หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1254 คำนับสามครั้งของจักรพรรดิแห่งความมืด!
หวังเป่าเล่ออยู่ห่างออกไป หลังจากมองดูภาพนี้ ดวงตาก็หดเกร็ง เมื่อพินิจดูอย่างละเอียดแล้วเขาก็มั่นใจเต็มร้อยว่าเงาร่างที่เดินออกมาจากแม่น้ำแห่งความมืดก็คือศพจักรพรรดิแห่งความมืดที่ตนเห็นในโลงศพวันนั้น
เห็นได้ชัดว่าทางเฉินชิงจื่ออาจจะใช้สมบัติชั้นสูงอะไรบางอย่างหรือไม่ก็ใช้วิชาย้อนสวรรค์สักอย่างออกมา ถึงได้ทำให้เขากลับมาเหมือนกับฟื้นคืนชีพ โดยเฉพาะอานุภาพกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของอีกฝ่ายในตอนนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเว่ยยางจื่อเลย ทั้งหมดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อเดาได้ว่านี่คงจะเป็นเคล็ดวิชาลับของเฉินชิงจื่อ
แทบจะทันทีที่สายตาของหวังเป่าเล่อทอดมองไป จักรพรรดิแห่งความมืดผู้เดินออกมาจากแม่น้ำแห่งความมืดก็จ้องมองอย่างเย็นชาไปยังเว่ยยางจื่อด้วยท่าทางจริงจัง ไม่พูดอะไรก็กอบหมัดคำนับอย่างล้ำลึกไปยังเว่ยยางจื่อตรงๆ!
นี่ดูคล้ายกับเป็นการคำนับธรรมดาๆ แต่กลับทำให้สีหน้าของเว่ยยางจื่อเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ร่างของเขาถอยร่นเร็วรี่ หวังเป่าเล่อก็มองเห็นเค้าเงื่อนแล้วเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรสถานะของจักรพรรดิแห่งความมืดก็คือจักรพรรดิ การคำนับของเขาจะต้องมีจุดแปลกประหลาดอยู่แน่ๆ
ความจริงเป็นเช่นนั้นจริงๆ แทบจะทันทีที่จักรพรรดิแห่งความมืดคำนับไปทางเว่ยยางจื่อ แม่น้ำแห่งความมืดก็สะเทือนสนั่น แม่น้ำในนั้นไหลกลิ้งหนักหน่วง ชั่วขณะนี้เอง ปราณมืดก็กวาดไปทั้งแปดทิศอย่างบ้าคลั่ง ในชั่วพริบตา อวกาศของทั่วทั้งจักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้นกลับถูกปราณมืดที่ราวกับผลักภูเขาพลิกทะเลพวกนี้ปกคลุมไว้จนสิ้น
เมื่อเกิดการปกคลุมห่อหุ้ม กลิ่นอายของจักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้นก็ผันผวนขึ้นมา ราวกับกลายเป็นมิติแห่งความมืดอย่างไรอย่างนั้น พลังชีวิตและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดพากันตัวสั่นสะท้านในระดับต่างๆ กันขึ้นมาตอนนี้เอง ผู้ที่อ่อนแอก็หมดสติไปทันที ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งก็ยังมีคลื่นมโหฬารซัดโหมอยู่ในใจ
แม้จะเป็นปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ตอนนี้สีหน้าของเขาขาวซีด ต่อต้านไว้เต็มกำลัง มีเพียงหวังเป่าเล่อเท่านั้น เพลิงดำภายในร่างลุกโชนแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชั่วพริบตา ทำให้เมื่ออวกาศแห่งนี้กลายเป็นมิติแห่งความมืด เขาจึงไม่เพียงไม่ได้รับผลกระทบ กลับยังอิสระเบาสบายยิ่งกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน เมื่อเห็นว่าปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณคล้ายจะทนไม่ไหว หวังเป่าเล่อก็พลันโบกมือ เพลิงดำแผ่ออกมาครอบคลุมปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณเอาไว้ แบ่งไปให้เขาเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้สีหน้าของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณฟื้นกลับมาบ้าง เมื่อมองไปยังหวังเป่าเล่อก็ฉายแววซาบซึ้งออกมา จากนั้นยามมองไปรอบตัว เขาก็รู้สึกใจสั่นรุนแรง
“จักรพรรดิแห่งความมืด…” ท่าทางของปรมาจารย์เจ็ดวิญญาณนั้นซับซ้อน เพราะเขามองออกว่าการคำนับครั้งนี้ของจักรพรรดิแห่งความมืดได้ทำให้อวกาศกลายเป็นมิติแห่งความมืด และการระเบิดของปราณมืด โดยรวมแล้วส่วนใหญ่ไปกระจุกอยู่ที่เว่ยยางจื่อ เพียงส่งผลต่อสรรพชีวิตแค่สองส่วนเท่านั้น แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ตนก็แทบจะทนรับไม่ไหว เห็นได้ว่าช่องว่างนั้นยิ่งใหญ่มากนัก
ขณะเดียวกัน เมื่อจักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้นกลายเป็นมิติแห่งความมืด พริบตาที่จักรพรรดิแห่งความมืดเงยหน้าขึ้นจากการคำนับ ทั่วทั้งมิติมืดก็มีเสียงก้องกัมปนาทดังขึ้นมา คล้ายกับการบีบอัด ปราณมืดแปดส่วนรอบๆ รวมตัวแล้วกดดันไปที่เว่ยยางจื่ออย่างพร้อมเพรียง
พลังสยบกดดันนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน คล้ายกับหยิบทั้งมิติมืดขึ้นมาแล้วทุบลงไปอย่างไรอย่างนั้น ความรุนแรงเช่นนี้ต่อให้เป็นระดับจักรวาลก็ยากจะทนรับไหว ร่างกายของเว่ยยางจื่อสั่นสะเทือน อาภรณ์เหลืองทั่วร่างขยับโดยไร้ลม ชั่วพริบตานี้ ในดวงตาของเขาก็ระเบิดประกายเจิดจรัสออกมา
“ไม่ได้พบกับคำนับสามครั้งของจักรพรรดิแห่งความมืดนานแล้ว!”
“แต่ปีนั้นข้าผู้เฒ่าสามารถสังหารเจ้าได้ วันนี้ก็ทำได้เช่นกัน!” ขณะที่เว่ยยางจื่อเอ่ยพูด พลังในร่างก็ปะทุออกมาทันใด ชั่วขณะนี้อานุภาพแห่งจักรพรรดิก็ยิ่งพวยพุ่งมหาศาล จากนั้นเท้าก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
“สายตามองทางใด สรรพสิ่งล้วนกลายเป็นภาพจักรพรรดิ!”
แทบจะในพริบตาที่เท้าของเขาเหยียบลงมา รูปภาพมายาอันงดงามหลากสีสันภาพหนึ่งก็ปรากฎขึ้นใต้เท้าของเขา ภาพนี้ขยายใหญ่อย่างไร้ที่สิ้นสุดในชั่วพริบตา กวาดไปยังอวกาศทันที แผ่ขยายอย่างบ้าคลั่งไปทั้งสี่ทิศ แล้วปกคลุมอวกาศตระกูลไม่รู้สิ้นแห่งนี้โดยตรง แผ่ขยายไปทั่วทั้งจักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้น
อานุภาพแห่งจักรพรรดิไร้ใดเทียมแผ่กระจายออกมาจากบนภาพผืนนั้นพร้อมกับอานุภาพน่าเกรงขามสุดสะพรึง ถ้าหากก้มหน้ามองลงมาจากที่สูงก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า ภายในภาพผืนนี้คล้ายจะวาดสายน้ำภูเขาและพื้นภูมิเอาไว้
นั่นก็คือ…ภาพแผนที่อาณาจักร!
ชั่วขณะนี้เอง ภาพจักรพรรดิและปราณมืดก็ปะทะเข้าด้วยกันทันที
พริบตาต่อมา เมื่อเว่ยยางจื่อยกสองมือขึ้น ทันใดนั้นภาพจักรพรรดิผืนนี้ก็ทะยานขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา พุ่งขึ้นต้านทานอานุภาพกดดันจากปราณมืด เมื่อพุ่งลงก็ยิ่งไปสยบกดดันมิติมืด
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังก้องขึ้นมาทันที ทำให้อวกาศบิดเบี้ยว แปดทิศโกลาหล ทั่วทั้งจักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้นล้วนมีคลื่นผันผวนสะเทือนฟ้าโหมขึ้นมา การต่อสู้เช่นนี้ไม่อาจใช้วิชาเวทพลังเทพมาอธิบายได้แล้ว โดยพื้นฐานแล้วมันคือการต่อสู้ของกลิ่นอายพลัง เป็นการปะทะกันของจักรพรรดิและความตาย
ในการต่อสู้นี้ หวังเป่าเล่อก็ล่าถอยไปทันทีเช่นกัน ถ้าหากมีแค่ปราณมืดก็ช่างเถอะ แต่ในนั้นยังผสานจิตแห่งจักรพรรดิของเว่ยยางจื่อด้วย คลื่นผันผวนที่ถูกชักนำขึ้นมานั้น แม้แต่ตัวเขาก็ยังรู้สึกว่าวิญญาณเทพสั่นสะท้านรุนแรง
มีเพียงเฉินชิงจื่อเท่านั้นที่ยังยืนอยู่กลางอวกาศ เขาก้มหน้าลงแล้วจ้องมองทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ถ้าหากมองดูดีๆ แล้ว คล้ายกับว่าชั่วขณะนี้เฉินชิงจื่อกำลังเหม่อลอยอยู่ ราวกับจมอยู่ในความคิดบางอย่าง
ดูเหมือนว่าสองฝ่ายที่ต่อสู้กันจะเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ศึกของเขากับเว่ยยางจื่ออีก แต่เป็นการต่อสู้ของจักรพรรดิแห่งความมืดกับไม่รู้สิ้น
พริบตาต่อมา ทั่วทั้งอวกาศล้วนสั่นสะเทือน การสยบกดดันของมิติมืดที่เกิดจากการคำนับครั้งแรกของจักรพรรดิแห่งความมืดก็ถูกภาพจักรพรรดิทำลายได้ จักรพรรดิแห่งความมืดมีสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนคำนับอีกครั้งให้กับเว่ยยางจื่อ!
คำนับครั้งที่สองของจักรพรรดิแห่งความมืด!
หลังจากคำนับลงไปแล้ว ทันใดนั้นภายในมิติมืดแห่งนี้ก็พลันมีแสงริบหรี่หลายดวงปรากฏขึ้น คล้ายกับดวงดาว ดวงแสงมีจำนวนนับไม่ถ้วน ถึงขั้นที่บนภาพจักรพรรดิก็ยังมีดวงแสงจำนวนไม่ชัดเจนปรากฎขึ้นมาเช่นกัน
แสงริบหรี่แพร่กระจายราวกับเพลิงดำและยิ่งเหมือนกับตะเกียงมืด ยิ่งกว่านั้น ดวงแสงเหล่านี้ก็ยังระเบิดออกมาตามๆ กันในชั่วพริบตา แล้วผลิบานออกมากลายเป็น…ดอกไม้!
ดอกไม้เหล่านี้มีสีดำและแผ่กลิ่นอายแห่งความตายเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม กลีบดอกไม้คล้ายกับใบหน้าผี ขณะที่มันแพร่กระจายไปทั่วทั้งจักรวาล ก็มีเสียงหัวเราะแปลกประหลาดที่แยกชายหญิงแก่ชราไม่ออกดังก้องไปทั่วทั้งแปดทิศ
“บุปผาดำ!” หวังเป่าเล่อดวงตาหดเกร็ง ดอกไม้เช่นนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ในตำราของสำนักแห่งความมืดในนิมิตมืดนั้น เขาเคยเห็นคำอธิบายของมัน
ในคำอธิบายนั้น เขารู้ว่ามิติแห่งความมืดมีดอกไม้ชนิดหนึ่ง มีข่าวลือว่าดอกไม้ชนิดนี้แปลงมาจากดวงวิญญาณเทพของจักรพรรดิแห่งความมืดองค์แรกของสำนักแห่งความมืด เบ่งบานหนึ่งหมื่นปีและเหี่ยวเฉาหนึ่งหมื่นปี และทุกครั้ง ในชั่วอึดใจระหว่างที่มันเบ่งบานและเหี่ยวเฉา มันก็จะปล่อยพลังสะเทือนวิญญาณเทพออกมา
เพียงแต่อานุภาพกดดันเช่นนี้ไม่ได้น่าตะลึงอย่างในข่าวลือ พูดได้เพียงพอใช้ได้เท่านั้น
แต่…แม้ว่าอานุภาพกดดันของดอกไม้หนึ่งดอกจะไม่มากนัก ทว่าเมื่อมองออกไป บุปผาดำในที่แห่งนี้เกรงว่าจะมีจำนวนเป็นล้านล้านดอก อีกทั้งราวกับมีกาลเวลาไหลผ่านพวกมันไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวเบ่งบาน และอีกพริบตาเดียว…ก็เหี่ยวเฉา!
เมื่อมันเหี่ยวเฉา พลังน่าสะพรึงยากจะพรรณนาก็พลันระเบิดพวยพุ่งไปยังภาพจักรพรรดิ ทำให้ภาพจักรพรรดิผืนนั้นสั่นสะเทือนอยู่ชั่วขณะแล้วเกิดรอยร้าวขึ้นทันที จากนั้นท่ามกลางเสียงดังกัมปนาท มันก็แตกกระจาย พังทลายเป็นเสี่ยงๆ
ขณะที่มันพังทลายนั้น พลังที่สยบมิติมืดก็สลายไปเช่นกัน ทำให้ทั่วทั้งมิติมืดแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ปราณมืดปรากฏขึ้นจากทั่วทุกทิศ บุปผาดำผุดขึ้นมากมายยิ่งกว่าเดิมแล้วเหี่ยวเฉาลงอย่างต่อเนื่อง มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อเกิดเป็นพลังน่าสะพรึงไร้ใดเปรียบสะเทือนเลื่อนลั่นไปทางเว่ยยางจื่อ
สีหน้าของเว่ยยางจื่อไม่น่ามอง ร่างกายถอยหลังอีกครั้ง มือขวายกขึ้นโบกไปข้างหน้าโดยพลัน ทันใดนั้นอาภรณ์เหลืองและมงกุฏจักรพรรดิบนร่างของเขาก็ส่องประกายแสงเจิดจ้าเสียดตา ทำให้จิตจักรพรรดิบนร่างของเขากว้างใหญ่ไพศาลอีกครั้ง ขณะที่มันปะทะกับพลังกดดันที่แผ่มาจากทั่วทุกทิศนั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้า ท่าทางน่าเกรงขาม ปากเอ่ยเสียงดังยิ่งกว่าอัสนี
“บัญชาจักรพรรดิ!”
“โลกานี้ไร้ความมืด!”
“กษัตริย์ตรัสคำไหนคำนั้น!”
เมื่อคำพูดของเว่ยยางจื่อดังออกมา เจตจำนงเต๋าภายในร่างของเขาก็แผ่กระจาย ความน่าเกรงขามแสนสะพรึง เจตจำนงจักรพรรดิมหาศาลราวกับพลิกย้อนวิถีเต๋า เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ ส่งผลต่อทุกสิ่งทุกอย่างในอวกาศ และเขียนโครงสร้างของอวกาศใหม่จากรากฐาน ทำให้ในชั่วพริบตา อวกาศผืนนี้ก็บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที บุปผาดำทั้งหมดในนั้นราวกับถูกลบเลือน ล้วนแต่สลายหายไปจนสิ้น!
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีปราณมืดทั้งหมดภายในอวกาศด้วย ถึงขนาดที่เพลิงดำภายในร่างของหวังเป่าเล่อก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ชั่วพริบตา…มันก็หายวับไป หายไปแบบที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
ส่วนจักรพรรดิแห่งความมืดก็เช่นเดียวกัน ร่างกายลมหายใจของเขาอ่อนแออย่างรุนแรงทันที ถึงขั้นที่บางส่วนกลับเริ่มกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ภาพนี้ทำให้จิตใจของหวังเป่าเล่อพลิกตลบ แต่พริบตาต่อมา จักรพรรดิแห่งความมืดก็ถอนหายใจแผ่วเบา แล้วคำนับอีกครั้งไปยังเว่ยยางจื่อ!
นี่ก็คือ การคำนับครั้งที่สาม!
……………………