หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1334 ปิงหลิงจื่อ
คืนนั้น ในเมืองปรารถนารสมีน้อยคนนักที่จะสงบสติอารมณ์ได้จนถึงยามฟ้าสาง
เป็นเพราะการต่อสู้ของชาวเนื้อที่เกิดคืนเมื่อคืนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมือง สาวกเนื้ออาวุโส ‘อวิ๋นหลิงจื่อ’ ผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารเกล็ดโลหิตในการต่อสู้ครั้งนี้ถูกคนไม่รู้ที่มาสยบลงได้อย่างดุเดือด
ถึงขั้นที่ทั้งกระบวนการสยบนี้ไม่เกิดสถานการณ์พลิกผันแม้แต่น้อย เมื่ออยู่ภายใต้กฎเกณฑ์แห่งปรารถนาที่น่าสะพรึงยิ่งกว่า อวิ๋นหลิงจื่อผู้นั้นก็อ่อนแอเสียจนแทบทนการโจมตีครั้งเดียวไม่ไหว ยิ่งกว่านั้นหลังจากถูกปราบได้ เขาก็ถูกอีกฝ่ายกลืนกินพลังภายในร่างไปจนหมดสิ้น กลายเป็นบุคคลไร้ประโยชน์ทันที
ภาพนี้สั่นคลอนไปทั้งแปดทิศ ทำให้ผู้ฝึกตนมากมายหลายคนภายในเมืองปรารถนารสเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นในใจ ขณะเดียวกันนั้น พวกเขาก็รู้สึกกริ่งเกรงต่อสาวกเนื้อที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาอย่างแรงกล้า
แม้ว่าภายในเมืองปรารถนารสจะวุ่นวาย ผู้แข็งแกร่งกินผู้อ่อนแอ แต่การทำตามอำเภอใจไม่สนสิ่งใดเช่นนี้และใช้วิธีการจัดการอย่างโหดเหี้ยม ก็ยังทำให้คนในเมืองปรารถนารสส่วนใหญ่หวาดกลัว
แม้แต่สาวกเนื้อคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ พวกเขาให้ความสนใจกับผู้ฝึกตนมาใหม่คนนี้อย่างยิ่ง
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ยังทำให้เจ้าสวาปามสองคนลงมือใส่กันด้วย ฝ่ายหนึ่งจะลงโทษสาวกเนื้อผู้มาใหม่คนนี้ ส่วนอีกฝ่ายก็ลงมือขัดขวาง แม้ว่าทั้งสองจะต่อสู้กันอย่างธรรมดาๆ แต่ในฐานะที่เป็นเจ้าสวาปาม ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาย่อมสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แม้จะเผชิญหน้ากันกลางอากาศก็ยังทำให้ทั่วทั้งเมืองปรารถนารสสั่นสะเทือน
ทว่าเทียบกันกับพวกเขาแล้ว ตอนนี้พวกผู้จัดการร้านหญิงในร้านต่างหากถึงจะเป็นฝ่ายที่ตะลึงงันอ้าปากค้างที่สุด ความประหลาดใจและตกใจเหมือนกับกระแสน้ำ แทบจะท่วมท้นพวกเขาได้เลย
พวกเขารู้อยู่แล้วว่าเจ้านายของตนแข็งแกร่งมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายกลับอยู่ในระดับน่าสะพรึงขนาดนี้ ยิ่งไม่คาดคิดมาก่อนว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ อีกฝ่ายไม่เพียงจัดการศัตรูภายนอกตามใจชอบ แต่ยังชักนำให้เจ้าสวาปามลงมือด้วย
ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาที่สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดหลังจากหวังเป่าเล่อจากไปรู้สึกตัวสั่นงันงกไปตามๆ กัน โดยเฉพาะเมื่อเงาร่างของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้นบนถนนแล้วก้าวมาหาทีละก้าวๆ ความกริ่งเกรงในแววตาของคนทั้งแปดก็กลายเป็นความคลั่งไคล้ พวกเขาคุกเข่าลงแล้วคำนับยกใหญ่แม้อยู่ห่างไกลทันที
หวังเป่าเล่อไม่สนใจแปดคนที่รอตนอยู่หน้าประตู เขาเดินผ่านข้างตัวพวกเขาเข้าไปในร้าน ขึ้นไปชั้นสอง จากนั้นปิดประตูห้องพักเสียงดังปึง แปดคนที่คุกเข่านอกร้านอยู่ตรงนั้นพากันเงยหน้าขึ้น สีหน้าของแต่ละคนเผยความตื่นเต้นรุนแรงถึงขีดสุดอย่างไม่อาจควบคุมออกมา
“รุ่งโรจน์แล้ว พวกเรา…จะรุ่งโรจน์แล้ว!”
พวกเขาหายใจถี่รัว เมื่อมองหน้ากันและกันก็มองเห็นความตื่นเต้นอย่างแรงกล้าของแต่ละคน พวกเขากระจ่างแจ้งดีว่าหลังจากเกิดศึกครั้งนี้…น้ำแห่งสุขจะต้องเป็นที่นิยมในเมืองปรารถนารสได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อน้ำขึ้นเรือลอยสูง ร้านค้าของพวกเขาจะต้องรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วด้วยระดับที่เกินความจริงแน่ๆ
และระหว่างที่เกิดความรุ่งเรืองนี้ เรื่องของเจ้านายของตนจะต้องกลายเป็นประเด็นร้อนในเมืองปรารถนารสในช่วงหนึ่งแน่นอน เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของผู้จัดการร้านหญิงก็เผยความเร่าร้อนออกมา รีบหันกายกลับเข้าไปในร้าน เดินขึ้นบันไดด้วยความเคารพ จากนั้นคุกเข่าอยู่นอกห้องพักของหวังเป่าเล่อ ก่อนเอ่ยเสียงนุ่มนวล
“นายท่านเจ้าคะ หากคนนอกถามถึง พวกเราควรตอบนามของนายท่านอย่างไรหรือเจ้าคะ”
ผู้จัดการร้านหญิงคนนี้คิดได้รอบคอบมาก แม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะรู้หรือไม่รู้นามของหวังเป่าเล่อก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป หวังเป่าเล่อจำเป็นต้องมีชื่อเรียกสำหรับคนนอก ทั้งสะดวกต่อความรุ่งเรืองของเขา และสะดวกต่อกิจการของร้านด้วย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในห้องพักก็มีเสียงนิ่งเรียบของหวังเป่าเล่อดังออกมา
“ปิงหลิงจื่อ”
“อีกอย่าง พรุ่งนี้ส่งน้ำเย็นหล่อวิญญาณหนึ่งพันขวดไปที่คฤหาสน์ของเจ้าสวาปามโจวหั่วด้วย”
ผู้จัดการร้านนอกห้องพักได้ยินแล้วก็ตอบรับทันที รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนเรียกสหายผู้ร่วมงานคนอื่นๆ มาปรึกษาหารือ หลายวันในอดีตเหล่านั้นทำให้พวกเขารู้นิสัยของเจ้านายดี จึงไม่ต้องการถามไถ่ไปเสียทุกเรื่อง ดังนั้นในกิจการแห่งนี้ พวกเขาจึงยังมีสิทธิเสียงของตนอยู่มาก
เช่นนี้เอง เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง นอกร้านก็มีผู้ฝึกตนหลายพันคนรวมตัวกันไม่ขาดสาย มีส่วนหนึ่งในผู้ฝึกตนเหล่านี้มาต่อแถวทุกวัน แต่มากกว่านั้นคืออยากมาคารวะเพราะตกตะลึงจากเรื่องเมื่อคืน
พวกเขาเข้าแถวรออยู่ตรงนี้ และเมื่อประตูร้านเปิดออก พวกคนแคระกับเจ้าอ้วนน้อยก็เดินออกมา แต่ไม่ได้เปิดทำการทันทีเหมือนเมื่อก่อน กลับเดินไปเปลี่ยนป้ายร้านใหม่ด้วยท่าทางหน้าเชิดอกตรงอย่างเย่อหยิ่ง
จากนั้นพวกเขาสองคนก็ยืนขนาบซ้ายขวา สีหน้าหยิ่งยโสคล้ายกับว่าในการรับรู้ของพวกเขา ร่างกายตนสูงส่งไม่มีที่สิ้นสุด จนสามารถก้มมองผู้ฝึกตนที่เข้าแถวอยู่ข้างนอกเหล่านั้นได้
ขณะเดียวกัน เมื่อเปลี่ยนป้ายร้านเสร็จ สายตารอบด้านก็มองไปจุดเดียวกันทันที พวกเขามองเห็นอย่างชัดเจนว่าบนป้ายร้านอันใหม่สลักสามคำเอาไว้
ร้านปิงหลิง!
สามคำนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ด้านนอกใจสงบลงไปตามๆ กัน จากนั้นเจ้าอ้วนน้อยที่ยืนอยู่ตรงประตูก็เอ่ยออกมา แม้ว่าจะเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง แต่ท่าทีกลับเย่อหยิ่งเหนือใคร
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป น้ำเย็นหล่อวิญญาณของร้านปิงหลิงจะเปลี่ยนรูปแบบการขาย ไม่ใช่ใครมาก่อนได้ก่อนอีกแล้ว แต่ใช้วิธีการจับหมายเลข ทุกๆ ครึ่งชั่วยามจะจับออกมาสิบคน”
ทันทีที่เอ่ยออกไป ทุกคนที่ต่อแถวอยู่ข้างนอกก็พลันวุ่นวาย ในหมู่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้โง่ จึงเข้าใจวิธีการเช่นนี้ทันที มันจะทำให้การได้น้ำเย็นหล่อวิญญาณมาเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น ขณะเดียวก็ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย
สิ่งนี้จำเป็นต้องมีคนมาต่อแถวอยู่นอกร้านเรื่อยๆ จึงจะทำได้
วิธีการเช่นนี้หากเป็นเมื่อก่อน จะต้องทำให้เกิดความขุ่นเคืองเป็นแน่ แต่เมื่อได้ประสบกับการต่อสู้เมื่อคืน ร้านปิงหลิงก็มีสิทธิเอาแต่ใจเช่นนี้ได้
เจ้าอ้วนน้อยไม่สนใจทุกคน เขาหันกายเดินเข้าไปในร้าน ส่วนทางด้านคนแคระ ทางหนึ่งเคี้ยวลูกตาอยู่ในปาก ทางหนึ่งก็ส่งหมายเลขให้ทุกคน
จากนั้นเมื่อวิธีการซื้อขายแบบใหม่เริ่มนำมาใช้ เวลาก็ผ่านเลยไป คนที่มาต่อแถวด้านนอกร้านปิงหลิงไม่ใช่แค่ไม่ลดลง กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรื่องชื่อของหวังเป่าเล่อก็ค่อยๆ มีคนรับรู้มากขึ้นเมื่อกลุ่มคนเพิ่มจำนวนและพวกคนแคระกับเจ้าอ้วนน้อยในร้านจงใจประกาศออกมา
“ปิงหลิงจื่อ!”
“สาวกเนื้อที่มาใหม่ผู้นั้นมีนามว่าปิงหลิงจื่อ!”
เสียงจอแจนอกร้านไม่ได้ส่งผลอะไรต่อหวังเป่าเล่อ กลับกันเมื่อกลุ่มคนเพิ่มขึ้นและมีการจำกัดการซื้อน้ำเย็นหล่อวิญญาณ ความกระหายอยากก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งนี้ทำให้ผลึกแก้วสีดำในวังน้ำวนแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนารสภายในร่างของหวังเป่าเล่อซึ่งนั่งสมาธิอยู่ในห้องพักเจิดจรัสยิ่งขึ้น เช่นนี้เอง หลายวันก็ผ่านไป
ในช่วงหลายวันมานี้ น้ำเย็นหล่อวิญญาณได้สั่นสะเทือนเมืองปรารถนารสอย่างถึงที่สุด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เขตตะวันออกอีกแล้ว ถึงขั้นที่ผู้ฝึกตนในเขตอื่นๆ ก็มาตามเสียงเล่าลือ แม้จะมีบางคนรังเกียจการต่อแถว แต่ผู้ฝึกตนทุกคนที่ซื้อน้ำเย็นหล่อวิญญาณได้ก็ไม่มีใครไม่เคลิบเคลิ้ม ทั้งมันยังสร้างประโยชน์ที่เกี่ยวข้องให้กับตัวพวกเขาด้วย จึงทำให้น้ำเย็นหล่อวิญญาณมีแววเป็นที่นิยมในเมืองปรารถนารส
ขณะเดียวกัน สมญานามเต๋าของหวังเป่าเล่อก็แพร่หลายอย่างกว้างขวาง ชั่วขณะเดียวก็กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในเมืองปรารถนารสแล้ว และในตอนนี้เอง คำเชิญจากโจวหั่ว หนึ่งในเจ้าสวาปามทั้งแปดก็ถูกพ่อบ้านของคฤหาสน์นำมาส่งให้กับร้านปิงหลิงด้วยตัวเอง
โจวหั่วเชิญหวังเป่าเล่อไปเข้าร่วม…เทศกาลสวาปามในอีกสามวันกับงานเลี้ยงยามเย็น
………………………