หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1279 สงครามกลับชาติมาเกิด!
โลกศิลาไม่สามารถทนรับการระเบิดเต็มกำลังของหวังเป่าเล่อได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้ระหว่างเขากับมหาเทพเลย แม้หวังเป่าเล่อจะไม่รู้ว่าร่างแยกมหาเทพเข้ามาในโลกศิลาได้โดยไม่ทำให้เกิดการล่มสลายได้อย่างไร แต่คิดดูแล้วน่าจะเกิดจากวิธีลับที่พิเศษมากชนิดหนึ่ง
ขณะเดียวกันก็ต้องเกี่ยวข้องกับ…จักรพิภพไม่รู้สิ้นในตอนนั้น
ถึงอย่างไรหากมองย้อนกลับไปที่ต้นกำเนิด จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นที่ต่อสู้กับจักรพิภพเต๋าไพศาลในตอนนั้น ตัวมัน…ก็เป็นหนึ่งในดวงจิตนับแสนของมหาเทพแปลงมา
ดังนั้นต่อให่ตอนนั้นกู่จะหนีเข้าไปในสนามรบ หลังก็ใช้มือขวาปิดผนึกที่แห่งนี้ให้กลายเป็นศิลา แต่เมื่อสืบสาวเรื่องราวถึงแก่นแท้แล้ว โดยพื้นฐานแล้วที่แห่งนี้ยังคงเป็นหนึ่งในดวงจิตดั้งเดิมของมหาเทพอยู่ดี
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมร่างแยกของมหาเทพถึงอยู่ที่นี่และไม่ทำให้โลกนี้ล่มสลาย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าควาาจริงจะเป็นเช่นไรก็ไม่สำคัญสำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว การต่อสู้ระหว่างเขากับร่างแยกมหาเทพในครั้งนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดล้วนไม่อาจทำได้ในโลกจริง
หวังเป่าเล่อปล่อยให้โลกศิลาล่มสลายไม่ได้ ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้…จึงเป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างกระแสเต๋า ดวงจิตเทพและจิตวิญญาณ แต่ถึงแม้การต่อสู้ครั้งนี้จะดูเหมือนเป็นภาพลวงตา แต่เมื่อวิเคราะห์ถึงแก่นแท้แล้วก็รวมอยู่ในการกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ด้วย
การบุกเบิกโลกใหม่ในห้วงมายานั้น การกลับชาติมาเกิดในโลกนี้นั้นใช้การเผชิญหน้าระหว่างการเกิดใหม่เป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทุกสิ่ง นี่…ก็คือพลังพิเศษที่หวังเป่าเล่อได้รับหลังจากธาตุทั้งห้าเสร็จสมบูรณ์
คนที่ทำเช่นนี้ได้มีแต่ผู้เยี่ยมยุทธ์เท่านั้น อย่างหลัวและกู่ในตอนนั้นก็ต่อสู้ในการเกิดใหม่ และสุดท้ายกู่ก็เป็นใ่ายพ่ายแพ้จึงทำได้เพียงหลบหนีไป
ขณะนี้ก็เช่นกัน ขณะที่หวังเป่าเล่อสะบัดมือ เต๋าแห่งธาตุทั้งห้าทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดินของเขาก็ปะทุขึ้นก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดมหึมาปกคลุมไปทั้งความว่างเปล่า กระแสน้ำวนนี้ดูเหมือนจะสามารถกลืนกินได้ทุกสิ่งอย่าง ทำให้ทั้งเขาและร่างแยกมหาเทพ…จมดิ่งลงไปในพริบตา
แม้ร่างแยกมหาเทพที่แปลงกายเป็นเด็กหนุ่มชุดแดงจะไม่อยากต่อสู้ในการเกิดใหม่ เพราะสำหรับเขาแค่ทำลายโลกศิลาด้วยการเสียสละตนเองก็ทำให้หวังเป่าเล่อกลายเป็นพลังที่ไร้รากได้แล้วและย่อมไร้กำลัง ไม่อาจส่งผลต่อการรักษาและการปลุกมหาเทพได้อีกต่อไป
แต่…เขาก็พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ขณะเดียวกันร่างของเขาก็ไม่ใช่จุดสูงสุด ทั้งหมดนี้ทำให้เขาไม่สามารถยืนหยัดตัวเองและดวงจิตต่อหน้าการเกิดใหม่ของธาตุทั้งห้าของหวังเป่าเล่อได้ จึงจำต้องถูกดึงเข้าสู่การเกิดใหม่
และหากจะหาต้อตอของทุกสิ่งก็จะพบว่า…มันเกี่ยวข้องกับที่ศิษย์พี่เฉินชิงของหวังเป่าเล่อออกไปล่วงหน้าในตอนนั้น
อาจกล่าวได้ว่าหากเฉินชิงไม่ออกไปล่วงหน้าและใช้การตายของตัวเองสร้างความเสียหายให้เด็กหนุ่มชุดแดง สถานการณ์ตอนนี้จะเป็นอย่างไรก็ยากจะคาดเดา บางทีอาจไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย หรือบางที…นี่คือฟางเส้นสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่สมดุล
ความจริงจะเป็นเช่นไรตอนนี้ก็ไม่มีใครมีพลังพอจะคิดคำนวณได้ ตอนนี้ทุกชีวิตในโลกศิลาล้วนสัมผัสสวรรค์คำราม พวกของปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยก็เช่นกัน ราวกับถูกพรากวิญญาณไปแล้ว
แม้สายตาที่มาจากมหาเทพตัวจริงจะถูกดึงเข้าไปในกระแสน้ำวนแล้ว แต่ช่วงเวลาสั่นๆ ที่มันดำรงอยู่ก็ยังคงทำให้ทั้งโลกศิลาราวกับหยุดหมุน
ไม่ว่ากฎหรือข้อบังคับใดก็ราวกับถูกแช่แข็งไปแล้ว
มีเพียงปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์และแม่นางน้อยที่เป็นคนนอกเท่านั้นที่ยังสามารถรักษาจิตใจให้เป็นปกติได้ และกำลังสนใจการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในความว่างเปล่า
แม้จะมองไม่เห็นสนามรบ เห็นเพียงกระแสน้ำวนในความว่างเปล่ากำลังหมุนวน สายฟ้าแลบกะพริบวาบเรื่อยๆ บ้างก็เป็นสีเลือด บ้างก็พลังปราณของธาตุทั้งห้าปะทุ แต่จากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ พวกเขาก็พอจะสันนิษฐานได้ว่าฝ่ายใดกำลังได้เปรียบ
ตอนนี้สีเลือดถูกกดข่มไว้อย่างเห็นได้ชัด พลังปราณของธาตุทั้งห้าในกระแสน้ำวนแผ่ขยาย เงาของธาตุทั้งห้าราวกับจะสยบทุกสิ่งเข้าปกคลุมเหนือกระแสน้ำวน โดยเฉพาะ…เมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุน้ำ น้ำตาหยดนั้นใสดุจคริสตัล ส่องแสงเจิดจรัสเหนืออีกสี่ธาตุ
ใบหน้าเลือนรางของหญิงสาวปรากฏอยู่ในกระแสน้ำวน
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ…เต๋าเกิดใหม่ของธาตุทั้งห้านั้นแท้จริงแล้วเป็นภาพมายาของโลกทั้งห้าซึ่งแต่ละโลกประกอบขึ้นจากแต่ละเต๋า
ดูลวงตาแต่ก็ดูไม่ลวงตา
ในเวลานี้เต๋าแรกที่สำแดงฤทธิ์คือการเกิดใหม่ของเต๋าธาตุน้ำ
โลกในการเกิดใหม่ประกอบด้วยน้ำทะเลทั้งหมด ทะเลนี้กว้างใหญ่ ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดสิ้นสุด คลื่นในทะเลพลิกม้วนราวกับจะพุ่งสู่ท้องฟ้า จากที่ไกลๆ จะเห็นว่าในทะเลมีรูปปั้นขนาดใหญ่ยืนอยู่
รูปปั้นนั้นเป็นรูปมนุษย์ดูยิ่งใหญ่มาก สองเท้ากำลังเหยียบก้นทะเล ร่างกายครึ่งหนึ่งอยู่เหนือน้ำทะเลราวกับกำลังค้ำฟ้า สองแขนกำลังจับตะขาบยักษ์ที่กำลังดีดดิ้นไม่หยุด
ใบหน้าของรูปปั้นนั้นเหมือนกับหวังเป่าเล่อไม่มีผิด เขากำลังหลับตา แต่ความสง่างามนั้นกลับยิ่งใหญ่กว่าความเป็นจริงมาก ตอนนี้ฟ้าแลบแปลบปลาบ ทะเลโหมกระหน่ำ ตะขาบที่ถูกรูปปั้นหวังเป่าเล่อจับไว้ส่งเสียงกรีดร้องบาดหู
ขณะแผดเสียงร้อง มันก็ระเบิดพลังรุนแรงออกมา เท้าหยุบหยับบนร่างของมันเป็นเหมือนมีดคมพันรัดรอบแขนของรูปปั้นจนเกิดรอยขีดข่วนสีขาว ส่งเสียงเฉียบคมแกรกกรากดังไม่หยุด
แต่รูปปั้นนั้นกลับไม่แยแสว่ารอยสีขาวบนแขนตนจะปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่วนใจว่ารอยสีขาวเหล่านี้กำลังจะทำให้ร่างแตกสลาย รูปปั้นนั้นยังคงสีหน้าไร้อารมณ์ สองมือที่จับตะขาบไว้ออกแรงฉีกมันมากขึ้นราวกับจะทำให้ร่างของตะขาบตัวนี้กระจุยกระจาย!
“หวังเป่าเล่อ! !” ความเจ็บปวดเจียนตายยิ่งทำให้ตะขาบตัวนี้ทวีความบ้าคลั่ง มันยิ่งดิ้นรนมากขึ้น หมู่มวลหมอกสีเลือดผุดพรายไปทั่วบริเวณทำให้สีของน้ำทะเลเริ่มเปลี่ยนไป แม้แต่ตัวรูปปั้นเองก็เริ่มผุพัง
แต่สุดท้าย…ตะขาบสีเลือดก็ยังด้อยกว่า ขณะที่พลังเทพของมันเปลี่ยนทะเลให้กลายเป็นทะเลเลือดและกัดเซาะรูปปั้นไปเกือบเก้าส่วนนั้นเอง สองมือของรูปปั้นก็ฉีกดึงจนเกินกว่าขีดจำกัดที่ตะขาบจะรับได้ ร่างของตะขาบพลันฉีกเป็นสองท่อนพร้อมเสียงดังสนั่น
เสียงกรีดร้องดังกึกก้อง ตะขาบที่ถูกฉีกออกเป็นสองท่อนก็ได้สำแดงความพิเศษของมันออกมาในช้วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้เอง อาศัยช่วงเวลาที่รูปปั้นผุพังและพริบตาที่สองมือของรูปปั้นแยกออกจากกัน ร่างกายสองท่อนของมันก็พังทลายลงด้วยตัวเองและกลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับล้านกระจายไปรอบๆ บ้างก็จมลงใต้ทะเล บ้างก็หนีเข้าไปในความว่างเปล่า
และขณะกระจายตัวออกไปมันก็แบ่งตัวอีกครั้งและกระจายต่อไป เป็นแบบนี้ซ้ำๆ …ภายในเวลาสั้นๆ ก็มีจำนวนมหาศาลเกินจะนับได้กระจายไปทั่วทั้งโลกการกลับมาเกิดของเต๋าธาตุน้ำ
ส่งนรูปปั้นนั้นขณะที่ตะขาบสลายตัวก็ดูเหมือนจะสูญเสียพลังชีวิตไป ค่อยๆ ขยับไม่ได้ และค่อยๆ นั่งลง ตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นไปเริ่มจมลงสู่ทะเลราวกับกำลังจะจมน้ำ
จนกระทั่งส่วนหัวจมลงสู่ทะเล ดวงตาที่ปิดอยู่ตลอดเวลาก็…ลืมขึ้นทันใด!
ชั่วอึดใจนั้น ฟ้าดินพลัน เปลี่ยนสี!
วินาทีนั้น ลมพายุโหมกระหน่ำ!
พริบตานั้น จักรวาลร้องคำราม!
วินาทีนั้น จักรวาลตื่นตะลึง!
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะ…ดวงตาคู่นั้นลืมขึ้น และเสียงจากปากของรูปปั้นที่ดังก้องไปทั่วทั้งโลกแห่งเต๋าธาตุน้ำ
“เจ้า หนีไม่พ้นหรอก”
……………………………………………………