่างสั่นไหว แล้วหนีไปอีกครั้ง
และตอนนี้วงแหวนเกราะกำบังของตระกูลไม่รู้สิ้นรอบๆ ก็บิดเบี้ยวรุนแรง ถึงขั้นที่มีจุดจุดหนึ่งอ่อนยวบอย่างยิ่ง ตรงนั้น…ก็คือจุดที่ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณและจักรพรรดิสวรรค์สามคนของสำนักแห่งความมืดเลือกที่จะร่วมมือกันโจมตี
“ร่างเดิม!!” เมื่อเห็นเช่นนี้ จีเจียก็ร้อนใจถึงขีดสุด เขาอดตะโกนร้องเรียกอีกครั้งไม่ได้ และในครั้งนี้ บนดวงดาราที่ห่างไกล เว่ยยางจื่อที่นั่งทำสมาธิอยู่ตรงนั้นในที่สุดก็ลืมตาแล้ว
เขาจ้องมองทุกอย่างบนสนามรบ มองเห็นพวกปรมาจารย์สำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณกำลังโจมตี และยิ่งมองเห็นหวังเป่าเล่อที่ถ่วงเวลาไม่หยุด เขากระจ่างดียิ่งว่าขอแค่ตนลงมือในตอนนี้โดยมีเป้าหมายอยู่ที่หวังเป่าเล่อ บางทีอาจต้องใช้เวลาในการสังหารเขานิดหน่อย แต่การทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสก็ยังทำได้ง่ายๆ
แต่ถ้าหากทำเช่นนี้ เกรงว่าเฉินชิงจื่อก็คงจะเปิดเผยตัวออกมาต่อสู้กับตนทันที
แม้ว่าเขาจะรอคอยศึกครั้งนี้อย่างยิ่ง แต่…สิ่งที่เขาต้องการคือให้เฉินชิงจื่อเลือกลงมือในสถานการณ์ที่ตัวเขามั่นใจเต็มร้อย ไม่ใช่การโจมตีกลับเพราะถูกบังคับแบบนี้
สองอย่างนี้…มีความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“เพื่อทำให้เฉินชิงจื่อมั่นใจยิ่งกว่านี้ เพื่อให้การแสดงละครฉากนี้ดียิ่งขึ้น…ตระกูลไม่รู้สิ้นในที่แห่งนี้ ไม่ต้องมีก็ช่างปะไร” แววตาของเว่ยยางจื่อเย็นเยียบ ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย เขาหลับตาลงอีกครั้ง
และการที่เขาหลับตาลงเลือกไม่ตอบกลับก็ทำให้จีเจียสิ้นหวังทันที ร่างของเขาส่องแสงเจิดจรัสพร้อมรอยยิ้มโศก แสงสว่างนี้แรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ร่างกายของเขากลับแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็วแบบที่ตาเปล่าก็ยังมองเห็น
ราวกับกำลังจะใช้พลังเทพบางอย่างที่กินพลังเกินควรอย่างยิ่งออกมา ใช้ความอ่อนแอของพลังชีวิตแลกมาซึ่งวิชาเวทอันทรงพลัง ความรู้สึกถึงวิกฤตปรากฏขึ้นในใจของหวังเป่าเล่อ ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเล ก้าวเข้าไปในแม่น้ำแห่งการเวลาอีกครั้ง
และพริบตาที่เขาก้าวเข้าไปนั้น จีเจียก็ยกมือขวาขึ้น มือขวาทั้งมือของเขาระเบิดตรงๆ เลือดเนื้อกระจัดกระจายแล้วรวมตัวกันกลายเป็นง้าวยาวที่เกิดจากเลือดเนื้อด้ามหนึ่ง มันพุ่งทะยานไปยัง…หวังเป่าเล่อ!
มันรวดเร็วมากจนทำลายกาลเวลาแล้วกระแทกเข้าไปในแม่น้ำ ภายใต้เสียงดังอึกทึกสะเทือนไปทั้งอวกาศนี้ แม่น้ำกาลเวลาท่อนนั้นก็พังทลายทันที เงาร่างของหวังเป่าเล่อก็ล่าถอยออกมาจากในนั้นแล้วกระอักเลือดออกมา
แววตาของจีเจียมีจิตสังหารระเบิดออก เขาก็กำลังจะไล่ตามมาท่ามกลางเสียงสะเทือนดังสนั่น
วิกฤตอยู่ตรงหน้า แต่ตอนนี้…เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นที่รุนแรงยิ่งกว่าก็ดังมาจากที่ไกลๆ ณ วงแหวนเกราะป้องกันของตระกูลไม่รู้สิ้น…ณ จุดที่อ่อนยวบซึ่งพวกปรมาจารย์สำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณทั้งสี่คนร่วมกันโจมตีพังลงมาแล้ว
……………………