หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1441 ร่างต้นแบบ
มหาเทพ พินาศ!
ในฐานะสิ่งมีชีวิตแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในมหาจักรวาล การสลายตัวของเขากลายเป็นความโศกเศร้าทะลวงรูปปั้นออกไปทั่วมิติเต๋าต้นกำเนิด
ทำให้เจ้าปรารถนาและเจ็ดอารมณ์ที่กำลังสำรวจโลกาชั้นที่หนึ่งใจสั่นสะท้าน ความโศกเศร้าที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นในจิตใจพวกเขา
ความโศกเศร้านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับความเกลียดชังระหว่างพวกเขากับมหาเทพ
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่ทุกชีวิตในโลกาชั้นที่สองและลึกลงไปหลุมฝังศพโลกชั้นที่สามก็เช่นกัน กระทั่งความโศกเศร้ายังแผ่ขยายออกไปนอกมิติเต๋าต้นกำเนิด แผ่ขยายไปในดวงดาวนับล้านทั่วทั้งมหาจักรวาลในพริบตา
ทุกผู้คนไม่ว่าจะระดับการฝึกตนใด ขอเพียงถือกำเนิดในมหาจักรวาลผืนนี้ หัวใจพวกเขาพลันเศร้าหมองในพริบตา
เพราะว่า…นี่ไม่ใช่ความโศกเศร้าของสิ่งมีชีวิต นี่คือ…ความโศกเศร้าของมหาจักรวาล
แม้ว่า…ความสัมพันธ์ระหว่างมหาเทพกับมหาจักรวาลจะซับซ้อนมาก แต่ความโศกเศร้าก็ยังคงแผ่ขยายไม่จางหายไป ขณะเดียวกันในโลกาชั้นที่หนึ่ง ผลึกแก้วสีฟ้าก็ลอยเข้าใกล้หวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็วและกระทบลงที่กลางหว่างคิ้ว
เริ่ม…หลอมรวม!
เนื่องจากทุกสิ่งที่มหาเทพครอบครองนั้นยิ่งใหญ่เกินไป ต่อให้หวังเป่าเล่อจะมีต้นกำเนิดเดียวกับมหาเทพ แต่การหลอมรวมนี้ก็ไม่อาจทำได้เร็วนัก จำเป็นต้องใช้เวลาสักหน่อย…
แต่ในตอนนี้ ‘เวลา’ ดูจะเป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อขาดแคลนมากที่สุด
เพราะว่า…ในพริบตาที่มหาเทพแตกสลาย ปรารถนาที่ถูกพันธนาการก็หลุดพ้น นางกลายเป็นใบหน้าทั้งหกซึ่งทุกใบหน้าล้วนดุร้ายหาใดเปรียบ ปราณหมอกที่ใช้สะกดมหาเทพก็ไหลกลับมาจากที่นั่งด้านบนสุดของบันได รวมตัวกันเป็นหมอกขนาดมหึมาพุ่งไปทางหวังเป่าเล่อ
“ถึงแม้มหาเทพจะดับสูญ แต่เจ้ายังอยู่ ควบคุมเจ้า…ก็เหมือนกัน!”
ใบหน้าทั้งหกประสานเสียง มันหลอมรวมเข้าด้วยกัน ไม่แยกหญิงชายแก่เฒ่าหรือเยาว์วัย ภาพนี้ดูแปลกประหลาดยิ่งนัก แต่ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ทำให้ผลึกแก้วสีฟ้าที่หว่างคิ้วหวังเป่าเล่อดูเหมือนจะได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เอง ปราณหมอกมหึมาพลันกลายเป็นปากหนาพุ่งเข้ากลืนกินหวังเป่าเล่อด้วยพลังอันน่าทึ่งราวกับสามารถเขย่าขวัญทุกสิ่งได้ โดยเฉพาะใบหน้าทั้งหกในปราณหมอกคือตัวแทนของปรารถนาทั้งหกกำลังเผยพลังอันไร้ขีดจำกัดออกมา
ความเร็วของมันน่าตกใจมาก มันเข้ามาใกล้ทุกที…ในชั่วพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อแล้ว ขณะที่กำลังจะกลืนกินหวังเป่าเล่อ ทว่าตอนนั้นเอง…สองตาหวังเป่าเล่อที่ปิดอยู่ก็พลันลืมขึ้น ลำแสงเย็นเยียบปรากฏในดวงตาพร้อมกับสองมือที่ยกขึ้นมา
“สู่สวรรค์!” ประโยคเรียบง่ายดังขึ้นมาจากปากหวังเป่าเล่อ ทันใดนั้นตบะบำเพ็ญอันน่าอัศจรรย์สุดแสนจะพรรณนาพลันระเบิดออกมาจากร่างของเขา!
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เกิดเสียงสั่นสะเทือนทั่วห้องโถง สั่นสะเทือนรูปปั้น สั่นสะเทือนโลกภายนอก ขณะเดียวกันสะพานหินขนาดมหึมาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งกาลเวลาก็ปรากฏอยู่ด้านหลังหวังเป่าเล่อแล้ว
นั่นคือ…สะพานสู่สวรรค์!
พลังอันน่าอัศจรรย์ที่มันแผ่ออกมาทำให้ห้องโถงที่ไม่มีมหาเทพคอยสะกดพังทลายลงในพริบตา รูปปั้นที่พวกเขาอยู่ข้างในแตกเป็นเสี่ยงๆ หวังเป่าเล่อและปรารถนามาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง…ในโลกของด่านทั้งหกที่อยู่ข้างนอก
พลังปราณของหวังเป่าเล่อยังคงปะทุ จากความอ่อนแอก่อนหน้านี้ตรงไปยังขั้นที่ห้า และตามด้วยขั้นที่หก! !
เขายืนตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้าดิน อานุภาพสะกดนิรันดร์!
ส่วนปรารถนานั้นตอนนี้ปราณหมอกกลิ้งตลบอย่างรุนแรง ใบหน้าทั้งหกข้างในต่างแสดงอารมณ์ไม่อยากเชื่อ ก่อนจะพากันส่งเสียงหวีดแหลม
“เจ้าไม่ใช่ร่างแยก!!”
“ข้าไม่ใช่ร่างแยกอย่างแน่นอน!” หวังเป่าเล่อที่ยืนบนท้องฟ้ามองปรารถนาก่อนจะเอ่ยช้าๆ
เขาไม่ได้โกหก เขาไม่ใช่ร่างแยกแน่นอน เพราะแท้จริงแล้ว…ก่อนจะเปิดประตูสู่อาณาจักรบน ร่างแยกหวังเป่าเล่อได้ไปที่ทะเลทรายที่ร่างต้นแบบถือสันโดษอยู่ครั้งหนึ่ง
ที่นั่น ร่างแยกและร่างต้นแบบพบกัน พวกเขาสนทนากันถึงสามวัน…
และยามที่จากมา…ผู้ที่ออกไปไม่ใช่ร่างแยก กลับเป็นร่างต้นแบบ
เมื่อออกมา ตลอดทางตั้งแต่เปิดประตูสู่อาณาจักรบน เดินผ่านปรารถนาหกด่าน พบเจอมหาเทพและต่อสู้กับปรารถนา หวังเป่าเล่อไม่แสดงพลังของร่างต้นแบบออกมาแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เขาใช้ล้วนเป็นกฎเกณฑ์ปรารถนาของร่างแยก
จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันเรื่องที่ยากต่อการย้อนกลับทั้งหลาย
อย่างเช่นตอนนี้!
แสงในดวงตาหวังเป่าเล่อเจิดจ้า ตบะบำเพ็ญระเบิดพล่าน ผลึกแท่งสีฟ้าตรงหว่างคิ้วก็ยิ่งดูดซับและหลอมรวมเร็วขึ้น พลังปราณพุ่งทะยานขึ้นตลอดเวลา
ส่วนเจ้าแห่งปรารถนาทั้งปวงในตอนนี้กำลังส่งเสียงคำรามต่ำ หวังเป่าเล่อไม่ใช่ร่างแยก เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของนางจริงๆ สิ่งนี้เกี่ยวโยงถึงการที่นางจะไม่เข้าใจหวังเป่าเล่อเหมือนก่อน แต่สีหน้าปรารถนาก็ยิ่งชั่วร้ายขึ้น
“ไม่ใช่ร่างแยกแล้วยังไง คิดดูดีๆ เจ้าก็เป็นดวงจิตของเจ้าคนสมควรตายนั่นเหมือนกัน สุดท้าย…ก็เป็นแค่ร่างแยก!”
“ตอนนั้นร่างต้นแบบของเจ้ายังถูกสังหารได้ วันนี้…ก็เช่นกัน!” ปรารถนาส่งเสียงกรีดร้องบาดหู ก่อนจะวาบร่าง หมอกรอบตัวยิ่งหนาขึ้นจนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิท ปากยักษ์พุ่งเข้ากลืนกินหวังเป่าเล่ออย่างบ้าคลั่ง
ดูเหมือนกับ…ฟ้ากำลังกลืนดิน!
หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำสนิท มองพื้นดินอันมืดมิดเนื่องจากแสงสว่างหายไป มองความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดรอบด้าน ก่อนจะยกมือขึ้นมาช้าๆ แล้วเอ่ยเบาๆ ท่ามกลางเสียงคำรามของสะพานสู่สวรรค์ด้านหลัง
“คืนพินาศ!”
พลังแห่งคืนพินาศพลันระเบิดขึ้น!
คืนพินาศของหวังเป่าเล่อคือการผสมผสานระหว่างวิชาดวงเนตรปีศาจและเคล็ดวิชาสังหาร รวมถึงจิตสังหารตลอดทั้งชีวิตของเขารวมเข้าด้วยกัน ต่อมาเมื่อได้รับการเติมเต็มจากการเหยียบสะพานสู่สวรรค์ ตบะบำเพ็ญของหวังเป่าเล่อก็เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด
และเพราะตอนนี้โลกกลายเป็นมืดสนิทไปแล้วจึงไม่จำเป็นต้องรอให้ราตรีกาลมาเยือนอีก ทุกอย่าง…สำแดงฤทธิ์ได้ในพริบตา!
ในโลกอันมืดมิดพลันปรากฏลำแสงหนึ่งโดยมีหวังเป่าเล่อเป็นศูนย์กลาง
หากเปรียบโลกเป็นมหาสมุทร นี่ก็คือแสงแรกแห่งมหาสมุทร!
หากเปรียบโลกเป็นฟ้าดิน นี่ก็คือแสงอรุณแรกแห่งฟ้าดิน!
หากไม่เปรียบเทียบ นี่ก็คือ…แสงแรกแห่งทุกสรรพสิ่งในจักรวาล!
แสงสว่างวาบ ความมืดปริแตก ฟ้าดินคำราม โลกปั่นป่วน ความมืดทั้งหมดเดือดดาลภายใต้ลำแสงนี้ จากนั้น…ลำแสงที่สอง ลำแสงที่สาม ลำแสงที่สี่ก็ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
มันอัดแน่นด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัดและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหันหลังกลับระเบิดเป็นลำแสงนับไม่ถ้วนในค่ำคืนอันมืดมิดนี้ ท่ามกลางม่านหมอกดำไพศาล หวังเป่าเล่อ…กลายเป็นอาทิตย์ดวงแรก!
ความมืดมิดในโลกพลันบิดเบี้ยว เมื่อแสงสว่างมาเยือน มันก็จำต้องยอมถอยไป!
ไอหมอกดำบนท้องนภาเป็นสิ่งแรกที่ได้สัมผัสแสงนั้น มันสลายตัวในพริบตาดุจเกล็ดหิมะยามสัมผัสน้ำเดือด ใบหน้าทั้งหกในม่านหมอกเผยตัวออกมาส่งเสียงกรีดร้องคล้ายถูกแสงอาทิตย์แผดเผา แต่กลับเผยความชั่วร้ายอันบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น
“เคล็ดเวทศรัทธาบริสุทธิ์?!”