หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1300 ที่มา
“ที่นี่…” มองทุกอย่างรอบด้านแล้ว หวังเป่าเล่อก็หรี่ตาทันที
เขาในตอนนี้ระดับการฝึกตนไม่ธรรมดา อีกทั้งสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็เป็นฝ่ายดึงดูดมาเอง เพราะฉะนั้นสติปัญญาจึงแจ่มชัด ขณะเดียวกันเขาก็รู้ดีว่าทุกอย่างในตอนนี้เกิดขึ้นเนิ่นนานแล้ว มันฝังอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำ
หรือกล่าวให้ถูกคือฝังอยู่ใน…ความทรงจำของร่างต้นแบบ ถึงอย่างไรหากเทียบกับตะปูไม้สีดำบนร่างต้นแบบของเขาแล้ว ความทรงจำก็เหมือนสายน้ำที่ทอดยาว และเขา ณ ที่แห่งนี้ก็เป็นเพียงการตื่นขึ้นที่ปลายของแม่น้ำ
ดังนั้นความทรงจำในจิตใต้สำนึกนี้จึงเป็นเพียงหยดเดียวในมหาสมุทรเมื่อเทียบกับร่างต้นแบบ แต่เมื่อระดับการฝึกตนเพิ่มขึ้น เขาก็มีคุณสมบัติในการติดตามความทรงจำในโบราณกาลของตนแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อมีพลังแห่งการเหยียบสะพานสู่สวรรค์ ทุกอย่างจึงกลายเป็นเรื่องง่าย
ส่วนสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าหวังเป่าเล่อก็คือความทรงจำโบราณกาลที่ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด เพราะหวังเป่าเล่อสัมผัสได้ว่าการย้อนอดีตของสะพานสู่สวรรค์…มีจุดสูงสุดอยู่ตรงนี้
ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ไกลกว่านี้อีกแล้ว
ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อที่เดินออกมาจากโลกแห่งศิลาและก้าวสู่สะพานสู่สวรรค์ ความเข้าใจและรู้แจ้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบนดินแดนเซียน ทำให้มีความคิดที่แม่นยำเกี่ยวกับจักรวาลทั้งหมดมากยิ่งกว่าเดิม
จักรวาลผืนนี้อาจเคยมีชื่อ ทว่าตอนนี้ได้ถูกหลงลืมไปแล้วจึงเรียกกันง่ายๆ ว่ามหาจักรวาล
มหาจักรวาลนี้ดูกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด ดินแดนเซียนเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของมันเท่านั้น รวมถึงมิติเต๋าต้นกำเนิดที่เป็นที่อยู่อาศัยของมหาเทพด้วย
ขณะเดียวกันยังมีบ้านเกิดของเซียนและกู่ จักรพิภพของผู้เยี่ยมยุทธ์อีกมากที่ดูเหมือนจะเป็นจักรวาลที่สมบูรณ์ แต่ในความเป็นจริงล้วนอยู่ในมหาจักรวาลผืนนี้ทั้งสิ้น
และมหาจักรวาลผืนนี้ก็ไม่ได้ไร้จุดสิ้นสุดจริงๆ ตอนพำนักอยู่ที่บ้านของหวังอีอี หวังเป่าเล่อเคยถามหวังโหม่วและได้เรียนรู้จากความเก่าแก่ของดินแดนเซียนและการรู้แจ้งของตนว่ามหาจักรวาลผืนนี้มีขอบเขต
และนอกมหาจักรวาลก็ยังมีมหาจักรวาลอื่นอยู่ด้วย
“จักรวาลที่พวกเราอยู่เปรียบเสมือนใบไม้ที่ลอยอยู่ในทะเลสาบ นอกจากใบไม้…และนอกจากทะเลสาบอันกว้างใหญ่แล้ว ยังมี…ใบไม้อีกมากมาย และที่ขอบใบไม้แต่ละใบล้วนมีแนวกั้นที่แทบจะไม่อาจทำลายได้”
นี่คือสิ่งที่ท่านพ่อหวังบอกกับหวังเป่าเล่อในบ้านของเขา
ไม่ได้มีบทสนทนาต่อกันมากนัก แต่หวังเป่าเล่อก็มีความรู้สึกว่าท่านพ่อหวัง…คงจะเคยออกจากใบไม้นี้ ท่องไปในทะเลสาบและท่องไปในใบไม้ใบอื่นมาแล้ว
“แนวกั้นหรือ…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดพลางเงยหน้ามองช่องโหว่ยักษ์บนจักรวาลที่อยู่ไกลออกไป เห็นได้ชัดว่าตรงนั้น…คือแนวกั้นขอบเขตของมหาจักรวาล
อีกทั้งช่องโหว่นั้นยังดูเหมือนถูกพลังบางอย่างระเบิดออก จะระเบิดจากข้างในหรือข้างนอกก็ไม่อาจทราบได้
“เช่นนั้นทำไมความทรงจำเก่าแก่จากร่างต้นแบบที่ข้าสืบย้อนมาถึงเป็นภาพนี้…” หวังเป่าเล่อหรี่ตา
“หรือว่าช่องโหว่ยักษ์นี่เกี่ยวข้องกับร่างต้นแบบของข้า หรือว่าร่างต้นแบบของข้าเป็นคนทำ เช่นนั้น…ร่างต้นแบบของข้าทำลายแนวกั้นจากข้างในมหาจักรวาลออกไป หรือ…ทำลายจากข้างนอกเข้ามากันล่ะ” หวังเป่าเล่อคิดถึงตรงนี้ก็ไม่อาจสงบจิตใจได้อีก ขณะที่มวลคลื่นปั่นป่วนจิตใจ เขาก็กะพริบร่างวาบมาถึงช่องโหว่ยักษ์นั่นทันที
ดวงจิตเทพแผ่ขยายออกไปนอกช่องโหว่ยักษ์ ทว่าในพริบตาต่อมากระแสความรู้สึกอันตรายที่อธิบายไม่ได้สายหนึ่งพลันปะทุขึ้น ส่งผลให้หวังเป่าเล่อถอยกลับ สีหน้าประหลาดใจยากจะกล่าว
เขามีความรู้สึกราวกับว่าข้างนอกช่องโหว่มีอันตรายใหญ่หลวง แต่จะจากไปเช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็ไม่ค่อยจะเต็มใจนัก ดังนั้นหลังจากไตร่ตรองดูแล้ว สายตาของเขาก็เผยความมุ่งมั่น มือขวาพลันยกขึ้นโบกสะบัดไปข้างหน้า
“จันทร์ข้างแรม!”
ด้วยระดับการฝึกตนของหวังเป่าเล่อในปัจจุบัน อานุภาพการใช้จันทร์ข้างแรมจึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าในตอนนั้นมาก เสียงคำรามดังสนั่นพร้อมกับแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาวทอดปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ ภาพต่างๆ ผุดขึ้นอยู่ในแม่น้ำสายนั้น แต่ละภาพล้วนเป็นพื้นที่แห่งนี้
แม้หวังเป่าเล่อจะอาศัยพลังของสะพานสู่สวรรค์เพื่อย้อนรอยความทรงจำโบราณกาลที่ร่างต้นแบบยากจะสัมผัสได้ แต่พลังของสะพานสู่สวรรค์เองก็มาถึงจุดสิ้นสุด ดังนั้นในทางทฤษฎีจึงไม่สามารถให้พลังย้อนรอยแก่หวังเป่าเล่อได้อีก ทว่าร่างกายของหวังเป่าเล่อเองก็ไม่ธรรมดา เมื่อแสดงวิชาจันทร์ข้างแรมออกมา กาลเวลาของพื้นที่นี้จึงหมุนย้อนกลับอีกครั้ง
แม้การย้อนเวลาเช่นนี้จะเทียบกับพลังของสะพานสู่สวรรค์ไม่ได้ แต่ก็เหมือนกับเส้นทางร้อยจั้งที่เดินมาแล้ว 99 จั้ง แม้อีกหนึ่งจั้งสุดท้ายจะไม่ได้ยาว แต่กลับเป็นจุดสำคัญอย่างยิ่ง
ดังนั้นเมื่อพลังแห่งจันทร์ข้างแรมแสดงจนถึงขีดสุด แม้แต่ร่างของหวังเป่าเล่อที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็ยังเริ่มลวงตา และในตอนที่ดูเหมือนว่าจะทนไม่ไหวอีก ไม่รู้ว่ากาลเวลาในแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่ก่อตัวจากเคล็ดวิชาจันทร์ข้างแรมผ่านไปนานเพียงใด ในภาพที่เหมือนกันทุกประการนับไม่ถ้วนนั้นจู่ๆ …ก็มีรูปหนึ่งที่ไม่เหมือนกับรูปอื่นปรากฏขึ้น
ในภาพนั้น พื้นที่แห่งนี้ไม่มีช่องโหว่ยักษ์!
ร่างของหวังเป่าเล่อในตอนนี้เลือนรางไปแล้วกว่าครึ่ง แต่เมื่อเห็นภาพนี้ จิตวิญญาณพลันกระตุกและหยุดลงทันที พริบตาต่อมาโลกตรงหน้าของเขาก็ถูกภาพนั้นเข้ามาแทนที่
ในภาพนี้จุดที่เคยมีช่องโหว่ดูปกติดีทุกอย่าง แต่พริบตาต่อมา…ตรงนั้นก็ปรากฏระลอกคลื่น ปรากฏรอยแยก ก่อนจะมีแสงสีแดงส่องผ่านออกมาจากรอยแยกนั้น ยังไม่ทันที่หวังเป่าเล่อจะมองให้ชัดเจนก็เกิดเสียงราวกับจะแยกฟ้าดินออกจากกันดังออกมาจากรอยแยก
ทันใดนั้นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยรอยแยกก็พังทลายลงและกลายเป็นช่องโหว่ยักษ์ ท่ามกลางเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน หวังเป่าเล่อมองเห็นไม้สีแดงขนาดมหึมาจากข้างในรอยแยกพุ่งออกมา
ไม้ยักษ์นี้ใหญ่เกินไป รัศมีสีแดงที่เปล่งออกมาจากมันสะท้อนไปทั่วจักรวาลราวกับโลหิต…
พริบตาต่อมาไม้ยักษ์ก็พุ่งเข้ามาในมหาจักรวาลไถลไปสู่ความว่างเปล่าอันไกลโพ้นพร้อมกับเสียงคำรามที่รุนแรงขึ้น การบุกรุกเข้ามาส่งผลให้เต๋าหมื่นวิถีในมหาจักรวาลร้องคำรามทันที ราวกับมันต้องการจะรวมตัวกลายเป็นหนึ่งในเต๋าหมื่นวิถีพวกนั้น อีกทั้งเมื่ออยู่ไกลออกไป รัศมีสีแดงของไม้ยักษ์ก็หายไปอย่างรวดเร็ว มันโปร่งแสงราวกับจะหายไปกับจักรวาล
“มาจากนอกมหาจักรวาลหรือ!” หวังเป่าเล่อใจสั่นไหวอย่างรุนแรง ดวงตาพลันเบิกกว้างเผยความประหลาดใจจนถึงกับตกใจด้วยซ้ำ ด้วยระดับการฝึกตนและความเยือกเย็นของเขาในปัจจุบันนับเป็นเรื่องยากที่จะแสดงอารมณ์เช่นนี้ออกมา แต่ความจริงคือ…เมื่อไม้ยักษ์เข้าสู่มหาจักรวาลอย่างสมบูรณ์อีกทั้งยังลอยออกไปไกลโพ้น เขาจึงเห็นรูปร่างหน้าตามันชัดๆ พร้อมกับรัศมีที่ค่อยๆ โปร่งแสง นั่นทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตกใจและถึงกับตัวสั่นเมื่อเห็น…
ในไม้ยักษ์นั่นดูเหมือนว่าจะ…มีศพอยู่ร่างหนึ่ง!
ศพนั้นกำลังสลายตัวอย่างรวดเร็วราวกับว่า เมื่อไม้ยักษ์หลอมรวมเข้ากับเต๋า หลอมรวมเข้ากับจักรวาล ศพนั้นก็จะหลอมรวมเข้ากับไม้ยักษ์นั่นด้วย
ไม้สีดำ…ที่ซึ่งไม่ใช่ไม้กระดาน และไม่ใช่ตะปู แต่เป็น…
โลงศพ!
โลงศพที่มีศพนอนอยู่ในนั้น!
โลงศพที่มีศพลึกลับจากนอกมหาจักรวาล!
จิตใจหวังเป่าเล่อสั่นไหว ภาพตรงหน้าหายไปในพริบตา เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ร่างของเขาก็มายืนอยู่บนสะพานที่สามแล้ว และไม่ใช่หัวสะพาน แต่เป็นปลายสะพาน
ทว่า อารมณ์ของเขากลับเปลี่ยนไปมาไม่หยุด ลมหายใจถี่กระชั้น
“ข้า…คือจิตใต้สำนึกของไม้สีดำที่ตื่นขึ้น หรือศพนั่น…มาเกิดใหม่กันแน่?”
………………