หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1250 ศึกของเฉินชิง!
แม่น้ำแห่งความมืดไหลบ่าราวกับแยกอวกาศออกเป็นสองส่วน ด้านหลังแม่น้ำแห่งความมืด กลิ่นอายแห่งความตายกลิ้งตลบเทียมฟ้า คล้ายจะมองเห็นเงาร่างของวิญญาณคนตายนับไม่ถ้วนกำลังเกลือกกลิ้งอยู่ในนั้นได้รางๆ
ด้านหน้าแม่น้ำแห่งความมืด อวกาศไม่รู้สิ้นเปล่งแสงเจิดจรัสราวกับมีพลังชีวิตมหาศาลกำลังระเบิดออกมาต้านกับความตาย
เมื่อมองไป ด้านหนึ่งคือไม่รู้สิ้น ด้านหนึ่งคือมิติแห่งความมืด!
ยิ่งกว่านั้นและด้านหลังของเฉินชิงจื่อก็มีกลิ่นอายแห่งความตายแพร่กระจายออกมา ปลาสีดำมหึมาตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากในนั้น แววตาเฉียบคม มันลอยมาอยู่บนเฉินชิงจื่อแล้วมองลงไปยังไม่รู้สิ้น
ขณะเดียวกัน ภายในอวกาศของไม่รู้สิ้น ที่ข้างกายของเว่ยยางจื่อ ด้วงเกราะทองขนาดมหึมาหาใดเปรียบตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมเสียงร้องคำราม มันมองไปยังปลาสีดำตัวนั้นความไม่เป็นมิตรเต็มเปี่ยม คล้ายกับว่าทั้งสองเป็นศัตรูโดยธรรมชาติ ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้!
“เว่ยยางจื่อ”
“เฉินชิงจื่อ”
สายตาของทั้งสองฝ่ายบรรจบกันอย่างคุ้นเคย และการจ้องตากันก็ราวกับแฝงไว้ซึ่งพลังมหาศาล ทำให้อวกาศสั่นสะเทือนแล้วเกิดรอยแยกขนาดใหญ่รอยแล้วรอยเล่า เหมือนกับถูกฉีกขาด
หวังเป่าเล่อและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณรวมถึงนักบุญมืดทั้งสามคนถอยหลังทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่นิด เมื่อออกมาห่างแล้ว พวกเขาก็กระจ่างแจ้งดีว่าการต่อสู้ต่อไปนี้ไม่ใช่ของพวกเขาอีกต่อไป แต่เป็นของ…เฉินชิงจื่อ
สีหน้าของหวังเป่าเล่อซับซ้อนเล็กน้อย เขาลอบถอนหายใจออกมา ความจริงแล้วครั้งนี้เขาจะไม่ลงมือก็ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ยังมาเข้าร่วม เพราะเขาคิดจะสร้างโอกาสลงมือให้กับเฉินชิงจื่อ
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังเตรียมพร้อมรบอยู่นั้น ว่าตามหลักการแล้ว ฝ่ายหลุดพลังออกมาก่อนย่อมเป็นผู้เสียเปรียบ โดยเฉพาะถ้าหากตัวเขาบาดเจ็บด้วยยิ่งแล้ว จะทำให้ก็ยิ่งเสียเปรียบหนักเข้าไปใหญ่
และทางฝั่งเว่ยยางจื่อก็เป็นผู้ที่จบการเตรียมพร้อมรบก่อนเพราะการโจมตีของหวังเป่าเล่อและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณรวมไปถึงคนจากสำนักแห่งความมืดสองสามคนนั้น แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่หนักหนา แต่นิ้วมือที่หักไปก็ไม่อาจย้อนกลับมาเขา
ตัดนิ้วขาดหนึ่งนิ้ว!
นี่คือขีดสุดที่พวกหวังเป่าเล่อสามารถทำได้ในตอนนี้ แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ได้ทดสองพลังต่อสู้ของเว่ยยางจื่อในทางอ้อมด้วย กล่าวตามตรง มันสามารถทำให้ทางเฉินชิงจื่อมีแผนการอยู่ในใจได้
“สิ่งที่ข้าทำได้มีเพียงเรื่องพวกนี้แล้ว” หวังเป่าเล่อถอยไปเรื่อยๆ อย่างเงียบงัน และตอนที่พวกเขาสองสามคนถอยหลังมานั้น เสียงของเว่ยยางจื่อก็ค่อยๆ ดังก้องพร้อมความโชกโชนผันผวน
“เฉินชิงจื่อ ข้าผู้สูงส่งรอเข้ามานานแล้ว” เว่ยยางจื่อไม่สนใจการหนีไปของพวกหวังเป่าเล่อทั้งสามคน ตอนนี้ในสายตาของเขามีเพียงเฉินชิงจื่อ ส่วนคนอื่นๆ ล้วนไม่อาจเข้ามาอยู่ในสายตาของเขาได้
มีเพียงเฉินชิงจื่อหลังสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิแห่งความมืดเท่านั้นถึงจะเป็นคนที่เขาสนใจและรอคอยมากที่สุด
แววตาของเฉินชิงนิ่งสงบ จดจ้องไปยังเว่ยยางจื่อตรงหน้า เขารู้ว่าการที่หวังเป่าเล่อเป็นผู้ยั่วยุเว่ยยางจื่อครั้งนี้ก็เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเขา เพื่อทำลายการสั่งสมกำลังของเว่ยยางจื่อ
อันที่จริง เรื่องนี้เป็นประโยชน์จริงๆ แม้ว่าเขาจะมองออกไปรางๆ ว่าเว่ยยางจื่อมีจุดประสงค์บางอย่าง แต่ก็ยังสามารถทำให้เว่ยยางจื่ออ่อนแอลงไปได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ตัวเขามองเห็นขีดจำกัดของอีกฝ่ายได้
ส่วนจุดประสงค์ของเขา เฉินชิงจื่อก็เดาออกได้เกินครึ่ง อีกฝ่ายคาดหวังการต่อสู้กับตน ถึงขั้นที่ใช้คำว่า ‘รีบร้อน’ มาบรรยายถึงระดับความคาดหวังได้เลย
“ยืมมือของข้าเพื่อจะไปจากโลกแห่งศิลาหรือ…” แววตาของเฉินชิงเผยประกายคมกริบ
แม้ว่าจะเดาได้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะสู้รบ ถึงขนาดที่ว่าถ้าหากพวกหวังเป่าเล่อไม่ได้มาวัดขีดจำกัดของอีกฝ่ายให้แก่เขา สุดท้ายเขาก็ยังจะสู้ เพราะเตรียมการมาจนถึงที่สุดแล้ว ต่อไปถ้าหากยังไม่สู้และตัวเขาเองคิดไม่ตก เช่นนั้น…ศึกกับเว่ยยางจื่อก็จะกลายเป็นจิตยึดมั่นของตัวเขาเช่นกัน
“นี่ คือวิถีของข้า!” เฉินชิงจื่อพึมพำในใจ พริบตาต่อมาแววตาของเขาก็ระเบิดประกายแสงแรงกล้า ตอนนี้เองจิตแห่งการต่อสู้ก็ยิ่งปะทุขึ้นมาในใจของเขากะทันหัน ร่างสั่นไหว คนทั้งคนกลายเป็นสายฟ้าสีดำสายหนึ่งฉีกกระชากอวกาศ แล้วพุ่งทะยานไปยัง…เว่ยยางจื่อ
เว่ยยางจื่อหัวเราะลั่นขึ้นฟ้า แววตาฉายแววตื่นเต้นออกมา ขณะที่ก้าวเท้า ร่างกายก็พุ่งออกมาเช่นกัน ทุกก้าวที่เหยียบลงก็เกิดเสียงดังสนั่นมาจากทั้งสี่ทิศ เต๋าแห่งความว่างเปล่าเข้ามาละชั้นๆ
เมื่อแต่ละชั้นร่วงลงมาก็ทำให้อวกาศราวกับถูกแช่แข็ง ชั่วพริบตาก็มีความว่างเปล่าหลายสิบแห่งซ้อนทับกันอยู่ในที่แห่งนี้แล้วขวางกั้นอยู่ตรงหน้าเฉินชิงจื่อ แต่กลับไม่มีผลใดๆ ต่อเว่ยยางจื่อแม้แต่นิด กลับทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น ขณะที่ผนึกมุทราก็มีเสียงกึกก้องดังออกมา ความว่างเปล่าซ้อนทับกันเกินกว่าหลายร้อยชั้นไปแล้ว
ขณะที่ทั้งสองเข้ามาใกล้กัน ปลาดำจากสำนักแห่งความมืดและด้วงเกราะทองของตระกูลไม่รู้สิ้นก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลมแล้วพุ่งออกมาเช่นกัน พวกมันไม่ได้สู้กันในระยะประชิด แต่แผ่กฎเกณฑ์และวิชาเวทของตัวเองออกมา ทำให้อวกาศสั่นสะเทือน มหาเต๋ากู่ร้อง กฎเกณฑ์และวิชาเวทที่แตกต่างกันปะทะเข้าด้วยกันอย่างไร้รูป คลื่นความผันผวนโหมซัดกระจายไปทั่วทุกทิศ แผ่ขยายไปทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น
ไม่ว่าจะเป็นเต๋าฝั่งซ้ายหรือสำนักเสริม ชั่วขณะนี้ล้วนแต่สั่นสะท้านกันทั้งนั้น
ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็หดเกร็ง เขาและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณรวมถึงนักบุญมืดพากันถอยหลังอีกครั้งแล้วจ้องมองศึกครั้งนี้
เสียงอึกทึกกึกก้องดังสะท้อนไปทั่วฟ้า แม้ว่าความเร็วของเฉินชิงจื่อที่กลายเป็นสายฟ้าดำจะน่าตะลึง แต่หวังเป่าเล่อก็ยังพอมองเห็นเงาร่างของเขาได้ ชุดดำพลิ้วไสว ผมดำแผ่สยาย กระบี่ไม้ในมือขวาที่ยกขึ้นมาฟันทะลวงไปข้างหน้าในชั่วพริบตา
เสียงหวีดหวิดกึกก้องดังตลอดทาง ความว่างเปล่าทับซ้อนหลายชั้นที่เดิมทีมองไม่เห็นและก่อนหน้านี้สามารถขัดขวางพวกหวังเป่าเล่อไว้ได้ แต่ตอนนี้กลับขวางเฉินชิงจื่อไม่ได้เลย
ตอนนี้เมื่อกระบี่ไม้เข้าไปปะทะ มันก็แตกร้าวแล้วถล่มทลายมาตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นสิบกว่าชั้น หรือว่าหลายสิบชั้น หรือนับร้อยชั้นก็ล้วนไม่แตกต่าง มันแตกสลายทั้งหมดพร้อมเสียงหวีดหวิวของกระบี่ไม้!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น เฉินชิงจื่อในร่างสายฟ้าดำได้ทำลายการทับซ้อนของความว่างเปล่าทั้งหมดจนสิ้นซากในทันที แล้วมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเว่ยยางจื่อ ก่อนฟันกระบี่ลงไป!
เว่ยยางจื่อเงยหน้าหัวเราะ จิตวิญญาณการต่อสู้ในแววตาแรงกล้าไร้ใดเปรียบ
“เฉินชิงจื่อ หวังว่าเจ้าจะไม่…ทำให้ข้าผิดหวัง!” ขณะที่เอ่ย เว่ยยางจื่อก็ยกมือขวาขึ้น เต๋าพลังปะทุออกมาทันใดแล้วกดหนึ่งฝ่ามือลงไปที่กระบี่ไม้ทันที
ฝ่ามือของเขาขยายใหญ่อย่างไร้ที่สิ้นสุดในชั่วพริบตา กลายเป็นฝ่ามือแห่งพลังแบบก่อนหน้านี้ราวกับสามารถปกคลุมทั่วทั้งอวกาศได้ จากนั้นก็ปะทะเข้ากับกระบี่ไม้ของเฉินชิงจื่อ
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว คมดาบของกระบี่ไม้สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แม้ว่าฝ่ามือพลังจะมีอานุภาพเทียมฟ้า แต่ในชั่วขณะที่ปะทะกันนั้น มันก็พลันสั่นสะเทือน แม้ว่าจะกำหมัดลงกะทันหันเพื่อมาห่อหุ้มกระบี่ไม้ของเฉินชิงจื่อไว้ภายในก็ตาม แต่ในชั่วขณะที่กำหมัด กระบี่ไม้ก็แทงทะลุทุกสิ่งทุกอย่างออกมาตรงๆ จากภายในฝ่ามือนี้พร้อมกับแสงเจิดจ้า
เลือดสาดกระเซ็น ฝ่ามือแตกสลาย เงาร่างของเฉินชิงจื่อสงบนิ่ง หลังจากเขาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกระบี่ไม้ ชั่วพริบตาก็มาถึงตรงหน้าเว่ยยางจื่อแล้ว เขายกมือขวาที่จับกระบี่ไม้ขึ้นมาแล้วฟันตรงไปยังลำคอของเว่ยยางจื่อทันที
รวดเร็วยิ่งนัก!
การตัดตอนนั้นเฉียบคมอย่างยิ่ง ราวกับไม่มีทางถูกขัดขวางได้เลย ส่วนเว่ยยางจื่อในตอนนี้ก็ดูจะหลบได้ยาก ขณะที่จิตใจของพวกหวังเป่าเล่อสั่นสะเทือน พวกเขาก็มองเห็นเงาร่างถือกระบี่ไม้ของเฉินชิงจื่อทะลวงผ่านข้างกายเว่ยยางจื่อไปตรงๆ!
จนกระทั่งด้านหลังของเว่ยยางจื่อมีแสงเจิดจ้านับร้อยสาย สายฟ้าดำสลายหายไปจนเผยให้เห็นร่างของเฉินชิงจื่อ สีหน้าของเขาเป็นปกติ แต่แววตาก็ไม่นิ่งสงบอีกต่อไป ทว่าเผยให้เห็นความเครียดขึง มองไปยังเว่ยยางจื่อที่ยืนอยู่ที่เดิมและเสียแขนไปหนึ่งข้าง
เมื่อครู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหลังจากนั้น กระบี่เล่มนั้นถูกพลังแปลกประหลาดที่แผ่ออกมาจากภายในร่างของเว่ยยางจื่อบังคับเปลี่ยนทิศทาง ดังนั้นสิ่งที่เขาเสียไปจึงไม่ใช่หัว แต่เป็นแขน
มือขวาของเว่ยยางจื่อขาดออกจากร่างกาย ถึงขั้นที่หลังจากขาดออกมาแล้ว แขนที่ขาดไปก็คล้ายจะแบกรับพลังทำลายล้างจากภายในไม่ได้ จึงเริ่มแตกสลาย แต่…เว่ยยางจื่อที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตัวของเขากลับมีแขนข้างใหม่งอกออกมาเสียได้
“สมกับที่ข้าผู้เฒ่ารอมาหลายปีเพื่อรอการต่อสู้ครั้งนี้ เฉินชิงจื่อ…เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!” มุมปากของเว่ยยางจื่อเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็สะท้อนก้องอยู่ในอวกาศ ทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนจนแตกร้าวติดๆ กัน
แม้แต่นักบุญมืด เป็นเพราะว่าบาดเจ็บ ตอนนี้ท่ามกลางเสียงหัวเราะนี้ ร่างกายของเขากลับทนรับไม่ไหว เกือบจะสยบอาการบาดเจ็บไว้ไม่ได้อยู่แล้ว ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณและหวังเป่าเล่อก็มีสีหน้าอึมครึมในพริบตา
………………