หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1277 อาวุธ!
โลกศิลากำลังเดือดพล่าน จักรวาลกำลังร้องคำรามมาจากทุกสารทิศ การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงเช่นนี้ ด้านหนึ่งมาจากสงครามที่ร่างแยกมหาเทพอยู่ในขณะนี้ อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะการหลอมเมล็ดพันธุ์เต๋าของหวังเป่าเล่อ
อย่างหลังนั้นส่งผลกระทบใหญ่กว่ามาก ถึงขนาดทำให้ร่างแยกมหาเทพหวาดกลัวจนเนื้อเต้น รู้สึกได้ถึงเค้าลางหายนะจนเด็กหนุ่มชุดแดงยิ่งบ้าคลั่งเข้าไปอีก เขาพยายามสลัดพวกปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยเพื่อจะขัดขวางหวังเป่าเล่อ
เพียงแต่…หากมีแค่ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยกับปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณสองคน เขาคงสยบได้อย่างง่ายดาย แต่…มีปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์เพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ดาบสะท้านฟ้าของอีกฝ่ายทำให้ฝ่ายเด็กหนุ่มชุดแดงหวาดกลัวอยู่ในใจ แม้อานุภาพของดาบจะไม่ได้ถึงขนาดทำลายล้างเขาได้ แต่ทั้งสามคนต่างจับมือกันขัดขวางเขาทุกวิถีทาง และท้ายที่สุดก็ดึงร่างเขาไว้ที่เดิม ไม่อาจหนีไปไหนได้
นั่นยิ่งทำให้เขาวิตกจริตขึ้นเรื่อยๆ และควบคุมความบ้าคลั่งไว้ไม่ได้ ขณะกรีดร้องคำรามก็แปลงกายเป็นตะขาบสีเลือดดูชั่วร้ายจนจักรวาลของโลกศิลากลายเป็นสีแดงฉาน
การต่อสู้ดำเนินต่อไป ส่วนอีกด้านหนึ่งหวังเป่าเล่อที่กำลังหลอมเมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุไฟอยู่ในจักรพิภพสำนักเสริมก็ได้มาถึงช่วงเวลาสำคัญของชีวิตแล้ว
หากเมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุไฟเซียนเสร็จสมบูรณ์ มันจะไม่ใช่แค่เป็นตัวแทนของกฎแห่งไฟและเป็นต้นกำเนิดเท่านั้น แต่ยังหมายถึง…ธาตุทั้งห้าของเขาสมบูรณ์แล้ว และการระเบิดหลังจากมันสมบูรณ์แล้วนั้นย่อมรุนแรงกว่าแต่ก่อนมาก
แม้ในด้านระดับก็ไม่เหมือนกัน
และเพราะเหตุนี้เอง ความเร็วในการหลอมขั้นสุดท้ายจึงยากจะสำเร็จในชั่วพริบตา และในขณะนี้ก็มีสายตามากมายกำลังจ้องมองมายังโลกศิลา
หนึ่งในนั้นมาจากในสำนักดาราจันทร์ นั่นก็คือแม่นางน้อยหวังอีอี ในใจนางทั้งสับสนและรู้สึกผิด สายตาที่จ้องมองไปยังจุดที่หวังเป่าเล่ออยู่นั้นแน่วแน่เด็ดเดี่ยว เมื่อก้มหน้าลงในมือนางก็ปรากฏบางอย่างที่คล้ายกับแผ่นหยกมายา แผ่นหยกนี้บิดเบี้ยวราวกับอยู่ในห้วงกาลเวลา
“เตี่ย…ข้าเสียใจ หากสุดท้ายแล้วเขา…ท่านจะลงมือไหม”
ขณะที่แม่นางน้อยพึมพำเสียงเบาอยู่นั้น ด้านนอกโลกศิลา ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้ของเขต ร่างที่นั่งอยู่บนเรือเดียวดายกำลังเงยหน้าขึ้น ดวงตามีความสับสนเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ
“นี่คือทางเลือกของเจ้าหรือ”
“เตี่ย นี่คือทางเลือกของข้า”
“…” ร่างนี้ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่กลับหลับตาลง
ในเวลาเดียวกันภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ทุกสายตาต่างมองมาที่จุดนี้ราวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดที่นี่สำคัญมากสำหรับพวกเขา
“อาวุธ…กำลังจะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว” ไม่รู้ว่าใครกำลังพึมพำจนสะท้อนอยู่ในหัวเจ้าของสายตาทุกผู้คน บางคนเงียบ บางคนถอนหายใจ ส่วนร่างบนเรือเดียวดายนั้นลืมตาขึ้นและแค่นเสียงเย็นชา
“สหายเต๋าหวัง แม้ข้าแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบรรลุเต๋าของเจ้า แต่…นี่เพื่อพวกเราทุกคน เหตุใดถึงต้องปฏิเสธด้วย” เสียงแก่ชราดังขึ้นอีกครั้ง
“ไปซะ!” คนที่ตอบเขาคือร่างที่นั่งอยู่บนเรือเดียวดาย สายตาเฉียบคมพร้อมกับคำพูดสองคำนั้นทำให้เกิดเสียงดังสะท้อนกลับมาจากจักรวาลอันไกลโพ้นทันทีราวกับพื้นที่ตรงนั้นพังทลายลงและเสียงแก่ชรานั่นก็หายไป
ร่างบนเรือเดียวดายเงยหน้า ไม่สนใจจักรวาลที่พังทลายไปเมื่อครู่แต่อย่างใด แต่กลับจ้องมองศิลาขนาดมหึมาที่แตกร้าวตรงหน้า จากนั้นไม่นานก็เอ่ยเสียงเบา
“แซ่หวังเป็นหนี้เจ้า เพราะฉะนั้นทุกคนที่พยายามจะใช้ชะตากรรมของเจ้า ข้าจะช่วยกำจัดมันเอง”
ในพริบตาที่ร่างนั้นเอ่ยออกมา เด็กหนุ่มชุดแดงในโลกศิลาก็ระเบิดเคล็ดวิชาลับ แปลงกายเป็นทะเลเลือดกวลาดล้างไปทุกทิศทุกทาง
ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยกระอักเลือด กายเนื้อไม่อาจทนรับการพังทลายนี้ได้ ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณก็เช่นกัน โชคดีที่ปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์สกัดไว้ทำให้พวกเขาสองคนไม่ได้วิญญาณแตกสลาย ส่วนเด็กหนุ่มชุดแดงก็ไม่มีเวลามาสังหาร เขาที่กำลังวิตกจริตและร้อนใจสุดๆ แปลงกายเป็นทะเลเลือดและกวาดไปยัง…จักรพิภพสำนักเสริมที่หวังเป่าเล่ออยู่
มันเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็ข้ามผ่านจักรพิภพใจกลางไปแล้ว สีแดงเลือดปกคลุมไปทั่วทั้งจักรวาล ทุกชีวิตต่างสัมผัสได้ถึงพลังปราณเลือดอันเข้มข้นที่มาจากระหว่างฟ้าดินได้อย่างชัดเจน
ผืนดินกำลังแตกระแหง ทุกชีวิตกำลังเหี่ยวเฉา ทุกสิ่งในโลกศิลาราวกับถูกย้อมสี แม้แต่ศิลาขนาดมหึมาที่ลอยอยู่ในจักรวาลยังกลายเป็นสีแดงฉานอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เหมือนกับก้อนอิฐที่ถูกเผาจนเป็นสีแดงที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ มันปรากฏรอยร้าวขึ้นทีละรอยและกระจายไปอย่างรวดเร็ว ภาพนี้ทำให้ทุกสายตาที่จ้องมองมายังที่แห่งนี้ยิ่งใจจดใจจ่อ ร่างที่นั่งอยู่บนเรือเดียวดายยกมือขวาขึ้นมา
ในพริบตาที่ความสนใจจากโลกภายนอกเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ทะเลเลือดจากร่างแยกมหาเทพที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งสยบทุกสิ่งยิ่งระเบิดจิตสังหารออกมามากขึ้น ท่ามกลางกลิ่นอายความร่วงโรยของทุกสิ่ง เขาได้ข้ามผ่านจักรพิภพใจกลางมาถึงในจักรพิภพสำนักเสริมแล้ว ในวินาทีต่อมา…เขาก็ปรากฏตัว…ในจักรวาลที่หวังเป่าเล่อกำลังนั่งขัดสมาธิหลอมเมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุไฟ!
“ตาย!” เสียงคำรามที่ไม่เหมือนเสียงมนุษย์แผ่ซ่านไปถึงจิตใจทุกคน ทะเลเลือดพลันก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์ขนาดเท่าจักรวาล
ทุกชีวิตในจักรพิภพสำนักเสริมต่างเห็นภาพนี้กันอย่างชัดเจน พวกเขาแหงนหน้าขึ้นก็มองเห็นท้องฟ้าที่ถูกย้อมเป็นสีเลือดได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ามือยักษ์ไปแล้ว อาการสั่นเทามาจากจิตวิญญาณและความหวาดกลัวจากสัญชาตญาณทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทำได้แค่ตัวสั่นเทิ้ม!
ตอนนี้ฝ่ามือยักษ์กำลังกวาดไปทางหวังเป่าเล่อที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว จนล้อมรอบร่างหวังเป่าเล่อราวกับจะทำให้เขาและจักรวาลที่เขาอยู่ รวมถึงส่วนเล็กๆ ของจักรพิภพสำนักเสริมแห่งนี้มอดไหม้เป็นจุณอยู่ในฝ่ามือ
ทว่าในพริบตาที่ฝ่ามือนี้จะจับเขาและแผดเสียงดุร้ายของร่างแยกมหาเทพออกมานั้นเอง…หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่งแล้วเอ่ยเบาๆ
“ไฟ”
เมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุไฟเซียนตรงหน้าเขา…เสร็จสมบูรณ์แล้ว!
วินาทีที่มันเสร็จสมบูรณ์ก็เปล่งแสงเจิดจ้าก่อตัวเป็นประกายเพลิงขนาดมหึมา ส่งอิทธิพลไปทั่วทั้งโลกศิลา ทำให้ทั้งไฟจริงและไฟมายาทั้งหมดในโลกศิลาสั่นไหวราวกับกำลังเคารพบูชา มันโผล่ขึ้นมาทางทิศตะวันตก ขนาด…ใหญ่ไม่แพ้ฝ่ามือยักษ์นั่น
“ดิน” ยังไม่จบแค่นั้น หวังเป่าเล่อเอ่ยออกมาเป็นคำที่สอง ฉับพลันศิลาขนาดมหึมาที่ดูลวงตา แต่ก็ดูมีอยู่จริงก็วางอยู่ทางทิศเหนือของเขา
ทันทีที่ศิลานี้ออกมา พื้นดินทั่วทั้งโลกศิลาพลันสั่นสะเทือน วัตถุและผู้คนที่เกี่ยวข้องกับดินต่างโห่ร้องเคารพบูชาอีกครั้ง แม้แต่ดวงดาวยังเปลี่ยนวิถีการโคจรและเริ่มขยับราวกับว่า…โลกศิลากำลังจะมีชีวิต!
“ทอง” คำที่สามดังก้อง ทหารหลายพันล้านนายและกฎที่เกี่ยวข้องต่างสั่นสะท้านและแผดเสียงกรีดร้อง เสียงของพวกเขาแฝงการเจาะทะลวงที่อธิบายไม่ได้ เหมือนกับ…เสียงร้องอันบ้าคลั่งของโลกศิลา!
ทางทิศใต้ก็มีแท่งเงินปรากฏขึ้น!
แม้แท่งเงินนี้จะเล็ก แต่บนนั้นมีร่างหนึ่งที่มองเห็นหน้าไม่ชัดปรากฏขึ้น ร่างนั้น…สวมชุดคลุมเต๋า บนแขนเสื้อมีรูปหม้อหลอมโอสถ การปรากฏตัวของเขาทำให้พลังปราณทองพุ่งทะยานขึ้นฟ้า
……………………