หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1347 แขวนขึ้นมา
ทั้งสองฝ่ายดูราวกับสองวังวน หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก ต่างคิดอยากจะกลืนกินอีกฝ่าย
ทว่า…ในด้านพลังแล้ว หวังเป่าเล่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนิ้วมือนี้ และเขาก็เป็นเพียงร่างแยก
ดังนั้นตามธรรมดาแล้ว ขณะที่มือสัมผัสกับหนวดเส้นสีดำนี้ พลังชีวิตของหวังเป่าเล่อทั้งหมดล้วนเป็นเช่นเดียวกับเฟิงตี๋ ที่ถูกหนวดรัดพันดูดซับจนหมดจด
วังวนของหวังเป่าเล่อคืออันที่เล็กกว่า เมื่อเทียบกับนิ้วมือ
ถึงอย่างไรคุณสมบัติร่างต้นของเขาก็สูงเกินไป แม้จะไม่เทียมเท่ากับเจ้าของนิ้วมือนี้ แต่ก็อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน ดังนั้นเพียงนิ้วมือเดียว ไม่อาจสั่นไหวหวังเป่าเล่อได้ ยากที่จะทำลายก็ไม่อาจดูดกลืนเขาได้
ดังนั้น นี่จึงก่อให้เกิดความสมดุลที่ละเอียดอ่อน
การป้องกันคุณสมบัติทำให้นิ้วมือไม่อาจดูดกลืนหวังเป่าเล่อได้ แต่พลังดึงดูดกลับยังคงอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งหวังเป่าเล่อไม่ยินยอมละทิ้งเช่นกัน และก็เพราะการป้องกันคุณสมบัติ ทำให้ร่างของเขาไม่เสียหายท่ามกลางการดูดกระชากนี้ ขณะเดียวกัน…ก็สามารถยืมการช่วยเหลือการเชื่อมต่อในเวลานี้ได้อย่างช้าๆ ค่อยๆ ดูดซับกลิ่นอายที่กระจายออกมาจากอีกฝ่ายทีละเล็กละน้อย
เพียงแต่ว่าค่าตอบแทนคือ ร่างของเขาตอนนี้ไม่อาจขยับได้
และนิ้วมือของเทพดาวตกก็ขยับไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อมองไป จึงปรากฏเหตุการณ์ประหลาดที่น่าทึ่งเช่นนี้บนท้องฟ้า…
ภายในเมฆหมอก นิ้วหนึ่งผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ข้างใต้เมฆนั้น หนวดนับร้อยไม่ขยับเขยื้อน ศพแห้งที่ถูกรัดพันบนตัวก็เป็นเช่นนี้ และทางด้านนอก หวังเป่าเล่อคว้าหนวดเส้นหนึ่งไว้ในมือ ร่างแขวนลอยอยู่กลางอากาศไม่ขยับเช่นกัน
มีเพียงเมฆหมอกที่เคลื่อนตัวไปเอง พาพวกเขาลอยไปไกลแสนไกลอย่างช้าๆ…
ยังมีก็แต่เด็กหนุ่มเฉิงหลิงจื่อ เวลานี้กำลังมองเหตุการณ์ทั้งหมดปากอ้าตาค้าง จิตใจเต็มไปด้วยความงงงัน มองเมฆหมอกขณะเคลื่อนตัวนิ้วมือห่างออกไป มองหวังเป่าเล่อที่เริ่มคว้าหนวดไว้ไม่ปล่อยมือ จิตใจของเขาก็ได้แต่เพียงตกตะลึง
“ท่านผู้กล้า!”
ด้วยตั้งใจที่จะจากไป แต่เขาก็ยังสับสน ดังนั้นจึงได้แต่เพียงจำใจตามหนวดเส้นสีดำที่ฟากฟ้าอันแสนไกล โดยคิดว่าบางทีในไม่ช้า ปิงหลิงจื่อที่อยู่ด้านบนก็จะปล่อยมือเอง
ก็เป็นเช่นนี้ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในไม่นานก็ผ่านไปสามวัน
ในเวลาสามวันนี้ เทศกาลล่าสังหารของโลกชั้นที่หนึ่งยังคงดำเนินต่อไป การดับสูญของเฟิงตี๋ รวมทั้งการไม่ขยับกายของหวังเป่าเล่อ ยังมีการถูกปลดของเฉิงหลิงจื่อ ดังนั้นในงานเลี้ยงล่าสัตว์นี้ เสินหลูเต้าจึงเป็นผู้ล่าเพียงหนึ่งเดียว
โชคของเขาไม่เลว ดูดกลืนไปตลอดทาง ไม่ได้พบเรื่องใดที่มีพลังต่อตนเอง ตรงข้ามกับสาวกเนื้อที่พานพบไม่น้อย แต่ละคนที่เขาพบก็ไม่อาจหนีรอดไปได้ สุดท้ายก็ถูกเขาบังคับกลืนกินกฎเกณฑ์ปรารถนารส กลายเป็นเถ้าปลิวว่อนไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ กฎเกณฑ์ปรารถนารสภายในร่างของเขาก็ยิ่งหนาแน่นขึ้น ขณะเดียวกันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สิ่งอื่นๆ ที่เขาได้รับก็ไม่น้อยเช่นกัน อย่างเช่น
แม้จะเรียกไม่ได้ว่าเป็นอาหารชั้นเลิศ แต่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว หากสามารถนำกลับไปที่เมืองปรารถนารส กลายเป็นเสบียงให้ตนเลื่อนขึ้นสู่เจ้าแห่งสวาปาม ก็เป็นทางเลือกที่ดี
“ต่อไปก็ต้องเสาะหาสาวกเนื้อไม่กี่คนนั่นที่ใกล้เคียงกับข้า ดูดกลืนผู้เดียว ข้าก็สามารถเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าแห่งสวาปาม!” เวลานี้เสินหลูเต้ายืนอยู่ระหว่างฟ้าดิน มองโลกด้วยสายตาเย็นชา ในโลกชั้นที่หนึ่ง ทุกวันนี้ยังมีสาวกเนื้ออยู่กว่าสิบคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ส่วนใหญ่หลบซ่อนตัว คิดจะเสาะหาทีละคน ช่างเป็นเรื่องที่เสียเวลาอย่างยิ่ง
และถึงแม้จะดูดกลืนพวกมันหมดแล้ว เกรงว่ายังยากที่ตนเองจะทะลวงผ่านได้อย่างราบรื่น คิดจะทะลวงผ่าน เขาต้องการกฎเกณฑ์ปรารถนารสมาทำการเปลี่ยนคุณสมบัติ และการเปลี่ยนคุณสมบัตินี้…ไม่มีสิ่งใดเหมาะสมไปกว่าการกลืนกินกฎเกณฑ์ของผู้ที่ใกล้เคียงกับตนเองเพื่อไปดำเนินการแล้ว
“ประหลาดนัก เหตุใดจึงไม่พบร่องรอยของเฟิงตี๋และปิงหลิงจื่อ…” เสินหลูเต้าขมวดคิ้ว เป้าหมายของเขาก็คือสองคนนี้ ส่วนเฉิงหลิงจื่อ เขาไม่ได้วางแผนไปพบ ถึงอย่างไรบิดาของอีกฝ่ายก็เป็นเจ้าแห่งสวาปาม แม้เขาเชื่อว่าหลังจากตนเองได้เป็นเจ้าแห่งสวาปามแล้ว ก็จะมีสถานะเท่าเทียมกับอีกฝ่าย แต่ไม่ไปจองเวรกันจะดีกว่า
ดังนั้นขณะที่ครุ่นคิด เสินหลูเต้าจึงเริ่มเสาะแสวงหาในโลกชั้นที่หนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ผ่านไปสองวัน เสินหลูเต้าที่กำลังเสาะหา ค่อยๆ หมดความอดทน เกิดความสงสัยขึ้นในใจมากมาย ช่วงเวลากลางวันของวันนี้ เขากำลังแสวงหาเป้าหมายอยู่ ทันใดนั้นร่างของเขาก็ชะงักอยู่กลางอากาศ แหงนหน้าขึ้นมองไปทางฟากฟ้าอันไกลโพ้นทันที
ในไอหมอกบนท้องฟ้าที่เขามองอยู่ เวลานี้คลื่นความพลิกผันและพลังส่งมา ไม่นาน เขาก็เห็นเส้นหนวดสีดำนับร้อย ปรากฏอยู่สุดสายตาของตน
หนวดเส้นสีดำนั้นห้อยลงมาจากไอหมอก แล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวมาทางตนไม่เร็วนัก แต่เมื่อพลังกระจายออกไป ก็เกิดความผันผวนขึ้นในใจของเสินหลู่เต้า
“เทพดาวตก!”
สายตาของเสินหลูเต้าเผยความโลภออกมาวูบหนึ่ง เขาย่อมรู้ดีว่า นี่เป็นอาหารขั้นสุดยอด แต่สติปัญญาก็ระงับความละโมบของตนไว้ ร่างกายสั่นไหวกำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นเอง ตอนที่สายตากวาดไปยังหนวดสีดำที่กำลังใกล้เข้ามา ร่างที่อยู่บนตัวมันก็ดึงดูดความสนใจเขาในทันที
เมื่อมองอย่างถี่ถ้วน ดวงตาของเสินหลูเต้าก็ส่งประกายออกมาในทันที
เขาเห็นใต้หนวดเส้นหนึ่ง มีมือหนึ่งจับหนวดไว้ หวังเป่าเล่อ…ห้อยอยู่ตรงนั้น
“เป็นเขา!” เสินหลูเต้าเผยท่าทีสงสัย เขาไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดร่างกายอีกฝ่ายยังคงเหมือนเดิม ไม่ปรากฏร่องรอยถูกดูดซับ โดยเฉพาะมีศพแห้งเหี่ยวอื่นบนหนวดดำเหล่านั้น ลักษณะของหวังเป่าเล่อในเวลานี้โดดเด่นอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ทำให้ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจของเสินหลูเต้า จากนั้นดวงจิตเทพก็มองกวาดผ่านศพอื่นๆ ตรวจตราแยกแยะ และในไม่ช้าสายตาของเขาก็มองไปที่ร่างเฟิงตี๋ ดวงตาส่งประกายประหลาด
“ที่แท้เฟิงตี๋ก็ตายที่นี่”
ทั้งหมดนี้ทำให้เสินหลูเต้าไม่อาจไม่ระวัง แต่ก็ไม่ยินยอมที่จะละทิ้ง โดยเฉพาะการตายของเฟิงตี๋ เช่นนั้นผู้ที่เขาสามารถใช้ทะลวงผ่านได้ในตอนนี้ ก็เหลือเพียงหวังเป่าเล่อเท่านั้น
ขณะครุ่นคิด เสินหลูเต้ามองกลุ่มหนวดสีดำที่ยิ่งใกล้เข้ามา พลันก้มหน้ามองไปทางพื้นโลกอันไกลโพ้น พริบตาเดียวร่างก็มาปรากฏตรงหน้าเฉิงหลิงจื่อที่เดินมาตามหนวดสีดำแล้ว
การปรากฎตัวของเขา ทำให้สีหน้าเฉิงหลิงจื่อเปลี่ยนไป อดกวาดตามองไปยังหวังเป่าเล่อที่อยู่กลางอากาศไม่ได้
“เฉิงหลิงจื่อ เจ้าอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เสินหลูเต้ากวาดตามองเด็กหนุ่ม กล่าวเบาๆ แท้จริงแล้วเขาไม่ต้องการยั่วโมโหเจ้าแห่งสวาปามอื่น ตอนนี้เฉิงหลิงจื่ออ่อนแอเช่นนี้ ไม่มีคุณค่าพอให้กล่าวถึงแม้แต่น้อย ดังนั้นในใจจึงไม่ได้มีความคิดจะกลืนกินเขาเลยสักนิดเดียว
“ข้าจะไม่แตะต้องเจ้า แต่เจ้าต้องบอกข้า ด้านบนนี่…เป็นมาอย่างไร” เสินหลูเต้าชี้ไปที่หนวดสีดำด้านบน
เฉิงหลิงจื่อลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียแหบพร่า
“เฟิงตี๋เผชิญหน้ากับปิงหลิงจื่อ สองคนต่อสู้กัน แต่ฝ่ายแรกนั้นเหนือกว่า ไม่คาดคิดว่าควบคุมนิ้วเทพดาวตกได้เช่นไร บีบบังคับให้ปิงหลิงจื่อได้แต่รักษาร่างไว้ เวลานี้ระหว่างพวกเขา น่าจะถึงเวลาสำคัญ แต่ข้าติดตามมาตลอด มองออกว่าปิงหลิงจื่อต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เฟิงตี๋มีความสามารถสูงนัก ย่อมต้องชนะ อีกทั้งเขายังควบคุมนิ้วเทพดาวตกได้ ควรจะกวาดล้างโลกชั้นที่หนึ่งได้ทั้งหมด” เฉิงหลิงจื่อกล่าวออกมาอย่างขมขื่น
คำพูดของเขา ทำให้เสินหลูเต้าถึงกับหรี่ตา เขาละสายตาจากหวังเป่าเล่อ มองไปบนร่างเฟิงตี๋ที่กลายเป็นศพแห้ง ค่อยๆ เกิดความสงสัย
“เฟิงตี๋ควบคุมนิ้วมือของเทพดาวตกหรือ ทว่าท่าทางของเขา ดูไปแล้วไร้กลิ่นอายอย่างสิ้นเชิง…”
“ข้าจะรู้ได้เช่นไร เขาได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าแห่งปรารถนา ย่อมมีวิธีการของเขา น่าชังนัก คราวนี้เจ้าแห่งปรารถนาลำเอียงเกินไปแล้ว” เฉิงหลิงจื่อกัดฟัน กล่าวอย่างเคียดแค้น
………………………………………………..