หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1354 ทรยศหักหลัง
สีหน้าหวังเป่าเล่อเปลี่ยนไปกะทันหัน ระดับความเร็วถึงขีดจำกัด ท้ายที่สุดเมื่อมือมหึมานั้นตกลงมา เขาก็พุ่งออกมาจากขอบของมัน เพียงแต่พลังและพายุที่ก่อขึ้นจากมือยักษ์นี้ ยังคงกวาดผ่านร่างของหวังเป่าเล่อ จนทำให้ร่างของเขาซวนเซ แต่แล้วก็กลับมาตั้งตัวได้ ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง วิ่งหนีโดยไม่ลังเล
ด้านนิ้วที่ไล่ล่าเขานั้น เวลานี้หลอมรวมกับมือมหึมาที่ร่วงหล่นแล้ว มันปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่ขาดหายไป ค่อยๆ ประสานเข้าด้วยกัน
หลังจากหวังเป่าเล่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาก็รีบหนีให้เร็วขึ้นอีก เพราะหลังจากที่นิ้วได้ผสานเข้ากับฝ่ามือแล้ว เวลานี้นิ้วทั้งห้าของฝ่ามือก็คืบคลานเข้ามาช้าๆ ขณะเดียวกันก็กลายเป็นหมัด เมื่อประสานเข้าด้วยกันก็ราวกับเกิดมติเป็นเอกฉันท์ ไล่กวดหวังเป่าเล่อด้วยความเร็วรี่ทันที
“จะรังแกกันมากไปแล้ว!” หวังเป่าเล่อรู้สึกกลัดกลุ้ม เพียงนิ้วเดียว เขายังสามารถต้านทานได้ แต่ห้านิ้วแล้วยังมีฝ่ามือแล้วอีก นอกจากร่างต้นจะมาแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจต่อกรได้
ขณะถูกไล่ตาม หวังเป่าเล่อก็อดกังวลไม่ได้ว่าจะถูกอีกฝ่ายกลืนกินดูดรับเข้าไปในไม่ช้า นั่นทำให้เขารู้สึกปวดหัว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับความโลภของตนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามท่ามกลางการแสวงหาความมั่งคั่งและอันตราย หากไม่ใช่เพราะความพยายามครั้งก่อนของตน กฎของความอยากอาหารจะทะยานขึ้นได้อย่างไร จาก 300 กว่าจั้ง ถึงระดับสูงมากกว่า 500 จั้ง
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะรู้สึกหดหู่ในตอนนี้ ทว่าหวังเป่าเล่อก็ยังพอใจมาก ขณะที่หลบหนีด้วยความรวดเร็วกลายเป็นสายรุ้งยาวระหว่างฟ้าดิน ผ่านเฉิงหลิงจื่อและคนอื่นๆ ไปในพริบตา
พวกเฉิงหลิงจื่อมองไปที่ด้านหลังของหวังเป่าเล่ออย่างงงงัน พลันเห็นมือยักษ์ที่ดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความโกรธแค้น แต่ละคนก็หน้าซีดขาว หลังจากสบตากันแล้ว แม้จะถูกสั่นคลอนด้วยความแข็งกล้าของหวังเป่าเล่อ แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้
เจ้าแห่งสวาปามคนใหม่…จะจบสิ้นลงที่นี่แล้วหรือ…
แม้แต่เฉิงหลิงจื่อผู้คลั่งไคล้ในตัวหวังเป่าเล่อมาโดยตลอด เวลานี้ความมั่นใจก็สั่นคลอนเช่นกัน ปากอ้าอยากจะกล่าวบางอย่าง แต่เมื่อเห็นหวังเป่าเล่ออยู่ในสถานการณ์ลำบากจากที่ไกลๆ แล้ว เขาก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบ
หวังเป่าเล่อก็ปวดหัวไม่น้อย แม้เขาจะมีระดับความเร็วที่เร็วมาก ทว่าความเร็วของมือยักษ์ก็น่าทึ่งเช่นกัน มันไล่ตามเขาไม่หยุด แม้หลบหนีไปในไอหมอกก็ยังคงไล่ตามมา และภายใต้ไอหมอกของท้องนภา มือยักษ์นี้ก็ยังไม่ยอมปล่อย ดูเหมือนว่ามันจะสามารถไล่ตามไปจนชั่วนิรันดร์
กระทั่งมีหลายครั้งที่นิ้วมือไม่รู้ว่าคิดวิธีใดขึ้นมาได้ จู่ๆ ก็เร่งความเร็วและคว้าตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ แม้จะจับได้แต่ความว่างเปล่า ทว่าก็ยังทำให้จิตใจของหวังเป่าเล่อสั่นไหว
“ไปเช่นนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น ยิ่งไปไกลก็ยิ่งอันตราย…” ท่ามกลางความร้อนรน หวังเป่าเล่อมองลงมายังพื้นโลก ดวงตาของเขาแสดงถึงการดิ้นรน แต่ไม่นานก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยความเด็ดขาด
ร่างกายเขาสั่นวูบ แล้วเปลี่ยนทิศทางตรงไปที่ผืนดิน
เนื่องจากทั้งท้องนภาและกลางอากาศไม่สามารถกำจัดฝ่ามือที่อยู่ข้างหลังเขาได้ เช่นนั้นก็มีเพียงทางเดียวแล้วสำหรับทางข้างหน้าของหวังเป่าเล่อ นั่นก็คือใต้ดิน!
“ดูซิว่าฝ่ามือนี้จะต่อต้านทะเลดวงจิตที่แผ่กระจายอยู่บนพื้นล่างได้หรือไม่” หวังเป่าเล่อเคลื่อนตัวไวว่องน่าอัศจรรย์ เขาส่งเสียงคำราม ร่างถึงพื้นล่างและตรงสู่ใต้พื้นดินโดยไม่หยุดแม้แต่น้อย พุ่งผ่านโคลนตมอย่างรีบร้อน หนีไปข้างใต้
นิ้วยักษ์ขนาดนับพันจั้งที่ตามมาด้านหลังได้ทะลวงผ่านพื้นดินมาตลอดทางราวไผ่แตก ไล่ตามหวังเป่าเล่ออย่างไม่ลดละ
ในไม่ช้า หวังเป่าเล่อก็มาถึงใต้พื้นดินตำแหน่ง 2000 กว่าจั้ง ดวงจิตที่กระจายอยู่ที่นี่แรงกล้ามาก ทว่าความเร็วหวังเป่าเล่อไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย หลังจากสำรวจฝ่ามือที่ด้านหลังยังคงตามมา เขาจึงดำดิ่งลงไปอีก
กระทั่งเมื่อมาถึงที่ตำแหน่ง 4000 กว่าจั้งแล้ว ก็แผ่กฎเกณฑ์ปรารถนารสออกไป หวังเป่าเล่อรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตนเองสุขุมขึ้นมากกว่าครั้งแรกที่มาถึงความลึกระดับนี้ พร้อมกันนี้เขาก็รู้สึกถึงฝ่ามือที่ด้านหลัง ดูเหมือนภายใต้การโจมตีของทะเลจิตสำนึกที่แผ่กระจาย ความเร็วของมันก็ลดลง โดยเฉพาะนิ้วทั้งห้าดูเหมือนจะไม่ประสานกันและกันอีกแล้ว
เหตุการณ์นี้ ทำให้หวังเป่าเล่อกระปรี้กระเปร่าขึ้น เข้าจู่โจมอีกครั้ง ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อหวังเป่าเล่อพุ่งไปถึง 5000 กว่าจั้งแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยข้าด้วย…ช่วยข้าด้วย…”
เสียงขอความช่วยเหลือที่ส่งมาในตอนนี้ คล้ายจะแฝงด้วยพลังที่น่าตระหนก กฎเกณฑ์ปรารถนารสภายในร่างของหวังเป่าเล่อ พลันปรากฏความผันผวนรุนแรงทันที
ตัวหวังเป่าเล่อเองก็เกิดความรู้สึกผิดปกติอย่างรุนแรง ทว่าเมื่อเขาสำรวจฝ่ามือที่ตามมา นิ้วทั้งห้าก็ยิ่งเกิดความสับสน ราวกับต้องการจะแยกออกจากกัน เขากัดฟันอย่างแรงและรีบไปทางที่เสียงส่งมาขอความช่วยเหลือ
ที่นี่ แม้ระดับความลึกที่อยู่จะเท่ากับครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อเข้าสู่ใต้ดิน แต่ตำแหน่งกลับไม่ใช่ ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เสียงขอความช่วยเหลือนั้นคล้ายพิกัดให้หวังเป่าเล่อเร่งรีบไปที่อุโมงค์นั้นที่เคยไปมาก่อน ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป เสียงขอความช่วยเหลือก็ยิ่งชัดเจนขึ้น มันกระทบเข้าสู่จิตใจของหวังเป่าเล่อ รู้สึกว่าเพียงมีเสียงหึ่งอยู่ในจิตใจ ดีที่กฎเกณฑ์ปรารถนารสมีประโยชน์อย่างยิ่งในเวลานี้ ช่วยสร้างความสมดุลอย่างต่อเนื่อง ทำให้หวังเป่าเล่อสามารถรักษาสติไว้ได้ แต่มือที่ไล่ตามหลังมานั้น ภายในตำแหน่งนี้ บางทีอาจเพราะดวงจิตที่ไม่รวมกันเป็นหนึ่งเมื่อถึงขีดสุด ท่ามกลางเสียงดังก้อง นิ้วทั้งห้าก็แยกออกจากฝ่ามือทั้งหมด
เมื่อแยกจากกัน นิ้วทั้งห้าและฝ่ามือ ก็ล่าถอยอย่างรวดเร็วไปทั้งหกทิศทางทันที ด้านหวังเป่าเล่อ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นจึงสัมผัสถึงทิศทางนิ้วที่ถูกเขาดูดรับจนเหี่ยวลีบนั้นอย่างเคียดแค้น
“รอก่อนเถอะ!” เขาบ่นอุบอยู่ในใจ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้จากไปไหน แต่ยังคงพุ่งไปทางเสียงที่ร้องขอความช่วยเหลือ
นี่เดิมทีก็เป็นแผนของเขาในตอนแรก คิดจะไปดูภายในอุโมงค์แห่งนั้น ว่าแท้จริงแล้วมันคือสิ่งใดกัน เวลานี้ในเมื่อได้มาถึงที่นี่แล้ว เขาไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปต่อ ดังนั้นหลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป เมื่อหวังเป่าเล่อถึงขีดสูงสุดที่เขาสามารถรับได้ โคลนตรงหน้าของเขาก็สลายหายไป อุโมงค์แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทันที
ภายในอุโมงค์แห่งนี้ มีร่างหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ บนร่างถูกหนวดจำนวนมากรัดพัน หนวดเหล่านี้ได้แทรกลึกเข้าไปภายในร่างของเขา และกำลังส่ายไปมา มันดูดรับชีวิตและวิญญาณเทพของเขาไม่หยุด แล้วส่งไปยังในสถานที่ที่ไม่อาจรู้ได้
ดวงจิตที่แผ่กระจายระเบิดออกอย่างรุนแรง หวังเป่าเล่อทนรับความเจ็บปวดที่ศีรษะกำลังจะระเบิด ดวงตาของเขาแดงก่ำ มองไปทางคนผู้นั้นที่ลอยอยู่ทันที
“ช่วยข้าด้วย…” ร่างที่ลอยอยู่นั้น เป็นบุรุษผู้หนึ่ง ร่างกายผ่ายผอมแห้งห่อเหี่ยวราวกับซากศพ แต่พลังบนร่างของเขากลับกระจายออก หลังจากปะทุอยู่ในร่างของหวังเป่าเล่ออย่างไม่ยอมจำนน
เวลานี้ราวกับเขาสังเกตได้ถึงหวังเป่าเล่อ ดวงตาทั้งคู่ที่ปิดอยู่ก็ลืมขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นรูม่านตาในดวงตา มองมาทางหวังเป่าเล่อ แต่เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อชัดเจนแล้ว เขาก็หรี่ตาลงทันที ร่างกายพลันสั่นเทิ้มรุนแรง ดวงตาปะทุความเกลียดชังเทียมฟ้าออกมา แล้วคำรามอย่างเคร่งเครียด
“มหาเทพ ท่านช่างต่ำช้าไร้ยางอาย ทรยศหักหลัง!”
..