หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1288 ไม่เคืองแค้นไม่เสียใจ
กำปั้นสามฉื่อไร้เทพเจ้า
ฝ่ามือสามนิ้วคือโลกมนุษย์
หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้น แล้วก้มหน้าจ้องมองโลกบนฝ่ามือ สายตาของเขาตกไปที่แต่ละมุมของลายมือ แต่ละร่างวิญญาณ
ทั่วทั้งโลกแห่งศิลา ล้วนอยู่ในสายตาของเขา เขาเห็นแต่ละร่างที่คุ้นเคย มีญาติของเขา ท่านอาจารย์ของเขา คนรักของเขา สหายของเขา และยังมีผู้ที่เคยเป็นปฎิปักษ์ต่อเขา
หวังเป่าเล่อเห็นอดีตของพวกเขา และก็เห็น…ภายโลกแห่งศิลานี้ อนาคตที่มีขีดจำกัด แต่สืบสาวเรื่องราวไปแล้ว ทั้งหมดของทั้งหมดนั้น เวลานี้ล้วนเป็นอักษรบนสมุด
อักษรที่แท้จริง
บางที ไม่เพียงแต่สมุดแห่งโชคชะตาเล่มนี้ นอกจากสมุดเล่มนี้แล้ว อาจจะยังมีหน้าสมุดเล่มหนึ่งที่กว้างใหญ่กว่า
นี่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ…อารมณ์ความรู้สึกที่แฝงอยู่ข้างใน เต็มไปด้วยความทรงจำของชีวิตเขา
ความทรงจำเหล่านี้ ราวกับเป็นภาพอยู่ในจิตใจของเขา แวบผ่านไปภาพแล้วภาพเล่า ตั้งแต่ถือกำเนิด ตั้งแต่เวลานี้ อารมณ์ทั้งหมด การต่อสู้ทั้งหมด ความสับสนทั้งหมด ความทรงจำทั้งหมด
และฉากสุดท้าย อยู่บนเรือบิน ในห้องเสบียงของห้องโดยสารบนเรือบิน ร่างเจ้าอ้วนน้อยถือน่องไก่ กัดกินอย่างสบายอารมณ์
ปีนั้น การลดความอ้วน เป็นสิ่งที่เขาร้องขอมาตลอดชีวิต
ปีนั้น การเป็นผู้นำของสหพันธรัฐคือความใฝ่ฝันมาทั้งชีวิตของเขา
ปีนั้น อัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงเล่มหนึ่ง เป็นเกณฑ์ชีวิตที่เขาหมายมาด
เวลาผ่านไปไม่นาน เขาก็ไม่ต้องการลดความอ้วนแล้ว
เวลาผ่านไปไม่นาน เขาก็ไร้ความใฝ่ฝัน
เวลาฝ่านไปไม่นาน อัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงเล่มนั้น ปกคลุมไปด้วยฝุ่นอยู่ในกระเป๋าคลังเก็บ
“เวลาผ่านไปไม่นาน ข้า…ก็ไม่เป็นข้าอีกต่อไปหรือ” หวังเป่าเล่อพึมพำ ถอนหายใจเบาๆ ยกมือขวาขึ้นและสะบัดเบาๆ ตรงหน้า
สะบัดนี้ สะบัดภาพในใจออกไป
สะบัดนี้ ทำความทรงจำที่ผ่านไปให้เลือนราง
สะบัดนี้ จะฝังทุกอย่างที่เคยเป็น
และในทำนองเดียวกัน สะบัดนี้ ก็ได้ขจัดหมอกที่อยู่ตรงหน้า ในความว่างเปล่าที่ถูกทำลาย ราวกับจะฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง
สะบัดนี้ ภายใต้ความหวังใหม่ หงส์ที่ถูกฝังท่ามกลางเปลวเพลิง ก็เคยอยู่ในวัยเยาว์ ด้วยนิพพานที่อยู่ภายใน ต้องเป็นหงส์อมตะ
ข้ายินยอมให้ปีกลุกไหม้ เพราะตราบใดที่มุ่งมั่น ข้ายังคงสามารถโบยบินอยู่บนท้องฟ้าสีคราม
ข้าหมายมาดจะลอยล่อง!
หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การโบกสะบัด ความว่างเปล่ารอบด้านได้สลายไป
สิ่งที่ปรากฎอยู่ในสายตาหวังเป่าเล่อ คือสิ่งที่เขาโหยหาก่อนหน้านั้น…จักรวาลอันยิ่งใหญ่
จักรวาลที่แท้จริง!
สามารถทำให้เขาคืนชีวิตจากนิพพาน และแสวงหาจักรวาลจากปณิธานที่สูงขึ้น
ท้องฟ้าอันล้ำลึก แสงดาวระยิบระยับ กฎเกณฑ์และกฎเวทนับไม่ถ้วนเต็มไปทั่วทุกซอกทุกมุมของจักรวาลนี้ กฎของที่นี่เข้มงวดกว่า แตกต่างจากโลกแห่งศิลา กฎของที่นี่เหนือกว่า และเต๋าของที่นี่…สมบูรณ์แบบกว่า
หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึก กล่าวให้ชัดก็คือ สิ่งที่เขาสูดไม่ใช่ลมหายใจ แต่เป็น…ร่องรอยแห่งเต๋าที่มาจากจักรวาลอันยิ่งใหญ่นี้ ร่องรอยที่กลายมาจากกฎเกณฑ์และกฎเวทเหล่านี้ เข้าสู่ปากของเขาไปตามลมหายใจ ผสานเข้าไปภายในร่างของเขา ดูเหมือนเต๋าภายในร่างของเขากำลังตอบรับ
ชั่วอึดใจ เต๋าแห่งธาตุทั้งห้าบนร่าง ยิ่งส่องประกายขึ้นมา ราวกับจะเพิ่มความสมบูรณ์แบบอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ ก่อตัวเป็นกระแสวนขนาดมหึมาอยู่รอบตัวเขา
กระแสวนค่อยๆ หมุนและขยายวงขึ้นเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อที่อยู่ภายใน หลังจากที่จิตใจแน่วแน่แล้ว จึงเริ่มเผชิญกับทั้งหมดนี้
เวลานี้มองจากไกลๆ คล้ายจะกลายเป็นผืนทะเลวิญญาณ และท่ามกลางทะเลวิญญาณ…หวังอีอียืนจ้องมองหวังเป่าเล่ออยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ข้างๆ นาง ปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์รวมทั้งวานรเฒ่า ยังมีจิ้งจอก ต่างก็กำลังจ้องมอง
เพียงแต่ว่าความยำเกรงในสายตาของจิ้งจอกจะล้ำลึกกว่าผู้อื่น
ไม่มีผู้ใดกล่าว จิ้งจอกไม่กล้า วานรเฒ่าหลับตา ในดวงตาปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์มีความสับสน ส่วนแม่นางน้อยหวังอีอี เวลานี้เหมือนจะอึกอัก ด้วยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่นางและหวังเป่าเล่อพบกันหลังจากแยกจาก
แต่สุดท้าย นางก็ไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใด จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ
ท่ามกลางความเงียบงันนี้ กระแสวนทะเลวิญญาณเงียบสงบ มีเพียงร่างบนเรือเดียวดายที่นอกทะเลวิญญาณ เวลานี้นัยน์ตาเผยความกังวล แม้เขาจะเป็นเทพเคารพสูงสุด แม้ระดับฝึกตนของเขาจะเป็นสุดยอดในหมู่เทพเคารพสูงสุด แม้ความเย็นยะเยือกของเขาจะสามารถผนึกท้องฟ้า แต่สุดท้ายเขา…ก็คือบิดาผู้หนึ่ง
บิดาที่รอคอยติดตามมานานนับปีเพื่อช่วยบุตรสาวของตน และเวลานี้…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังถูกเปิดเผย ดังนั้นแม้จะเป็นเขา ก็เป็นเช่นคนธรรมดาผู้หนึ่ง จิตใจย่อมกังวลกับผลได้ผลเสีย
เพราะเขารู้ว่า เวลาสำคัญได้มาถึงแล้ว
เพียงแค่เวลาอันยาวนาน เขาก็รอจนผ่านพ้นมาแล้ว แม้เห็นได้ชัดว่ากำลังจะสิ้นสุด แต่ทุกการไหลเวียนของแต่ละลมหายใจ ช่างยาวนานสำหรับเขา
เวลาผ่านไปเช่นนี้ หลังจากผ่านไปครึ่งก้านธูป ในทะเลวิญญาณที่ไหลวนไม่หยุดแต่กลับเงียบสงบ หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่จุดศูนย์กลาง แหงนหน้าขึ้นอย่างแน่วแน่
เวลานี้ลมหายใจบนร่างเขาไม่สม่ำเสมอ มิใช่เป็นการสอดประสานของการเปิดโปงและซ่อนเร้น แต่เป็น…เหมือนเมฆที่สามารถล่องไปตามลมอย่างไร้คำพูด ผู้จ้องมองมาจากหัวใจ
เต๋าแห่งธาตุทั้งห้าภายในร่างเขา ขณะที่ผสานรวมกับร่องรอยแห่งเต๋าของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหัศจรรย์ เหมือนกำลังแปรรูป
เต๋าของโลกแห่งศิลาเป็นสิ่งไม่สมบูรณ์แบบ แม้หวังเป่าเล่อจะเป็นหนึ่งในผู้สมบูรณ์ที่สุด และจิตสำนึกในอดีตชาติ ได้แผ่ไปถึงภายในจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ทีเคยติดต่อกับโลกภายนอก แต่ท้ายที่สุด…เมื่อเทียบกับเต๋าที่แท้จริงของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ เขายังคงมีข้อบกพร่อง
แต่เวลานี้ ข้อบกพร่องนี้กำลังได้รับการชดเชยส่วนที่ขาดหาย กำลังเติมเต็มอย่างรวดเร็ว เขาไม่จำเป็นต้องควบคุมการฝึกตนอีกต่อไป เวลานี้ระดับการฝึกตนที่ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วภายในร่างกายที่กว้างใหญ่ไพศาล
เพียงแต่การปะทุนี้ ไม่อยู่ในขั้นสุดยอด แต่เป็นขั้นพื้นฐาน
ห้าธาตุพื้นฐานยิ่งหนักแน่น
และพื้นฐานที่หนักแน่นหาใดเทียบชนิดนี้ ได้นำพาให้เต๋าสูงสุดในอดีต แผ่กระจายไปเทียมฟ้า เช่นเดียวกับเต๋าสูงสุดในอนาคตก็เป็นเช่นนี้
หยินสูงสุด หยางสูงสุด ก็เป็นเช่นเดียวกัน
และเมื่อดูโดยรวม จะเรียกว่าหกเต๋าครึ่ง แต่ที่จริงเป็นแปดเต๋าครึ่ง
สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เวลานี้การล่องลอยของหวังเป่าเล่อ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
เรียกว่าล่องลอย ความเป็นจริง…ก็เป็นสัมผัสเซียนของเขา
เนื่องจากพื้นฐานขยายออกไปเรื่อยๆ ย่อมเหนือกว่าในอดีตหลังจากการปะทุ เวลานี้ขณะที่สัมผัสเซียนแผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง ผมของหวังเป่าเล่อก็ขยับเองโดยไร้ลม เสื้อคลุมยาวสีขาวก็ยิ่งปลิวไสว บุคคลิกของเขาก็ค่อยๆ ให้ความรุ้สึกแปลกแยกจากผู้ชมรอบข้าง
ดูเหมือนมิใช่มนุษย์
“มิใช่มนุษย์อย่างแน่นอน” หวังเป่าเล่อพึมพำ เงยหน้าขึ้น
หลังจากจากกันไปนาน เป็นครั้งแรกที่เขามองไปทางแม่นางน้อย มองไปทางสตรีในอดีตชาติที่ติดตามเขา
จากนั้นด้วยท่าทางที่อึกอักรวมทั้งสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนของหวังอีอี หวังเป่าเล่อยิ้มแล้ว
ฟันที่ขาว ผมที่ยาว เสื้อขาวบนร่าง รอยยิ้มที่ราวกับแสงตะวัน อบอุ่นยิ่งนัก
“ข้ามาช่วยเจ้า”
เมื่อกล่าวออกไป มือขวาของหวังเป่าเล่อยกขึ้น ค่อยๆ ส่งออกไป
การส่งครั้งนี้ ที่ส่งคืออดีตของเขา
การส่งครั้งนี้ ที่ส่งคืออนาคตของเขา
การส่งครั้งนี้ ที่ส่งคือชะตากรรม…ของเขา
นี่คือข้อตกลงกับท่านพ่อหวัง แต่เขายินยอมพร้อมใจ
ไม่เคืองแค้น
ไม่เสียใจ
……………………..