หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1344 ท่านผู้มีพระคุณ
“เป็นผู้โง่งมใด…มาตกปลาที่นี่!” ปลาน้อยกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว จิตใจของมันกระวนกระวาย อยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับเขยื้อน แต่เวลานี้เอง เสียงอบอุ่นก็ส่งมาจากผิวน้ำ ทะลุผ่านแอ่งน้ำเข้าสู่ภายในใจของปลาน้อย
“ปลาที่ไม่กินเหยื่อ ล้วนเป็นปลาตาย”
แม้น้ำเสียงจะอบอุ่น แต่เมื่อก้องอยู่ในใจของปลาน้อยก็กลับกลายเป็นเสียงสังหารที่เย็นเยือก ทำให้เฉิงหลิงจื่อในร่างปลานั้น ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่า…นี่คือปิงหลิงจื่อมีดพันสังหารผู้นั้น
และคำพูดนี้ก็เป็นคำขู่ ทำให้ภายในใจของเฉิงหลิงจื่อเจ็บปวดฆาตแค้นนัก มีแรงกระตุ้นอยู่วูบหนึ่งที่คิดจะแลกชีวิตกับอีกฝ่าย แต่แรงกระตุ้นนั้นก็ถูกสัญชาตญาณการอยู่รอดควบคุมไว้ได้อย่างรวดเร็ว
ภายในส่วนลึกจิตใจของเขา ยังอดคิดไม่ได้ว่า…ปลาที่ไม่กินเหยื่อ คือปลาตาย เช่นนั้นตนควรจะไปกินเหยื่ออย่างว่าง่าย จึงจะมีโอกาสรอดชีวิตใช่หรือไม่
ความคิดนี้ ทำให้เฉิงหลิงจื่อสับสนทันที เบ็ดปลาส่ายไปส่ายมาตรงหน้าเขา คล้ายกำลังอดใจไว้ไม่อยู่
ทว่า ความสับสนนี้ ไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยเวลาอันสั้น ดังนั้นหลังจากผ่านไปหลายลมหายใจ เบ็ดปลานี้ก็ดูเหมือนจะถูกยกขึ้นด้านบน เวลาเดียวกัน เสียงอบอุ่นที่กลายเป็นเย็นเยือกกล่าวออกมาเบาๆ
“ดูไปแล้วคงเป็นปลาตายจริงๆ”
ทันทีที่คำพูดนี้ส่งออกมา จิตสังหารพลันแผ่ซ่านไปทั่วแอ่งน้ำ เฉิงหลิงจื่อตื่นตระหนกรีบระงับความสับสน ท่ามกลางความคับข้องใจด้วยความเจ็บปวดและขุ่นเคือง จึงรีบพุ่งตัวเข้าไป งับเบ็ดตกปลานั้นไว้
ตอนนั้นเอง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อยู่ๆ เขาก็คิดขึ้นมาได้ถึงคำพูดประโยคหนึ่งของบ้านเกิด
น้ำตาของปลาน้อย เจ้ามองไม่เห็น เพราะมันอยู่ในน้ำ…
เป็นเช่นนี้ เบ็ดถูกยกขึ้นข้างบน หลังจากปลาติดเหยื่อ มันถูกดึงขึ้นจากแอ่งน้ำ พริบตาที่ลอยออกจากแอ่งน้ำ น้ำตาและน้ำที่ผสมปนเปกันออกมาจากดวงตาของเขา และยังกระจายไอน้ำที่ตรงหน้า ทำให้เห็นว่าเวลานี้ปิงหลิงจื่อกำลังนั่งอยู่ ใบหน้านั้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มถือเบ็ดอยู่ข้างแอ่งน้ำ จดจ้องมาทางตน
ไม่ต้องรอให้เอ่ยปาก เมื่อสายเบ็ดสะบัด ปลาน้อยก็ถูกดึงขึ้นมาทันที หวังเป่าเล่อยกมือซ้ายคว้ามันเอาไว้ ฟองอากาศยังพ่นออกจากปากปลาไม่หมด แรงดูดมหาศาลระเบิดออกมาจากมือซ้ายของหวังเป่าเล่อ ตรงเข้าไปห่อหุ้มบนร่างของปลาน้อย
ไม่นาน กฎเกณฑ์ปรารถนารสภายในร่างเฉิงหลิงจื่อก็ถูกดูดตรงเข้าไปที่มือซ้ายของหวังเป่าเล่ออย่างควบคุมไม่ได้ มันถูกเขาดูดเข้าภายในร่าง ขณะที่เสริมพลังแห่งกฎจักรวาลของตน ก็ยังทำให้กฎเกณฑ์ปรารถนารสในร่างตนสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
และเจ้าปลาน้อยนั้น เวลานี้กลับหดตัวลงอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า กระทั่งหายใจเพียงไม่กี่ครั้ง ก็ราวกับจะกลายเป็นปลาแห้ง ความเศร้าโศกและความหวาดกลัวผสมผสานไว้ด้วยกันในดวงตา เผยออกมาอย่างน่าสงสาร
กระทั่งกลิ่นอายแห่งชีวิตก็ยังอ่อนลง ราวกับจะแสดงให้เห็นถึงเปลวเพลิงของพลังชีวิตที่จะใกล้ดับสลาย ในตอนนั้นเองแรงดูดก็หยุดลงทันที ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น
“เจ้ามีวิธีเสาะหาสาวกเนื้อคนอื่นหรือไม่”
เสียงนี้ราวกับเสียงสวรรค์ เปรียบได้กับอาหารทิพย์ ฉับพลันนั้นทำให้มันที่กำลังเหี่ยวแห้ง ได้ค้นพบความหวังของชีวิต เบิกตาโตขึ้นทันที หายใจถี่รัว ร่างปลาน้อยเวลานี้สั่นรัวด้วยความหวัง รีบเร่งเอ่ยปาก
“ได้! ข้าทำได้!”
หวังเป่าเล่อเมื่อได้ยิน ก็พยักหน้าพึงพอใจ เขาคลายมือออก สะบัดปลาตกลงไปบนพื้น หางของปลาดีดจากพื้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่กระโจนร่างก็กลายร่างเป็นเด็กหนุ่มท่าทางอ่อนแอผู้หนึ่ง ดูเหมือนว่าแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะเดินก็ยังไม่มีเท่าไรนัก เขามองไปทางหวังเป่าเล่อ สายตามีความหวาดกลัวอย่างรุนแรง
หวังเป่าเล่อกวาดตามองเฉิงหลิงจื่อที่มีทีท่าตื่นตระหนก แล้วเดินผ่าน ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ ร่างของเฉิงหลิงจื่อก็สั่นรุนแรงขึ้น สีหน้าซีดขาวแต่เดิมที เวลานี้ขาวเผือดไปทั้งใบหน้า ความหวาดกลัวในดวงตาราวกับจะปะทุออกมา ปรารถนาจะจมตนเองลงน้ำอีกรอบ
“ข้า…”
ขณะที่กายสั่นเทิ้ม ก็กำลังจะเอ่ยปาก ทว่ายังไม่ทันกล่าวจบ หวังเป่าเล่อก็เดินมาถึงตรงหน้าเขา ยกมือขวากดไปที่ศีรษะของเด็กหนุ่มเบาๆ
ความรู้สึกสั่นเทาทำให้เด็กหนุ่มหวาดผวาจนแทบจะเป็นอัมพาตไปตรงนั้น แต่แล้วตอนนั้นเองเอง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที เพราะรับรู้ได้ถึงกฎเกณฑ์ปรารถนารสที่กระจายออกจากภายในร่างหวังเป่าเล่อ แล้วหลอมรวมเข้าไปในร่างตน ทำให้ร่างกายที่อ่อนแอถึงขีดสุดของตนนั้นได้รับการฟื้นฟูทันที
พลังเพิ่มขึ้นทีละน้อย อย่างน้อยที่สุดก็ยังฝืนเหาะเหินในการเดินทางได้ นี่เป็นเพราะหวังเป่าเล่อต้องการให้อีกฝ่ายช่วยตนเสาะหาสาวกเนื้ออื่นๆ จึงได้มอบความสะดวกเล็กๆ น้อยๆ ให้ แต่เหตุการณ์นี้สำหรับเด็กหนุ่มแล้ว ระดับความสั่นไหวรุนแรง ทำให้เขาอดรู้สึกขอบคุณหวังเป่าเล่อมากขึ้นไม่ได้
ขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่สังหารตนทิ้ง ขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยเหลือเช่นนี้
อีกทั้งยังมีความประทับใจที่บอกไม่ถูก เกิดจิตสำนึกที่ควบคุมไม่อยู่ เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมอบกฎเกณฑ์ปรารถนารสให้แก่ตน เรื่องนี้ทำให้ความเกลียดชังหวังเป่าเล่อที่อยู่ภายในใจเขาในตอนแรกมลายหายไป ไม่หลงเหลืออีกแล้วแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกระแสร้อนแรงกลับเพิ่มขึ้น เกิดความรู้สึกที่อยากจะทำเรื่องนี้เพื่ออีกฝ่ายอย่างเต็มกำลัง
หวังเป่าเล่อสังเกตเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเด็กหนุ่ม เขาก็กะพริบตาปริบๆ น้ำเสียงอบอุ่นขึ้นทันที ตบไปที่ศีรษะของเด็กหนุ่มเบาๆ
“เจ้าหนู ยังไม่พาข้าไปหาสาวกเนื้ออีก”
“รับบัญชา!” ร่างของเด็กหนุ่มสั่นไปทั้งกาย หายใจถี่รัวกล่าวเสียงดัง เห็นได้ชัดว่ายังมีความอ่อนเพลียแฝงอยู่อีกหลายส่วน แต่จิตใจกลับกระตือรือร้น เวลานี้เขาหันศีรษะมองไปรอบด้านทันที สองมือยกขึ้นตบไปที่ศีรษะของตนอย่างแรง ดวงตาพลันโปนขึ้น ขณะที่กระตุ้นกฎเกณฑ์ปรารถนารสภายในร่าง ปราณโลหิตก็อบอวลอยู่ภายในร่างด้วย
เวลาต่อมา ดวงตาของเขามีเส้นเลือดเพิ่มขึ้นนับไม่ถ้วน ขณะหันศีรษะไปทางทิศตะวันตก
“ท่านผู้มีพระคุณ ทิศทางนั้น มีสาวกเนื้อของบิดาข้าอยู่ตนหนึ่ง ข้าจะพาท่านไปพบเขา”
หวังเป่าเล่อหัวเราะ คว้าไหล่ของเด็กหนุ่มเอาไว้ ร่างกายหายไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายชี้แนะในพริบตา และในชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป ด้วยระยะทางที่เปลี่ยนแปลง เมื่อหวังเป่าเล่อพาเด็กหนุ่มปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง เขาก็เห็นสาวกเนื้อใต้บัญชาของถัวหลิงจื่อแต่ไกล คนผู้นั้นกำลังหลบหนีอย่างรวดเร็ว เบื้องหลังของเขามีชายร่างกำยำผู้หนึ่ง สีหน้าเย็นชา เยื้องย่างไล่ประชิดอย่างใจเย็น
คนผู้นี้ดูไปแล้วเหมือนภูเขาเนื้อ ร่างสวมเสื้อคลุมยาวสีขาว ทว่าขณะเดียวกันก็ทรงพลัง ให้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งและอำนาจ ที่เบื้องหลังของเขายังมีรัศมีขนาดใหญ่และสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนอยู่ด้านบน
ปราณโลหิตที่หนาแน่นสะเทือนฟ้าดิน ราวท้องนภาล้วนช่วยกันแต่งแต้มสีสัน นั่นคือเฟิงตี๋..ผู้ที่เจ้าแห่งปรารถนาชื่นชม
เกือบจะทันทีที่หวังเป่าเล่อและเฉิงหลิงจื่อมาถึง เฟิงตี๋สาวกเนื้อที่ไล่โจมตีอยู่ด้านหน้าก็ชะงักฝีเท้า เงยหน้าขึ้นมองไปทางที่หวังเป่าเล่อปรากฏกาย ใบหน้าที่เงียบสงบแต่เดิมที เวลานี้เคร่งขรึมอยู่บ้าง รัศมีที่อยู่ด้านหลังส่องประกาย สาวกเนื้อที่หลบหนีอยู่ด้านหน้า ร่างกายสั่นเทาในพริบตา ล่าถอยอย่างควบคุมไม่ได้ ทว่ากลับถูกเฟิงตี๋คว้าศีรษะเอาไว้
เขาดูดซับไปพลางหรี่ตามองหวังเป่าเล่อที่มองมาทางตนเช่นกัน
……………………………..