หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1306 ทิศทาง
เต๋าแห่งหยินมืดเรียกได้ว่าเป็นหยินสูงสุด เป็นของเต๋าแห่งความตายในโลก และผู้ที่ควบคุมมันท่ามกลางภัยพิบัตินับไม่ถ้วนจะมีฉายาหนึ่งและเป็นเพียงฉายาเดียว
นั่นก็คือ…เจ้าแห่งความมืด
กำหนดความตาย กำหนดการเกิดใหม่ ตัดเหตุดับเต๋า
เช่นเดียวกับมหาเต๋าแห่งธาตุทั้งห้า เต๋าแห่งความตายนี้ไม่สามารถมีต้นกำเนิดเพียงแหล่งเดียวได้ ต่อให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ฝึกตนถึงระดับสูงสุดก็ยังกลายเป็นเพียงหนึ่งในต้นกำเนิดเท่านั้น
อย่างหวังเป่าเล่อในตอนนี้ เต๋าแห่งหยินมืดของเขาก็เป็นเช่นนั้น อาศัยพลังเสริมและกำลังขยายของสะพานสู่สวรรค์เชื่อมโยงกับเต๋าแห่งความตายของมหาจักรวาล ดั่งผิวน้ำต่างระดับที่มาเชื่อมกันจนเกิดความสมดุล ด้วยเหตุนี้หยินมืดของหวังเป่าเล่อจึงกลายเป็นหนึ่งในต้นกำเนิด
ตอนนี้…เต๋าแห่งหยางศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน
เดิมทีเพราะเต๋านี้ไม่มีสิ่งรองรับ ทุกอย่างจึงเป็นเพียงมายา มีเพียงรัศมีเปล่งประกาย แต่ไร้สสาร ทว่า…เมื่อท่านพ่อหวังมอบหินก้อนนั้นให้ ทุกอย่าง…ก็เปลี่ยนไป
หินก้อนนี้มีความพิเศษในตัวมันเอง มันคือส่วนหนึ่งของสะพานที่สิบเอ็ด และสามารถใช้สร้างสะพานสู่สวรรค์ได้ จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงความน่ากลัวและความลึกลับของมัน
ถึงอย่างไร…สะพานที่สิบเอ็ดนั้น หากผ่านไปได้ก็จะเป็นการยืนยันถึงขั้นที่หกของพลังฝึกปรือ ระดับเช่นนี้ทั่วทั้งมหาจักรวาลหาได้ยากอย่างยิ่ง และทุกคนในนั้นล้วนมีคุณสมบัติ…ในการชิงตำแหน่งเจ้าแห่งมหาจักรวาล
ดังนั้นหินสะพานที่มาจากการสร้างสะพานที่สิบเอ็ดนี้จึงมีมูลค่าสูงยากต่อการจินตนาการ ขณะเดียวกันด้วยความพิเศษของมันจึงเหมาะแก่การเป็นสิ่งรองรับเต๋าของหวังเป่าเล่ออย่างยิ่ง
“นำสมบัติของขั้นที่หกมาเป็นตัวรองรับเต๋าขั้นที่ห้า…” ซือถูข้างกายหวังโหม่วดวงตาลึกล้ำ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เยี่ยมไปเลย! เจ้าไม่เสียดายมันจริงๆ…มีสิ่งนี้อยู่ ขั้นที่ห้าของเขาก็จะมั่นคง มิเช่นนั้นขั้นที่ห้าของเด็กคนนี้คงไม่อาจข้ามไปได้” ซือถูอุทาน เขาเข้าใจทุกอย่างจึงยิ่งมีอารมณ์ร่วมกับการได้เห็นดาวมฤตยูลุกโชนกับตาตัวเองครั้งนี้ว่าเป็นการใจกว้างเพียงใด
ของกำนัลนั้นไม่ใช่หินสะพาน แต่เป็น…พลังฝึกปรือหนึ่งขั้น!
นี่คือโอกาสที่ผู้คนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝัน!
“ข้าติดหนี้เขาครั้งหนึ่ง ดังนั้นนี่คือสิ่งที่เขาสมควรได้รับ อีกอย่าง…” บิดาของหวังอีอีมองไปยังหวังเป่าเล่อที่อยู่ระหว่างสะพานที่เก้าและสิบ
“เดิมทีเขาก็อยู่ระหว่างขั้นที่สี่กับห้าอยู่แล้ว แม้ก่อนหน้านี้กฎเต๋าโลกแห่งศิลาของเขาจะไม่สมบูรณ์ ทำให้พลังต่อสู้ไม่อาจไปถึงระดับที่ควรจะเป็นได้ แต่…ระดับของเขาถึงแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดข้าจะต้องตระหนี่ด้วยล่ะ” หวังโหม่วตอบอย่างสงบนิ่ง
ซือถูพยักหน้าอย่างครุ่นคิด แท้จริงแล้วตอนที่เขาเจอหวังเป่าเล่อเป็นครั้งแรกก็ตระหนักถึงสภาวะของหวังเป่าเล่อแล้ว พูดง่ายๆ คือหวังเป่าเล่อในตอนนั้นอยู่ตรงกลางระหว่างขั้นที่สี่กับห้า
แต่เพราะกฎเต๋าไม่สมบูรณ์จึงไม่อาจใช้พลังต่อสู้ได้ตามควร และสะพานสู่สวรรค์…ความจริงแล้วก็คือการเติมเต็มให้เขาได้รับพลังต่อสู้ขั้นที่สี่อย่างแท้จริง
อีกอย่างกับหินสะพานในตอนนี้…ซือถูสามารถจินตนาการได้ว่าอีกไม่นานในมหาจักรวาลผืนนี้จะมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นที่ห้าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน!
“ขั้นที่ห้า…ทุกสรรพสิ่งล้วนมีมาให้ข้าได้ใช้สอย” ขณะที่ซือถูบ่นพึมพำ หวังเป่าเล่อที่อยู่ระหว่างสะพานที่เก้าและสิบได้หลอมรวมเข้ากับหินสะพาน แสงบนร่างของเขาเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม
ขณะที่รัศมีแผ่ขยาย พลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่อธิบายไม่ได้ดูเหมือนจะแผ่ซ่านไปเกือบทั้งมหาจักรวาลจนเกิดเสียงคำรามดังมาจากทุกทิศทาง มันมารวมตัวกันรอบตัวเขา พลังหยางศักดิ์สิทธิ์พลันปะทุขึ้น
ท้องนภาเหนือร่างหวังเป่าเล่อพลันปรากฏ…สะพานมายา!
สะพานนั้นดูไม่ต่างจากสะพานสู่สวรรค์แม้แต่น้อย มันลอยอยู่ตรงนั้นด้วยรัศมีท่วมท้น ส่งผลให้ทุกชีวิตบนดินแดนเซียนจิตใจปั่นป่วนขึ้นมาในพริบตา
หวังเป่าเล่อก็เงยหน้ามองเช่นกัน สัมผัสถึงความสมบูรณ์ของเต๋าแห่งหยางศักดิ์สิทธิ์พลางจ้องมองสะพานมายาที่เขาทำขึ้น นี่…ไม่ใช่สะพานสู่สวรรค์
แม้จะดูเหมือนกันทุกประการ แต่บทบาทของมันไม่ใช่เพื่อเสริมพลังสะพานสู่สวรรค์ กล่าวให้ชัดเจนคือสะพานนี้…ใช้รองรับเต๋าและเป็นทางเชื่อม
รองรับเต๋าแห่งหยางศักดิ์สิทธิ์ของเขา ปลายด้านหนึ่งเชื่อมกับเต๋านี้ ส่วนปลายอีกด้าน…เชื่อมกับเต๋าแห่งชีวิตในมหาจักรวาล
เช่นเดียวกับเต๋าแห่งความตาย เต๋าแห่งชีวิตก็ไม่อาจถูกควบคุมอยู่ในมือคนคนเดียวได้ แต่อาศัยหินสะพานรองรับ ในพริบตาที่เชื่อมต่อกัน เต๋าแห่งหยางศักดิ์สิทธิ์ของหวังเป่าเล่อก็กลายเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดได้สำเร็จ
ด้วยความสมบูรณ์ของเต๋า ความรู้สึกทรงพลังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนผุดขึ้นในใจหวังเป่าเล่อราวกับทุกสิ่งในสายตาเขาล้วนเปลี่ยนไป ไม่ใช่ของจริงขนาดนั้น แต่มีความลวงเช่นภาพมายาอยู่ด้วย
“จุดสิ้นสุดของเต๋า ทุกสิ่งว่างเปล่าหรือ” ขณะพึมพำ หวังเป่าเล่อก็ยกเท้าก้าวไปยังสะพานที่สิบ ทันทีที่วางเท้าลง เงาสะพานเหนือศีรษะก็ค่อยๆ ลดระดับลงมาทางเขา หลังจากเงาสะพานนี้กับร่างกายของเขาหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ พลังปราณบนร่างหวังเป่าเล่อก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
ธาตุทั้งห้ารายล้อม อยู่ด้วยกันไม่ว่าเป็นหรือตาย!
หลังจากเท้าของเขาวางลง หวังเป่าเล่อ…ก็ก้าวข้ามระหว่างสะพานที่เก้าและสิบมาปรากฏตัวที่หัวสะพานที่สิบ!
ยังไม่หยุดแค่นั้น เมื่อย่างก้าวอีกครั้ง ร่างของเขาก็ข้ามไปครึ่งสะพานมาปรากฏตัวอยู่กลางสะพานที่สิบและดูเหมือนจะก้าวต่อได้อีก หากแต่ว่าก้าวนี้…กลับทำอย่างไรก็ไม่สามารถยกเท้าขึ้นได้
“ถึงขีดจำกัดแล้ว…” หวังเป่าเล่อพึมพำ ก่อนที่ฟ้าดินจะส่งเสียงคำราม ท้องฟ้าพลันเกิดระลอกคลื่น มหาจักรวาลดูเหมือนกำลังสั่นไหว ทุกชีวิตในขณะนี้ต่างต้องก้มหน้าลง ทั่วทั้งมหาจักรวาลในตอนนี้ผู้ที่สามารถเงยหน้ามองเขาได้มีเพียงคนที่อยู่ระดับเดียวกันและเหนือกว่าเท่านั้น ผู้อื่น…ไม่มีสิทธิ์
“ข้าในตอนนี้ยังไม่อาจข้ามสะพานที่สิบเอ็ดได้” หวังเป่าเล่อเงียบเสียง เขาสัมผัสได้ถึงสภาวะของตนในตอนนี้ว่าต่างจากก่อนหน้ามาก ก่อนจะข้ามสะพานที่สิบ เต๋าที่เขาควบคุมได้คือธาตุทั้งห้า ความตายและชีวิต
แต่ตอนนี้…ทุกสรรพสิ่ง ทุกเต๋าในจักรวาลล้วนเอามาใช้ได้ทั้งหมด!
แม้จะเอามาใช้ได้ไม่สมบูรณ์ แต่…ผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นที่สี่ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเขาล้วนถูกสยบได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส นี่คือการสยบซึ่งปราบทั้งระดับและเต๋า
ขณะสัมผัสตัวตน หวังเป่าเล่อก็สังเกตเห็นดวงจิตเทพในมหาจักรวาลที่มารวมตัวกันที่นี่ได้อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก เขาจึงเงยหน้ามองจักรวาลของมหาจักรวาล
เขา…เห็นว่าในที่ไกลออกไปมีดินแดนหนึ่งอยู่ มันดูคล้ายกับดินแดนเซียน บนนั้นดูเหมือนจะมีร่างหนึ่งกำลังพยักหน้าน้อยๆ ให้
ร่างนั้นแผ่เคราะห์กรรมที่ไม่อาจพรรณนาได้ออกมา แต่ไม่ใช่เคราะห์กรรมของเขา ดูเหมือนว่าการดำรงอยู่ของอีกฝ่ายเป็นส่วนหนึ่งของเต๋าแห่งโชคชะตาของมหาจักรวาล
นอกจากนี้ในอีกทางหนึ่ง หวังเป่าเล่อก็มองเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ซึ่งบนนั้นมีเหตุผลต้นกรรมอันเข้มข้นอยู่ เด็กหนุ่มสวมชุดคลุมผ้าไหมกำลังนั่งขัดสมาธิอมยิ้มให้เขาอยู่บนนั้น
หวังเป่าเล่อเข้าใจกระจ่างในทันทีว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งรองรับเต๋าธาตุทองของตน
ขณะเดียวกันเขาก็ยังเห็นอีกร่างหนึ่ง คนผู้นี้นัยน์ตาซับซ้อน คล้ายจะถอนใจ คล้ายจะอุทาน และกำลังมองมาทางเขาเช่นกัน
ร่างเหล่านี้มีไม่เยอะนัก มีเพียงแปดร่างเท่านั้น
และหลังจากทอดมองไปทีละคนแล้ว สุดท้ายสายตาหวังเป่าเล่อก็หยุดอยู่ที่ใจกลางมหาจักรวาล ที่ตรงนั้น…หมอกสีแดงเข้มข้นขจรขจายปกคลุมทุกสิ่ง ปิดกั้นเหตุผลต้นกรรม แต่กลับไม่อาจปกปิดความคุ้นเคยและสัมผัสเชื่อมต่อที่แผ่ออกมาจากในนั้นได้
“ร่างต้นแบบของข้า…อยู่ตรงนั้น”
“จักรพิภพเต๋าไพศาล…ของมหาเทพ หรือเรียกว่ามิติเต๋าต้นกำเนิด” หวังเป่าเล่อเพ่งมอง ที่ตรงนั้น…คือที่ที่เขากำลังจะไปต่อจากนี้
จากความคุ้นเคยและสัมผัสเชื่อมต่อ เขามีความรู้สึกว่าหากตนก้าวอีกเพียงก้าวเดียวก็จะสามารถเข้าไปในจักรวาลที่ถูกหมอกสีแดงปกคลุมอยู่ได้แล้ว
………………………