หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1350 หลอมรวม
ดวงจิตมากมายกระจัดกระจายอยู่ตรงพื้นที่ของโลกาชั้นแรก ขณะเดียวกันก็รบกวนจิตใจและค่อนข้างอันตราย เช่นเดียวกับหลุมลึกที่เสินหลู่เต้าอยู่ เวลานี้ก็เป็นเช่นนี้
ดวงจิตกระจัดกระจายไปเป็นจำนวนมาก ลอยอยู่บนดินโคลน เห็นได้ว่าที่แอ่งหลุมลึกแห่ง ดวงจิตกำลังคืบคลานไปทั่ว คล้ายจะฟื้นคืนสภาพเดิมได้
แต่เวลานี้ไม่มีผู้ใดสนใจเหตุการณ์ประหลาดนี้เลย หวังเป่าเล่อก็ไม่สนใจ เพราะจำนวนของดวงจิตที่กระจัดกระจายเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ มันทำให้เขาขมวดคิ้ว ด้านเสินหลูเต้าก็ไม่สนใจเช่นกัน เพราะ…ไม่ว่าจะถูกกลบฝังหรือถูกหวังเป่าเล่อกลืนกิน จุดจบของเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน
ในฐานะที่เป็นสาวกเนื้อ เมื่อก้าวเข้าสู่งานเลี้ยงล่าสัตว์ชะตากรรมก็ถูกกำหนดไว้แล้ว เช่นเดียวกับสาวกเนื้ออื่นๆ แม้จะไม่ได้คาดคิดถึงฉากจบเช่นนี้ ทว่าตอนนี้ก็ทำได้เพียงฝืนทน
“ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่มีความแค้น ดังนั้น…เจ้ามีสิ่งใดจะสั่งเสียหรือไม่” หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่เหนือลุมลึกแห่งนั้น ก้มหน้าลงมาแล้วเอ่ยช้าๆ
”ไม่มีคำสั่งเสีย แต่มีความปรารถนาครั้งสุดท้าย ปิงหลิงจื่อ เจ้ามาจนถึงขั้นนี้ เช่นนั้นย่อมกลายเป็นเจ้าสวาปามผู้แรก นี่คือความปรารถนาของข้า ขอให้เจ้าช่วยทำให้เป็นจริงด้วยเถอะ” เสินหลูเต้าหายใจหอบ พยายามจะกล่าว
“ย่อมได้” หวังเป่าเล่อพยักหน้า
เสินหลูเต้าเห็นเช่นนี้ ก็หัวเราะออกมา
“เจ้าไม่ต้องดูดซับหรอก ปิงหลิงจื่อ เส้นทางของเจ้าแห่งสวาปาม ข้าเติมเต็มให้เจ้า!” กล่าวพลาง ดวงตาเสินหลูเต้าพลันเบิกโพลง กฎเกณฑ์ปรารถนารสที่อยู่ภายในระเบิดออกทันที ทะลุผ่านร่างออกมาโดยตรง เริ่มส่งตรงไปที่หวังเป่าเล่อ
เมื่อมองจากไกลๆ กฎเกณฑ์ปรารถนารสที่มาจากภายในร่างเสินหลูเต้า กลายเป็นไอหมอกดำหนาแน่นน่าตะลึง ภายในไอหมอกนี้แฝงไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า เปี่ยมด้วยความแข็งแกร่ง มันตรงเข้าหาหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อไม่ได้หลบหลีก ปล่อยให้ไอหมอกปกคลุมร่าง หลังจากแทรกซึมไปตามทวารทั้งเจ็ด ตามผิวหนังของเขาอย่างบ้าคลั่งแล้ว มันก็หลอมรวมเข้ากับกฎเกณฑ์ปรารถนารส
ด้วยการหลอมรวม ผลึกแห่งปรารถนาที่ด้านนอกจุดตันเถียนของหวังเป่าเล่อเติบโตไม่หยุดหย่อน ระหว่างที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ภายในตัวเขา ก็คล้ายมีเส้นดำเส้นหนึ่งกำลังเจริญเติบโต
หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ว่าตนกำลังจะกลายร่าง เขารีบนั่งขัดสมาธิที่กลางอากาศ ฝันร้ายแห่งปรารถนาของเขาในหลุมลึกต่างโบยบินออกมา รายล้อมรอบตัวเพื่อปกป้องเขา
และการรายล้อมของพวกมัน หมุนวนรอบตัวหวังเป่าเล่อไม่หยุด ด้วยความเร็วสูง นี่ทำให้คนภายนอกมองไม่เห็นร่างหวังเป่าเล่อ เห็นแค่เพียงเพียงวังวนมหึมาและเขาเป็นศูนย์กลาง ขึ้นสูงไปทางด้านบน ในขณะที่พลังยิ่งสะท้านฟ้า เบื้องล่างแอ่งหลุมลึกพื้นที่ที่เสินหลูเต้าอยู่ เวลานี้ก็สมานกันอย่างรวดเร็ว กระทั่งหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เมื่อวังวนสะท้านฟ้าสะเทือนดิน แอ่งหลุมลึกก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
ไม่นานเฉิงหลิงจื่อที่อยู่ไกลๆ ก็วิ่งเข้ามา เขามองไปทางวังวน ดวงตาของฉายแววตื่นเต้นยินดี สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของผู้มีพระคุณของตน พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่น่าหวาดกลัว
ระดับการพุ่งขึ้นนี้ยิ่งใหญ่มาก ดูเหมือนว่าใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถถึงระดับเจ้าแห่งสวาปามได้
“เมืองปรารถนารสได้ปรากฏเจ้าสวาปามคนที่เก้า” เฉิงหลิงจื่อหายใจถี่รัว หลังจากเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที รีบนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ ประสานเวทป้องกันอย่างระแวดระวัง
เขารู้สึกว่าตนต้องแสดงออกให้ดี นี่จึงจะสามารถเสริมคุณงามความดีที่ตนเองทำไว้ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากกลับไปถึงเมืองปรารถนารส ตนก็จะมีสองหลักให้พึ่งพิง หนึ่งคือบิดา อีกหนึ่งคือผู้มีพระคุณ
ตนผู้มีสองเจ้าสวาปามให้พึ่งพิง เกรงว่าภายในเมืองปรารถนารส จะเป็นผู้สะท้านฟ้าเป็นรองก็เพียงเจ้าแห่งสวาปามเลยทีเดียว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉิงหลิงจื่อพลันรู้สึกว่าตนช่างโชคดีเหลือเกิน
ดังนั้นขณะที่กระหยิ่มยิ้มย่อง เขาก็เริ่มปกป้องหวังเป่าเล่ออย่างสุขุม เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป ในไม่ช้าก็ผ่านไปสามวันแล้ว
ในสามวันนี้ เฉิงหลิงจื่อจากความตื่นเต้นในวันแรก เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง จนกระทั่งเข้าวันที่สาม คลื่นใหญ่เทียมฟ้าเกิดขึ้นในใจเขา ลูกตาแทบจะถลน กังวลจนถึงขีดสุดและตระหนกสุดขีด
เพราะ…ในวันที่สอง หวังเป่าเล่อที่อยู่ภายในพายุวังวน กลิ่นอายของเขาได้ถึงระดับของบิดาตนแล้ว หรือกล่าวได้ว่า เวลานั้น…อีกฝ่ายไม่ได้แตกต่างจากเจ้าสวาปามเลย
แต่กลับตรงกันข้าม…กลิ่นอายถึง ทว่าด้านขอบเขตกฎเกณฑ์ของเจ้าสวาปามนั้นยังคงยับยั้ง กลับไม่ได้ปรากฏ
ความแข็งแกร่งของเจ้าสวาปาม นอกจากความน่ากลัวของกฎเกณฑ์ของตนแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าก็คืออำนาจปราบปรามของผู้ฝึกตนที่อยู่ในระบบกฎเกณฑ์นี้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในต้นกำเนิด
นี่จึงเป็นปณิธานของเจ้าสวาปาม แต่ด้านหวังเป่าเล่อ แม้กลิ่นอายจะถึงขั้น แต่การปราบปรามไม่ปรากฏ นี่จึงชัดเจนว่า…เขายังเลื่อนขั้นไม่สำเร็จ
“นี่มันไม่ถูกต้อง” เฉิงหลิงจื่อตื่นตระหนก ท่าทางไม่อยากเชื่อ แม้เขาจะไม่เคยเห็นผู้ใดเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าสวาปาม แต่บิดาของตนก็เป็นเจ้าสวาปาม ดังนั้นจึงได้ฟังได้เห็นมาโดยตลอด รวมทั้งการสนทนาเชิงลึกก่อนที่จะมาถึง เหล่านั้นทำให้เขาเข้าใจในกระบวนการเลื่อนขั้นเป็นอย่างดี
หากกล่าวตามเหตุผล เวลานี้…หวังเป่าเล่อน่าจะเลื่อนขั้นแล้วจึงจะถูก
“นอกจาก…ด้วยต้นทุนธรรมชาติแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นขีดจำกัดของผู้อื่น สำหรับเขาแล้ว กลับไม่ใช่ขีดจำกัด!”
“แต่หากเป็นเช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า…กฎเกณฑ์ปรารถนารสของเสินหลูเต้าผู้เดียว ยังไม่เพียงพอต่อการเลื่อนขั้น” ขณะที่สีหน้าเฉิงหลิงจื่อเปลี่ยนไป ตอนนั้นเองพลังปราณมืดสายหนึ่งก็ลอยออกมาจากภายในวังวน ตรงมายังเฉิงหลิงจื่อ
ทันใดนั้น พลังปราณมืดนี้ก็หลอมรวมเข้าสู่กลางหว่างคิ้ว ทำให้ร่างของเฉิงหลิงจื่อสั่นเทิ้ม กฎเกณฑ์ปรารถนารสภายในร่างถูกหวังเป่าเล่อกลืนกิน ชั่วอึดใจก็ได้รับการเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ กระทั่งยิ่งเข้าถึงได้มากขึ้น
แต่ก็มีข้อแตกต่าง เวลานี้กฎเกณฑ์ปรารถนารสที่หลอมรวมเข้ามา เป็นสิ่งที่มีตราประทับอยู่ และตราประทับนี้ก็คือหวังเป่าเล่อ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่เป็นของขวัญจากหวังเป่าเล่อ เขาจะเรียกคืนเมื่อใดย่อมได้
“ไปรวบรวมสาวกเนื้อทั้งหมดให้ข้า ข้าไม่ได้ต้องการสังหาร แต่ต้องการให้พวกเขาแต่ละคนอุทิศกฎเกณฑ์ปรารถนารสครึ่งหนึ่ง!” เสียงของหวังเป่าเล่อตามการหลอมรวมกฎเกณ์ปรารถนารสสะท้อนก้องอยู่ในใจของเฉิงหลิงจื่อ
ร่างของเฉิงหลิงจื่อสะท้าน รู้ว่าการคาดการณ์ของตนนั้นไม่ผิด การเลื่อนขั้นของผู้มีพระคุณ ต่างไปจากของบิดา อีกฝ่ายต้องการกฎเกณฑ์ปรารถนารสที่มากขึ้น
และนี่…ก็แสดงให้เห็นว่าหากผู้มีพระคุณประสบผลสำเร็จ เช่นนั้นระดับความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นของเขา จะเหนือกว่าบิดาของตนรวมทั้งเจ้าแห่งสวาปามกว่าครึ่ง!
เฉิงหลิงจื่อรีบผุดลุกขึ้นทันที ตะโกนรับคำ หันร่างไปพยายามอย่างเต็มกำลัง เริ่มเสาะหาร่องรอยของสาวกเนื้ออื่นเพื่อหวังเป่าเล่อ โดยไม่ต้องให้หวังเป่าเล่อเอ่ยย้ำ เฉิงหลิงจื่อรีบร้อนเป็นอย่างยิ่ง เขาบอกตนเอง ว่าต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จเร็วที่สุด
“ตอนนี้ข้าและผู้มีพระคุณ อาจกล่าวได้ว่าหากรุ่งโรจน์ก็รุ่งโรจน์ด้วยกัน” ดวงตาเฉิงหลิงจื่อเผยความบ้าคลั่ง นัยน์ตาแดงก่ำ ระเบิดความเร็วทันที เพื่อแสวงหาสาวกเนื้อ
และเขายังมีเคล็ดวิชาที่ถ่ายทอดจากบิดาของตน เวลานี้เคล็ดวิชาก็ได้ถูกนำออกมาใช้โดยไม่ลังเล
……………………