หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1345 กำราบ
ขณะที่สายตาของทั้งสองประสานกัน ประกายสังหารของทั้งคู่ก็ฉายออกมา เพียงแต่เมื่อเทียบเจตนาที่อยากสังหารเฟิงตี๋แล้ว สิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องการยิ่งกว่าก็คือกฎเกณฑ์ปรารถนารสนับไม่ถ้วนภายในร่างของอีกฝ่าย
ในตอนที่กำลังจ้องมองกันและกันอยู่นั้น สาวกเนื้อที่ถูกดูดกลืนก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ท่ามกลางเสียงสะท้อนก้อง เด็กหนุ่มข้างกายหวังเป่าเล่อก็กลับไปเป็นเช่นก่อน ความหวาดผวาเกิดขึ้นอีกครั้ง
“สาวกเนื้อในมือเจ้าเป็นของข้า” หวังเป่าเล่อมองเฟิงตี๋ แล้วเอ่ยออกมา
“ของเจ้าหรือ” เฟิงตี๋หรี่ตาลง ปราณโลหิตภายในร่างกระเพื่อมขึ้นตามอารมณ์ ราวกับว่ากำลังเพิ่มพลานุภาพ รัศมีที่ด้านหลังเปล่งประกายกว่าเก่า มุมปากพลันยกยิ้ม
ขณะที่กล่าวออกมานั้น มือขวาที่จับสาวกเนื้อเอาไว้ก็ออกกำลังสุดแรง ชั่วพริบตาสาวกเนื้อผู้นี้ก็ส่งเสียงกรีดร้องเทียมฟ้า จากนั้นก็หยุดลงทันที
เห็นได้ว่าภายในร่างของเขา กฎเกณฑ์ปรารถนารสรวมทั้งพลังชีวิตขณะนี้ ต่างถูกเฟิงตี๋บังคับดูดกลืน และทำให้เขากลายเป็นศพแห้งไปแลว จากนั้นก็ถูกโยนไปยังตำแหน่งที่หวังเป่าเล่ออยู่
“ในเมื่อเป็นของเจ้า เช่นนั้นก็ให้เจ้า แลกกับแขนของเจ้าเป็นอย่างไร” เฟิงตี๋เลียริมฝีปากกล่าวช้าๆ
หวังเป่าเล่อผุดยิ้มทันทีเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ยิ้มอย่างเป็นสุข ไม่ได้สนใจศพแห้งเหี่ยวที่โยนมา แต่กลับมองเฟิงตี๋ที่อยู่ตรงหน้าอย่างชื่นชมยินดี
ร่างแยกนี้ของหวังเป่าเล่อ รู้สึกมาตลอดว่าตนเองต่างจากร่างต้น ร่างต้นเป็นผู้ไร้หลักการและข้อจำกัด ทำตามความชอบส่วนตน ทำให้เขารังเกียจและไร้ยางอาย
เขาเข้าใจว่า ส่วนที่แตกต่างที่สุดของเขาและร่างต้น ก็คือที่นี่ตนเองมีหลักการ หากผู้อื่นไม่เริ่มยั่วยุตนก่อน เช่นนั้นตนก็แยกแยะบุญคุณความแค้นได้อย่างชัดเจน ไม่ไปรังแกอีกฝ่าย
ดังนั้น เขาจะคิดหาวิธีให้อีกฝ่ายยั่วยุตนเองเสียก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ หากรังแกขึ้นมาก็จะไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจนัก และสอดคล้องกับหลักการของตน
หลักการในการทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้หวังเป่าเล่อกล่าวคำพูดเมื่อครู่ออกมา เป็นสาเหตุที่ทำให้เขามองเฟิงตี๋ในเวลานี้อย่างเบิกบานและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ร่างของหวังเป่าเล่อพลันเคลื่อนไหว พริบตาเดียว ดวงตาเฟิงตี๋ก็หรี่ลง ร่างกายหายวับไปทันที
ในตอนที่ร่างหายไปนั้น ร่างของหวังเป่าเล่อปรากฏอยู่ตรงที่อยู่เมื่อครู่ แต่พริบตาเดียวก็หายไปอีกครั้ง ทันใดนั้นเสียงคำรามและทอดถอนใจก็ลอยมากลางอากาศ ร่างของเฟิงตี๋เป็นประกายออกมาจากที่ไกลๆ สีหน้าซีดขาว ดวงตาแฝงไปด้วยความเหลือเชื่อ เวลานี้เขาได้สูญเสียแขนข้างหนึ่งไป ตรงบาดแผลเลอะไปด้วยเลือด
อีกด้านหนึ่ง ท่ามกลางความว่างเปล่าอันบิดเบี้ยว หวังเป่าเล่อถือแขนข้างหนึ่งของเขาไว้ ค่อยๆ ก้าวเข้ามาทีละก้าว บนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย มือที่ถือแขนไว้กระจายพลังปราณมืดออกมา คลุมแขนของเฟิงตี๋ ทำให้เห็นความเสื่อมสลายของแขนนี้ด้วยตาเปล่า พริบตาเดียวก็กลายเถ้าปลิวว่อนไป
กฎเกณฑ์ปรารถนารสที่เข้มข้นเข้าสู่ภายในร่างหวังเป่าเล่อ ทำให้ความพึงพอใจของหวังเป่าเล่อเพิ่มขึ้นมาก เมื่อมองไปทางเฟิงตี๋ ก็ราวกับมองอาหารอันโอชะที่ไม่เคยมีมาก่อน
เฟิงตี๋หายใจถี่รัว สีหน้าไม่น่าดู ใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองฝ่ายพบกัน เขาได้หลบซ่อนล่วงหน้าแล้วแท้ๆ แต่อีกฝ่ายได้คำนวณทุกอย่างเกี่ยวกับตนไว้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีพลังครอบคลุม ราวกับระดับการฝึกตนของตน ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์เลยแม้สักน้อยต่อหน้าหวังเป่าเล่อ ถูกทำลายพินาศย่อยยับ
หากไม่ใช่เป็นเพราะความเด็ดขาดของตน เกรงว่าคงไม่ใช่เสียเพียงแขนข้างเดียว
“ควบคุมคุณสมบัติ…” สีหน้าเฟิงตี๋ซีดขาว กล่าวออกมาทีละคำ จ้องหวังเป่าเล่อนิ่ง
“เจ้าเป็นใครกันแน่!”
หวังเป่าเล่อยิ้มน้อยๆ ไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่ขยับไปทางเฟิงตี๋อีกครั้ง พริบตาต่อมา เฟิงตี๋ก็คำรามเสียงดัง คราวนี้ไม่ได้ล่าถอยหลบหลีกอีก เพราะเขารู้ว่า ตนเองไม่อาจหลบเลี่ยงได้เลย ส่วนการหลบหนี เขาก็เข้าใจว่า ในเงื้อมือของบุคคลที่น่าหวาดผวาตรงหน้านี้ นอกจากสบโอกาส มิฉะนั้นแล้วก็ไม่อาจหลบหนีได้
เวลานี้เขาไม่ได้ล่าถอย แต่ท่ามกลางเสียงคำรามนี้ ปราณโลหิตกลับระเบิดไปทั้งร่างทันที แล้วก่อเป็นหมอกสีโลหิตกลิ้งม้วนอยู่นอกร่างกาย กลายเป็นปากใหญ่กลืนไปทางด้านหน้า
ความว่างเปล่าบิดเบี้ยว ปรากฏรอยแยกเป็นแห่งๆ อาจเห็นส่วนที่น่าหวาดผวาของเคล็ดลับหมอกสีโลหิต ทว่า…ไม่ว่าจะน่าหวาดผวาเช่นไร ดูเหมือนมันจะไม่ส่งผลต่อหวังเป่าเล่อมากนัก ร่างกายของเขาจะเผยออกมาด้วยเคล็ดลับนี้ แต่ขณะที่ปากใหญ่หมอกสีโลหิตกลืนมาทางเขา หวังเป่าเล่อก็แหงนหน้าขึ้นดูดหมอกสีโลหิตทันที
ภายใต้การดูดกลืนนี้ หมอกสีโลหิตพลันบีบรัด เสียงคำรามตรงเข้าระเบิดทำลายกลายเป็นกฎเกณฑ์ปรารถนารสสายแล้วสายเล่าตรงไปที่หวังเป่าเล่อ ถูกเขาดูดกลืนเข้าภายในร่าง ทำให้กฎเกณฑ์ปรารถนารสของร่างตนยิ่งมีพลานุภาพ
เหตุการณ์นี้ทำให้เฟิงตี๋ตื่นตระหนก บนใบหน้าเขาไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย นัยน์ตาเหลือกถลนแสดงถึงความไม่อยากจะเชื่อ ลนลานล่าถอย รัศมีที่อยู่ด้านหลังแตกเป็นเสี่ยงๆ แลกมาซึ่งความเร็วอันน่าประหลาด จำเป็นต้องหลีกหนี
ทั้งหมดไม่ใช่ในขั้นตอนเดียว!
“คิดจะหนีหรือ” ดวงตาหวังเป่าเล่อคมกริบ ไล่ตามไปทันที ระดับความเร็วฉีกความว่างเปล่าโดยตรง พริบตาเดียวเขาก็ไล่ทัน คว้าเฟิงตี๋ที่มีสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปเอาไว้
เส้นเลือดบนหน้าผากเฟิงตี๋นูนขึ้น ในช่วงเวลาวิกฤตเขาระเบิดออกมาอย่างไม่ลังเล ขณะนี้รัศมีที่อยู่ด้านหลังเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ตอนนี้ทุกอย่างพังทลาย เพื่อแลกมาซึ่งแรงผลักอันทรงพลัง หนุนนำร่างของเขาให้ปะทะไปข้างหน้าเพื่อเปิดระยะห่าง สองมือผนึกมุทรา คล้ายยังต้องการคลี่คลายเคล็ดลับ พลังเทียมฟ้าแห่งปราณโลหิตกระจายไป เพื่อต่อต้านเต็มกำลัง
หวังเป่าเล่อหรี่ตา ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มือขวายกขึ้นก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง มีเพียงดวงตาที่ยิ่งดำสนิท กล่าวออกมาหนึ่งคำ
“ดูด!”
ขณะที่คำนี้ออกมา พลังดูดมหาศาลระเบิดออกมาจากมือขวาของหวังเป่าเล่อ ราวกับกลายเป็นหลุมดำ ทำให้พลังดูดกระชากสะท้านฟ้าสะเทือนดินกระจายไปทั่วสารทิศทันที ครอบคลุมเฟิงตี๋ไว้ทุกด้าน
“ปิงหลิงจื่อ!” จิตใจหวังเป่าเล่อสั่นไหว ร่างของเขาในขณะนี้ไม่อาจปะทะไปข้างหน้าได้ ถอยกลับไปเองอย่างไม่อาจควบคุมได้ คล้ายกับมีเส้นไหมนับไม่ถ้วนพันธนาการเขาไว้ ค่อยๆ ลากไปทางหวังเป่าเล่อทีละนิด
นอกจากกระบวนการเหล่านี้ ปราณโลหิตของเขา กฎเกณฑ์ของเขาต่างก็กระจัดกระจายอยู่ด้านนอกอย่างไม่อาจควบคุมได้ และตรงไปที่หวังเป่าเล่อ
เหตุการณ์นี้ มองจากไกลๆ แล้ว หวังเป่าเล่อดูเหมือนเทพเจ้าลงมาจุติ เวลานี้ทุกที่ที่ฝ่ามือไป ต่างก็แตกพ่าย ไม่ว่าเฟิงตี๋จะดิ้นรนเช่นไร ก็ไม่อาจช่วยในเรื่องนี้ได้ ร่างภูเขาเนื้อกำลังหดตัวลงอย่างรวดเร็ว
เฉิงหลิงจื่อที่มองอยู่ไกลๆ ดวงจิตอิ่มเอิบ ราวกับไม่ใช่หวังเป่าเล่อที่ดูดรับเฟิงตี๋ แต่เป็นตัวเขาเอง
“ปิงหลิงจื่อ ข้าเป็นศิษย์เจ้าแห่งปรารถนา หากเจ้าสังหารข้า เจ้าจะไม่มีที่ยืนในเมืองปรารถนารส!” เวลานี้เฟิงตี๋ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ความเย่อหยิ่งที่เคยมีได้มลายไปทั้งหมด เวลานี้น้ำเสียงเศร้ารันทด
สีหน้าหวังเป่าเล่อเป็นปกติ ยังคงยิ้มน้อยๆ แต่พริบตาต่อมา ดวงตาเขาก็หรี่ลงทันที ร่างกายล่าถอยอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
แปลงร่าง โจมตีฉับพลัน
……………………………………