หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1343 ตกปลา!
ด้วยเสียงที่คำรามออกมา อสูรเนินเขาก็ระเบิดออกเต็มกำลัง
ร่างแปลกประหลาดของมัน ได้ปรากฏออกมาทั้งหมดในเวลานี้ แยกทะเลดวงจิตในระดับสูงสุด ทว่าน่าเสียดายที่พลังของมันยังไม่เพียงพอ ดังนั้นหลังจากแยกออกเพียงครู่เดียว อุโมงค์อาวุธปากของมันก็ทนรับไม่ไหว เลือดเนื้อเจิ่งนองและทรุดลงทันที
ยังดีที่ตอนนี้มีความหมายอย่างยิ่งต่อหวังเป่าเล่อ ทำให้เขาสามารถผ่อนคลายจิตใจลงได้บ้าง หวังเป่าเล่อพุ่งตัวอีกครั้งอาศัยไปตามอุโมงค์ที่พังทลายออกจากใต้ดิน หลังจากที่พุ่งออกแล้ว เขาพยายามอดทนอย่างหนักต่อความอ่อนแอทางร่างกายและอาการปวดหัวรุนแรง รวมทั้งความรู้สึกฉีกร้าวของวิญญาณเทพ มือยกขึ้นคว้าไปทางอสูรเนินเขา แล้วดึงมันขึ้นมาจากพื้นเมื่อมันส่งเสียงคำราม
แม้อีกฝ่ายจะไม่มีสติปัญญา แต่ครั้งนี้ได้ช่วยตนเอาไว้มาก ไม่ว่าจะจากเรื่องนี้ หรือว่าความต้องการในอนาคต หวังเป่าเล่อไม่อาจเมินเฉยได้
เมื่ออสูรเนินเขาถูกทะเลแห่งดวงจิตจู่โจม ท่ามกลางเสียงคำรามรวดร้าว มันถูกดึงขึ้นมาบนผืนแผ่นดินที่อยู่ในตอนแรก ส่งเสียงร้องกึกก้อง ตอนนั้นเองเสียงหนึ่งที่ราวกับรวบรวมเสียงคำรามของสรรพชีวิตเอาไว้ ก็ส่งออกมาจากผืนดินอย่างบ้าคลั่ง
ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางเสียงที่ส่งออกมา พื้นดินพลันขยายนูนสูงขึ้น ก่อเป็นใบหน้ามหึมา แผดเสียงท่ามกลางความสยดสยองไม่หยุด มองจากไกลๆ ราวกับแผ่นดินได้กลายเป็นตาข่ายแห่งการผนึกขนาดมหึมา สามารถผนึกเทพอสูรตัวหนึ่งไว้ภายใน
และเวลานี้ เทพอสูรตัวนี้ก็ได้ตื่นขึ้นแล้ว ใบหน้าที่อยู่บนสุดพยายามทำลายตาข่ายแห่งผนึกแล้วพุ่งออกไป
ทว่า…หากไม่ฟังเสียงคำรามนั้น แต่ไปมองยังรูปปากของใบหน้านี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็จะค้นพบอย่างสยดสยองว่า เสียงคำรามร้องของอีกฝ่าย ไม่ตรงกับรูปปาก
รูปปากนี้แยกเป็นสองตัวอักษรอย่างชัดแจ้ง
“ช่วยข้า..ช่วยข้า…ช่วยข้า…”
บนท้องฟ้า หวังเป่าเล่อที่คว้าอสูรเนินเขาอยู่ในตอนนี้ สีหน้าซีดขาว เขาก้มมองใบหน้าบนพื้น ดวงตาเกิดความสับสน เพียงชั่วแวบเดียว ก็ทะยานออกไปทางท้องฟ้าอันไกลโพ้น
ที่บนพื้น ใบหน้าขนาดมหึมาที่นูนขึ้นนั้น ส่งเสียงร้องคำรามอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะสงบลงในไม่ช้า และค่อยๆ หดกลับ ทำให้ผืนดินคืนความสงบดังเดิม
หลังจากชั่วครู่ใหญ่ หวังเป่าเล่อบินอยู่กลางอากาศ เขาช่วยชีวิตอสูรเนินเขาเอาไว้ แต่กลับทิ้งร่องรอยและอาหารที่สามารถรักษาอาการเมืองปรารถนารส จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดต้นไม้ในป่า เร่งรีบนั่งสมาธิฟื้นฟูร่างกาย
หนึ่งชั่วยามให้หลัง หวังเป่าเล่อกลืมตาตื่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด อาการบาดเจ็บทางร่างกายไม่นับว่าเป็นอย่างไร ทว่าวิญญาณเทพได้รับความเสียหาย ทำให้จิตใจอ่อนล้า ที่สำคัญที่สุดก็คือกฎเกณฑ์ปรารถนารสของเขา ขณะนี้ขาดแคลนอย่างยิ่ง
ราวกับเทียนที่ใกล้ดับแสง มีเพียงแสงไฟมืดสลัว
หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงสภาพของตน เขาส่งเสียงหัวเราะอย่างขมขื่น
“ก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือเสีย หรือเสมอ…” หวังเป่าเล่อถอนหายใจ แต่ในไม่ช้าสายตาของเขาฉายแววซับซ้อนและสับสน หลังจากทะลวงเข้าไปใต้ดินลึกระดับ 6000 จั้ง ภายในทะเลดวงจิตอันบ้าคลั่งที่ไม่อาจบรรยายได้นั้น แม้เขาจะยังคงรักษาสติไว้ได้เพียงน้อยนิด ก็ยังเหลือบมองแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
ทว่า…การมองครั้งนี้ กลับทำให้เขาได้เห็นถึงเรื่องแปลกประหลาดบางเรื่อง
เขาเห็นถ้ำอุโมงค์ใต้ดิน เห็นคนผู้หนึ่งอยู่ภายในถ้ำ
เขาไม่เห็นลักษณะอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี แต่หวังเป่าเล่อก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบนร่างของอีกฝ่ายที่กระจายออกมา มันแทบจะเป็นระดับเดียวกันกับ…ร่างต้นของตนเอง
หรืออาจกล่าวได้ว่า เขาเห็นคนผู้นั้น อย่างน้อยก็เป็นสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับขั้นที่ห้า
คนผู้นี้ไม่ได้นั่งขัดสมาธิ แต่ลอยอยู่ภายในถ้ำ บนร่างมีหนวดอยู่นับร้อยเส้น หนวดเหล่านี้ล้วนเป็นสีดำ…เมื่อเปรียบกับหนวดสีทองในเมืองปรารถนารส นอกจากสีแล้ว แทบจะเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน
และหนวดเหล่านี้ คล้ายกับไม่ได้มาจากร่างของผู้ที่ลอยอยู่ หากแต่มาจากสิ่งภายนอก หรือบางทีอาจฝืนปลูกเอาไว้ ปลายข้างหนึ่งฝังอยู่ภายในร่างของเขา และปลายอีกข้างหนึ่งแผ่กระจายไปในดินโคลนทั่วถ้ำ จนไม่รู้ว่าสิ้นสุดที่ใด
พวกมันไม่แม้แต่จะขยับ แต่ส่ายไปมาเชื่องช้า ดูเหมือนกำลังดูดซับ เมื่อมองทิศทางที่มันส่ายนั่นเอง ก็เห็นชัดว่าเวลานี้ มันกำลังถอนตัวออกมาจากร่างของผู้เยี่ยมยุทธ์ ไปยังที่อื่น
ด้วยสติอันน้อยนิด หวังเป่าเล่อที่กำลังมองเหตุการณ์อยู่ในตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่า…บนใบหน้าของผู้เยี่ยมยุทธ์อันเลือนราง คล้ายจะลืมตาขึ้นมา แล้วอ้าปากส่งเสียงร้องของสตรีก็มิใช่บุรุษก็มิเชิงออกมา
“ช่วยข้าด้วย…” หวังเป่าเล่อหลับตา เสียงของอีกฝ่ายยังคงสะท้อนก้องอยู่ในจิตใจ และก็เป็นเสียงนี้ที่ทำให้ดวงจิตเทพทลายเร็วขึ้น
“น่าเสียดายที่ร่างต้นไม่ได้อยู่ที่นี่…” ผ่านไปชั่วครู่หนึ่งหวังเป่าเล่อก็ลืมตาขึ้น เขาคาดเดาไว้ในใจมากมายต่อสิ่งที่ตนได้เห็น ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็ไม่อาจกำหนดออกมาได้อย่างแม่นยำ จึงอยากจะรู้คำตอบ…
“ต้องตรวจสอบอีกครั้ง” ดวงตาหวังเป่าเล่อทอประกาย เขาก้มศีรษะครุ่นคิดอีกรอบ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็ฉายประกายคมปลาบ
“ต้องรีบชดเชยกฎเกณฑ์ปรารถนารส กฎเกณฑ์นี้ต่อต้านดวงจิตใต้ผืนดินของข้า มีผลที่แปลกประหลาด” หวังเป่าเล่อหรี่ตา คิดถึงเด็กหนุ่มที่ชอบเล่นซ่อนหาผู้นั้น
เด็กหนุ่มผู้นั้นยังอ่อนเยาว์นัก หารู้ไม่ว่าก่อนที่เขาจะกระโดดเข้าสู่วังวน หวังเป่าเล่อได้ผนึกดวงจิตเทพเอาไว้บนร่างของเขาอย่างเงียบเชียบแล้ว
เดิมที หวังเป่าเล่อไม่ได้วางแผนที่จะเสาะหาอีกฝ่ายเร็วขนาดนี้ แต่ตอนนี้จำเป็นต้องเตรียมพร้อม ดังนั้นการซ่อนหาครั้งนี้ ก็สามารถวาดจุดจบได้แล้ว
คิดถึงตรงนี้ ร่างของหวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดไม้ ก็กลายเป็นขี้เถ้าปลิวว่อน สลายไปอย่างไร้สุ้มเสียง
เวลาเดียวกัน ภายในโลกาชั้นแรก ปลาน้อยตัวหนึ่งอยู่ในแอ่งน้ำโคลน มันนอนคว่ำอยู่ในส่วนลึกของแอ่งโคลน แน่นิ่งไม่ไหวติง
ทั้งแอ่งโคลนมีปลาเพียงตัวเดียว ซ่อนพลังชีวิตไว้ลึกมาก อีกทั้งยังแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ดังนั้นจึงเพียงพอที่จะปลอดสายตาการสำรวจของคนทั้งหมดได้
ปลาตัวนี้ก็คือเฉิงหลิงจื่อ
เมื่อได้รับความบาดเจ็บอย่างหนัก ถูกหวังเป่าเล่อกระทำจนหวาดผวา หลังจากมาถึงโลกาชั้นแรกแล้ว จึงไม่กล้าวิ่งวุ่น พบแอ่งน้ำนี้ก็รีบกระโดดลงไปทันที ใช้ความสามารถในการเปลี่ยนร่างของเวทแห่งปราณโลหิต แปลงเป็นเจ้าปลาน้อย คว่ำหน้าอยู่ในส่วนลึก ด้านหนึ่งหวาดกลัวและตื่นตระหนก อีกด้านหนึ่งก็สาปแช่งหวังเป่าเล่ออย่างบ้าคลั่ง
“เจ้าสุนัข รอก่อนเถอะ รอให้การสังหารครั้งนี้เสร็จสิ้น หลังจากข้ากลับไปต้องให้เจ้าอยากตายเสียดีกว่าอยู่!” ความเกลียดชังของเฉิงหลิงจื่อที่มีต่อหวังเป่าเล่อนั้นเทียมฟ้า เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนสูญเสียความเป็นไปได้ในการเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าสวาปาม และเผชิญกับภัยพิบัติความเป็นความตายในตอนนี้
เขารู้ดีว่า ศัตรูของตนไม่ได้มีเพียงหวังเป่าเล่อ สาวกเนื้อทั้งหมดล้วนเป็นศัตรูของตน แม้บิดาของเขาจะเป็นเจ้าแห่งสวาปาม แต่เขาในเวลานี้อ่อนแอเกินไป แล้วยังมีกฎเกณฑ์ปรารถนารสอย่างหนาแน่น เขาไม่เชื่อว่าหลังจากผู้คนรอบข้างเห็นตนแล้ว จะสามารถทนได้
“ปิงหลิงจื่อ ขอเพียงให้ข้าผ่านพ้นภัยพิบัตินี้ ความร้ายกาจของเจ้าที่ทำต่อข้า ข้าจะต้องตอบแทนเจ้าเป็นร้อยเท่าพันทวี” เฉิงหลิงจื่อที่แปลงร่างเป็นปลาน้อย ขณะปากกำลังสาปแช่งหวังเป่าเล่ออย่างเต็มกำลัง ทันใดนั้นเอง…ก็ปรากฏเส้นไหมหนึ่งเส้นขึ้นมาตรงหน้าเขา
จากด้านบนพื้นผิวน้ำ เส้นไหมที่ถูกโยนเข้าไปนั้นอยู่ข้างปาก
เหตุการณ์นี้ ทำให้เจ้าปลาน้อยนี้ร่างแข็งทื่อทันที
……………………………….