หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1337 งานเลี้ยงล่าสัตว์
“ถึงอย่างไร การที่มีเจ้าสวาปามคนที่เก้าปรากฏขึ้นในเมืองปรารถนารสก็เป็นสิ่งที่เจ้าแห่งปรารถนาต้องการเห็น” จงไห่จื่อแย้มยิ้ม มองหวังเป่าเล่อ
“น่าสนใจ แต่ถ้าอยากเห็นเจ้าสวาปามคนที่เก้าถือกำเนิดขึ้นจริงๆ เช่นนั้นสาวกเนื้อสักคนที่กลืนกินผู้ฝึกตนจำนวนมากได้ แม้จะไม่เต็มสมบูรณ์ แต่ก็น่าจะเลื่อนขั้นได้นะ แล้วเหตุใดจนถึงตอนนี้ในเมืองปรารถนารสจึงยังไม่มีเจ้าสวาปามคนที่เก้าเล่า” หวังเป่าเล่อเลิกคิ้ว
“การกลืนกินระหว่างสาวกเนื้อด้วยกัน แม้จะได้ประโยชน์มหาศาล แต่…ก็มีข้อจำกัด”
“ธรรมกายร้อยจั้งก็คือเจ้าสวาปาม แต่เมื่อถึงเก้าสิบเก้าจั้ง ความยากเข็ญของอีกหนึ่งจั้งที่เหลือยากลำบากเกินกว่าครั้งก่อนๆ ยิ่งนัก ดังนั้นการกลืนกินจึงต้องทำในชั่วขณะที่จะเลื่อนขั้นจริงๆ ถึงจะสามารถยืมกำลังของมันมารวบรวมผลึกสวาปามในตัวได้” ผู้ที่ตอบกลับหวังเป่าเล่อครั้งนี้ไม่ใช่จงไห่จื่อ หากแต่เป็นสาวกเนื้ออีกคน
คนผู้นี้ก็คือชายชราผู้นั้น ตอนนี้เขาเดินเข้ามา แย้มยิ้มให้กับหวังเป่าเล่อแล้วอธิบายให้ฟัง
“ไม่ผิด ไม่อย่างนั้นพวกข้าคงไม่อาจพูดคุยหัวเราะกันได้หรอก ชาวเนื้อนั้น แม้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความแข็งแกร่ง แต่ก็ต้องระวังอย่าได้กลายเป็นเนื้อของผู้อื่น” ชายชราส่ายหน้า รู้สึกทอดถอนใจอย่างยิ่ง จากนั้นก็ปราดมองหวังเป่าเล่อก่อนโพล่งออกมา
“แต่…จงไห่จื่อไม่ได้พูดถึงสถานการณ์อย่างที่สามที่สาวกเนื้อสามารถเข่นฆ่าได้ นั่นก็คือ…งานเลี้ยงล่าสัตว์”
“งานเลี้ยงล่าสัตว์!” จงไห่จื่อได้ยินสีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป เขาหันขวับไปมองชายชรา
“เรื่องนี้ ในปีนั้นถูกเจ้าสวาปามทั้งแปดร่วมกันหยุดยั้งเอาไว้แล้วนี่ หรือว่า…”
“ถูกต้อง ตามข้อมูลของข้าผู้เฒ่า งานเลี้ยงล่าสัตว์จะจัดขึ้นอีกครั้ง” ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย ส่วนหวังเป่าเล่อ เมื่อได้ยินคำพูดของคนทั้งสอง ดวงตาก็ฉายแววประหลาด
สีหน้าของจงไห่จื่อที่อยู่ข้างๆ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่มันเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาวไม่แน่นอน ชายชราก็หันมาอธิบายเรื่องงานเลี้ยงล่าสัตว์ให้หวังเป่าเล่อฟัง
งานเลี้ยงล่าสัตว์ที่ว่าก็คืองานที่จัดขึ้นปีละครั้งของเมืองปรารถนารส ตลอดมาล้วนยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเทศกาลสวาปามเสียอีก เมื่อเจ้าแห่งปรารถนารสเริ่มงาน เขาจะให้ผู้เข้าร่วมทั้งหมดลงไปยังโลกด้านล่างเพื่อล่าสัตว์อสูรโบราณในนั้นมาเป็นวัตถุดิบอาหาร
โลกใบนี้แบ่งเป็นสามชั้น ชั้นที่ทุกคนอยู่คือชั้นที่สอง วิญญาณเทพเจ้าหลับใหลอยู่ในชั้นที่หนึ่ง และชั้นล่างสุดก็คือชั้นที่สาม ที่นั่นมีคนและอสูรนับไม่ถ้วนหลับใหลอยู่
ต้นกำเนิดของคนโบราณก็มาจากในนี้เอง แต่เมื่อเทียบกับคนโบราณที่ฟื้นขึ้นเหล่านั้นแล้ว ผู้คนในโลกชั้นล่างที่ยังไม่ฟื้นมักจะไร้จิตวิญญาณ เป็นเหมือนกับศพเดินได้ ขณะเดียวกันในนั้นก็ให้กำเนิดอสูรร้ายพิสดารเป็นพิเศษที่มีจำนวนมากยิ่งกว่า ดังนั้นจึงมีอันตรายอยู่มาก
แต่ขณะที่มีอันตราย ตัวของสัตว์ร้ายพวกนั้นก็เป็นวัตถุดิบชั้นยอดที่สุดเช่นกัน ตัวอย่างเช่นหนวดสีทองที่ถูกพบในโลกชั้นล่างเมื่อนานมาแล้ว แต่เจ้าแห่งปรารถนาคนหลังๆ ควบคุมมันได้และมีพลังสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างไม่จำกัด
นอกจากนี้ยังมีอันตรายอีกหนึ่งอย่างซึ่งมาจากเจตนาชั่วร้ายของพวกผู้ฝึกตนในเมืองปรารถนารส
เพราะว่าในงานเลี้ยงล่าสัตว์ทุกครั้ง เจ้าสวาปามจะไม่เข้าร่วม ดังนั้นผู้แข็งแกร่งที่สุดที่เข้าไปในนั้นก็คือสาวกเนื้อ เพราะอย่างนั้นเรื่องกลืนกินกันและกันที่ถูกห้ามไว้ในเมืองปรารถนารสจึงได้เกิดขึ้นแบบที่รู้กันดีในโลกชั้นล่าง
สำหรับเจ้าสวาปามแล้ว สาวกเนื้อใต้บัญชาได้ประโยชน์มากเท่าไรในโลกชั้นล่างก็จะเป็นตัวกำหนดส่วนแบ่งทางอำนาจของพวกเขาที่จะได้รับจากเจ้าแห่งปรารถนาด้วย
แต่สำหรับกลุ่มอิทธิพลในเมืองปรารถนารสแล้ว เนื่องจากเรื่องนี้ไม่อาจควบคุมผลประโยชน์และสิ่งที่เสียไปได้ ถึงขั้นมีโอกาสอย่างมากที่จะไม่ได้ส่วนแบ่งอำนาจด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้นคือทำให้อิทธิพลใต้บัญชาของเจ้าสวาปามลดลงอย่างมาก ดังนั้นพวกเจ้าสวาปามจึงคัดค้านการจัดงานนี้
งานเลี้ยงล่าสัตว์นี้ก็หยุดจัดไปได้หลายปี แต่ครั้งนี้ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด เจ้าสวาปามทั้งแปดกลับไม่ขัดขวางอีก เรื่องนี้ทำให้สาวกเนื้อที่ถามถึงทุกคนรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ
“สาเหตุที่ถูกจัดขึ้นอีกก็เพราะว่าเจ้าแห่งปรารถนารู้สึกว่าจะมีเจ้าสวาปามคนที่เก้าปรากฏขึ้นในเมืองปรารถนารสของข้า และเจ้าสวาปามคนนี้ก็จะถือกำเนิดขึ้นในงานเลี้ยงล่าสัตว์ พวกเราส่วนใหญ่คิดว่า บางทีคนผู้นั้นอาจเป็นเสินหลูเต้า จึงเปิดงานล่าสัตว์ครั้งนี้ให้เป็นพิเศษ” หลังจากชายชราอธิบายเรื่องงานเลี้ยงล่าสัตว์ให้หวังเป่าเล่อฟังแล้ว ก็มีเสียงราบเรียบพร้อมกับอานุภาพกดดันดังเข้าไปในหูของทุกคน
เสียงนี้ดังขึ้น นั่นก็คือชายวัยกลางคน สวมชุดคลุมยาวสีม่วง ท่าทางน่าเกรงขาม ใบหน้าคล้ายคลึงกับโจวหั่วผู้เหมือนภูเขาเนื้ออย่างยิ่ง ตอนนี้พอเขามาถึง กฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสในร่างของคนในงานเลี้ยงทั้งหมดโดยรอบก็สั่นสะเทือนขึ้นมาเมื่อมองเห็นเขา สัมผัสเชื่อมต่อทำให้พวกเขารับรู้ถึงสถานะของผู้มาได้รางๆ
“คารวะเจ้าสวาปาม!” ชายชราและจงไห่จื่อ รวมถึงสาวกเนื้ออีกสองคนที่อยู่ไกลๆ ไม่ได้เข้ามาล้วนคำนับให้ทันทีเช่นกัน ผู้ฝึกตนคนอื่นในงานเลี้ยงก็ก้มหน้าลงตามๆ กัน
หวังเป่าเล่อก็ประสานหมัดคำนับด้วย เขามองออกว่าผู้ที่มาถึงคนนี้คือร่างแยก เห็นได้ชัดว่าร่างจริงของโจวหั่วใหญ่ยักษ์เกินไป ไม่เหมาะจะมาปรากฏตัวอยู่ในห้องโถงจัดเลี้ยงนัก ดังนั้นการที่ส่งร่างแยกมาจึงเป็นเรื่องสมควรแล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นร่างแยก แต่เพราะความกังวานของกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารส จึงทำให้อานุภาพกดดันของเขามีมหาศาล ทว่าเรื่องนี้ไม่ส่งผลใดๆ ต่อหวังเป่าเล่อเลย
“ที่เรียกพวกเจ้ามาในงานเลี้ยงครั้งนี้ก็เพื่อจะประกาศเรื่องนี้นี่แหละ” หลังจากโจวหั่วเดินมาถึง เขาก็กวาดมองพวกหวังเป่าเล่อ แล้วมองไปยังสาวกเนื้ออีกสองคนที่ตอนนี้รีบเดินเข้ามาแล้ว
“งานเลี้ยงล่าสัตว์จะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งเดือน ข้าหวังว่าพวกเจ้า ยามอยู่ในโลกชั้นล่าง…จะคำนึงถึงเรื่องรอดชีวิตเป็นอันดับแรก ส่วนปิงหลิงจื่อ เจ้าจะต้องระวังเสินหลูเต้าเอาไว้ วันนี้ตอนดูดซับอยู่ที่แท่นบูชา เจ้าได้กลายเป็นเหยื่อของเขาแล้ว” โจวหั่วมองไปยังหวังเป่าเล่อ
“เหยื่อหรือ” หวังเป่าเล่อแย้มยิ้ม ดวงตามีประกายแสงวาบผ่าน
โจวหั่วราวกับมองความคิดของหวังเป่าเล่อออก เขาหรี่ตาลง ไม่ได้กล่าวอะไร แต่เดินไปยังตำแหน่งประธานในห้องโถงจัดเลี้ยง ไม่พูดคุยเรื่องนี้อีก จากนั้นงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
อาหารโอชะมากมายถูกส่งให้ พร้อมกับที่คนรับใช้บ้างงดงามบ้างหล่อเหลาจำนวนมากเดินสลับกันเข้ามา ความปรารถนาภายในงานเลี้ยงแห่งนี้ก็ยิ่งแพร่กระจาย มองจากไกลๆ มันเทียบได้กับความโกลาหลในเมืองปรารถนารสตอนนี้ด้วยซ้ำ ภายในคฤหาสน์ของโจวหั่วจึงแผ่ปราณมืดออกมา น่าตกตะลึงเช่นกัน
ปราณมืดเหล่านี้เป็นตัวแทนของความปรารถนารส เข้มข้นถึงขีดสุด จากที่ไกลๆ ผู้ฝึกตนในเมืองปรารถนารสล้วนไม่กล้าเข้ามาใกล้สักนิด
เพราะว่า…ทันทีที่เข้าใกล้ ร่างกายจะแปดเปื้อนอย่างไม่อาจควบคุมแล้วแห้งเหี่ยวในชั่วพริบตา
ที่แห่งนี้เข้าได้แค่ผู้มีกฎเกณฑ์แห่งปรารถนาบรรลุถึงระดับหนึ่งหรือผู้ติดตามที่ถูกพาเข้ามาเท่านั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คนนอกทุกคนจะแปดเปื้อนโดยสมบูรณ์ และสูญเสียตัวตนไป
นี่ก็คือพลังแห่งกฎเกณฑ์ของความปรารถนา
แต่งานเลี้ยงก็ไม่ได้จัดอยู่นานนัก เมื่อการฆ่าฟันและการต่อสู้ที่เกิดจากเทศกาลข้างนอกจบลงแล้ว ขณะที่ค่ำคืนมืดมิดเข้าปกคลุมท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์ งานเลี้ยงก็ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด
เมื่อทุกคนจากไปทีละคนๆ ครั้นหวังเป่าเล่อเรียกผู้จัดการร้านหญิงเข้ามาและไปกล่าวลากับโจวหั่ว โจวหั่วที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็พลันเอ่ยขึ้น
“ของขวัญไม่เลว”
“เจ้าสวาปามชอบก็ดีแล้วขอรับ” หวังเป่าเล่อตอบกลับพร้อมยิ้มน้อยๆ ของขวัญที่เขามอบให้กับเจ้าสวาปามโจวหั่วก็สี่ส่วนของคลังน้ำเย็นหล่อวิญญาณในร้าน
โจวหั่วปราดมองหวังเป่าเล่อ หลังจากครุ่นคิด เขาก็เอ่ยต่ออย่างมีนัยลึกซึ้ง
“ต้นกำเนิดของเจ้าไม่สำคัญ ต่อให้ฝึกกฎเกณฑ์แห่งสุขมาก่อนก็ไม่เป็นไร แต่นี่อยู่ในสถานการณ์ที่เจ้าไม่มีศัตรูคนอื่นนอกเมืองปรารถนารส ทว่าหากเจ้าได้กลายเป็นเจ้าสวาปามคนที่เก้าแบบที่เจ้าแห่งปรารถนาสัมผัสได้ เช่นนั้น…ศัตรูของเจ้า ก็คือศัตรูของเมืองปรารถนารสด้วย”
“เพราะเจ้าคือตัวแทนของกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารส” กล่าวจบ โจวหั่วก็ไม่เอ่ยต่ออีก
หวังเป่าเล่อได้ยินสีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เพียงแค่ประสานหมัดคำนับ ก่อนหันกายจากไป
จนกระทั่งเดินออกมาจากคฤหาสน์ของโจวหั่วแล้ว ขณะที่ผู้จัดการร้านหญิงไม่ได้สังเกต ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็มีประกายสนอกสนใจวาบผ่าน
“เจ้าสวาปามคนที่เก้าหรือ”
………………………