หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 424 ปรสิต!
ข้าจะฆ่าทั้งหวังเป่าเล่อ แล้วก็หลี่หว่านเอ๋อร์ด้วย นางหญิงแพศยา! ดวงตาของเฉินมู่ขณะนี้ฉาบคลุมไปด้วยความบ้าคลั่ง ทำให้ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวน่าสะพรึงกลัว ชายหนุ่มเกลียดหวังเป่าเล่อมาก และเกลียดหลี่หว่านเอ๋อร์ยิ่งกว่า
เฉินมู่ต้องการสังหารชายหญิงชู้รักคู่นี้ด้วยตนเอง เพื่อจะได้สัมผัสถึงความปลื้มปริ่มยินดีจากการได้จบชีวิตพวกเขา พอหลี่หว่านเอ๋อร์กับหวังเป่าเล่อตาย เขาก็จะมีโอกาสได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ของนครอาวุธเทพใหม่แห่งนี้
อันที่จริงแล้ว การได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองนั้นเป็นเรื่องรอง หากได้ครอบครองหุ่นเชิดขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ เฉินมู่จะกลายมาเป็นผู้นำตระกูลเฉิน แถมยังได้ดำรงตำแหน่งในสภาผู้อาวุโส ไยจะต้องมาสนใจตำแหน่งเจ้าเมืองต่ำต้อยด้วยเล่า
เฉินมู่อาจจะใกล้เสียสติเต็มที แต่ก็ยังพอเหลือสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง…ชายหนุ่มคิดว่าคงเป็นการยากที่จะปิดบังความจริงหากหวังเป่าเล่อและหลี่หว่านเอ๋อร์เกิดตายขึ้นมาพร้อมๆ กัน ในนครใหม่แห่งนี้กำแพงมีหูประตูมีช่อง และความช่วยเหลือก็จะมาถึงอย่างรวดเร็วหากเจ้าเมืองตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เฉินมู่จึงต้องเก็บกักจิตสังหารเอาไว้และเอ่ยถึงความไม่สบายใจข้อนี้ออกมา
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ๆ เพื่อควบคุมหุ่นเชิด เจ้าสามารถควบคุมมันจากที่ไกลๆ ได้!”
“ยิ่งกว่านั้น ในวันที่เราจะลงมือตามแผน ข้าจะร่ายคาถาเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้านครและคนของนางเข้ามาถึงที่นี่ได้ ทำให้การช่วยเหลือนั้นล่าช้าออกไปอีก!” ชายในชุดคลุมสีดำที่อยู่ในน้ำแข็งพูดด้วยเสียงแหบพร่า ประโยคนั้นทำให้เฉินมู่ฉุกคิด ก่อนจะถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน “ท่านผู้เฒ่า หากท่านมีพลังมากมายเช่นนั้น เหตุใดจึงไม่ทำการนี้ด้วยตนเองเล่า”
“หากเจ้าสามารถทำลายวงแหวนปราณดาวอังคารและวงแหวนปราณของนครใหม่ลงได้ ข้าจะให้หุ่นเชิดกับเจ้าตัวหนึ่ง เจ้าไม่ได้ต้องทำสิ่งใดเลย ข้าจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวข้าเอง!” ชายในชุดคลุมสีดำพูดอย่างเนิบๆ น้ำเสียงที่สงบนิ่งของเขาก้องกังวานไปทั่วห้อง นัยน์ตาของเฉินมู่ส่องประกาย ชายหนุ่มไม่ได้ไต่ถามเรื่องนี้ต่อแต่เริ่มถามรายละเอียดการหลอมหุ่นแทน
เฉินมู่เรียนรู้การหลอมหุ่นเชิดจากชายในชุดคลุมสีดำ ใบหน้าของชายหนุ่มแสดงอารมณ์ที่หลากหลายออกมาไม่หยุดหย่อน และถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง วิธีการหลอมหุ่นเชิดนั้นทั้งแปลกประหลาดและเหี้ยมโหด มันไม่ใช่การหลอมปกติทั่วไปแต่เป็นพิธีบูชายัญเสียมากกว่า เป็นพิธีบูชายัญเลือดเนื้อของผู้ประสงค์จะครองหุ่นเชิดนั่นเอง!
นี่ต้องเป็นวิชาแห่งศาสตร์มืดอย่างแน่นอน! เฉินมู่สูดลมหายใจเข้าลึก พลางจ้องมองไปที่กำแพงน้ำแข็งรอบกาย หลังจากที่ชายชุดดำพูดจนจบและเดินจากไป น้ำแข็งเหล่านั้นก็ค่อยๆ ละลาย ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ อากาศไม่เย็นเยียบอีกต่อไป
ก่อนที่เขาจะจากไป เขาไม่ได้เร่งให้ข้ารีบหลอมหุ่นด้วยซ้ำ…เฉินมู่ยังคงไม่แน่ใจกับการตัดสินใจนี้ จำนวนคนที่ต้องถูกบูชายัญนั้นมากมายเกินไป ตามที่ชายชายในชุดคลุมสีดำได้พูดไว้ ชายหนุ่มต้องใช้เลือดสดๆ ของตนเองในการหล่อเลี้ยงกลองใบน้อยเป็นระยะเวลาหนึ่ง กลองนั้นจะเริ่มผลิบานราวดอกไม้และออกดอกเป็นอสูรละอองปีศาจจำนวนมหาศาล
คนอื่นไม่อาจมองเห็นละอองปีศาจเหล่านี้ พวกมันจะกระจายกันไปและใช้ร่างของผู้ฝึกตนเป็นที่อยู่อาศัย โดยซ่อนอยู่ในร่างและดูดกินพลังชีวิต หลังจากนั้นก็กลับมาหลอมรวมตัวเองเข้ากับกลองใบน้อย นี่คือขั้นตอนการหลอมหุ่นเชิดขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์
แม้จะมีองค์ประกอบอื่นๆ ด้วยแต่ก็เป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น อสูรละอองปีศาจคือส่วนสำคัญที่สุด
ชายในชุดคลุมสีดำซ่อนแผนการร้ายเอาไว้ ข้าจะเชื่อใจและฟังคำสั่งของเขาอย่างเต็มที่ไม่ได้…สิ่งที่เขาต้องจากข้าคือการส่งละอองปีศาจเหล่านี้ให้กระจายไปทั่วเมือง แต่ในตอนนี้ น่าจะเป็นการยากอยู่สักหน่อย อาจจะเกิดความโกลาหลได้ และเจ้าเมืองจะต้องรู้แน่ว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
ข้าจะต้องทำการนี้อย่างระมัดระวังและเงียบเชียบ น่าจะเป็นทางที่เหมาะที่สุด! หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เฉินมู่ก็กัดฟันตัดสินใจ ตระกูลนภาห้าสมัยอาจจะขาดบางสิ่งบางอย่างไปบ้าง แต่สิ่งที่มีอยู่เสมอไม่ขาดคือจำนวนผู้ฝึกตน ส่วนมากแล้วเป็นข้ารับใช้ของตระกูล ความจงรักภักดีของพวกเขาต่อตระกูลนั้นไร้ข้อกังขา พวกเขาจะเป็นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยให้ปรสิตเหล่านี้
อีกแง่หนึ่ง เฉินมู่คิดว่าการเลือกที่อยู่อาศัยให้ปรสิตเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อเป็นการรับประกันว่าเขาจะควบคุมหุ่นเชิดได้โดยสมบูรณ์ เป็นเหตุให้เขาตัดสินใจว่าการปล่อยปรสิตเข้าไปในร่างคนของเขานั้นปลอดภัยที่สุด
เฉินมู่ไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใดที่จะใช้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเป็นเหยื่อสังเวย หากคนเหล่านั้นภักดีต่อตระกูลถึงขนาดยอมตายแทนได้ พวกเขาก็ควรรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้สังเวยตัวเองและกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของหุ่นเชิด
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เฉินมู่จึงเริ่มถือสันโดษทันที ชายหนุ่มทำตามคำแนะนำของชายในชุดคลุมสีดำและเลือดของตนหล่อเลี้ยงกลองใบน้อย…เวลาเดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่นานนักก็ผ่านไปหนึ่งเดือน
เฉินมู่ใช้เวลาทั้งเดือนไปกับการถือสันโดษ ส่วนการก่อสร้างนครใหม่ก็ยังดำเนินต่อไป ทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างและดำเนินไปอย่างราบรื่น ส่วนหลี่หว่านเอ๋อร์กับหวังเป่าเล่อก็ยังดำเนินความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดของพวกเขาต่อไป ปะทะคารมในตอนกลางวันและเร่าร้อนกันในยามค่ำคืน…
ความรอบคอบของหลี่หว่านเอ๋อร์ทำให้ไม่มีใครล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าการแอบพบกันอย่างลับๆ เช่นนี้ตื่นเต้นยิ่งนัก
แต่ความคิดเห็นทางการเมืองและการปกครองของทั้งคู่ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม หากมีความเห็นใดแตกต่างกัน หวังเป่าเล่อก็จะสำแดงอำนาจของตนในตอนกลางคืนและบังคับให้หลี่หว่านเอ๋อร์ยอมเห็นด้วยกับเขา…
หวังเป่าเล่อไม่ได้หยุดฝึกตน ชายหนุ่มใกล้จะบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์เต็มที หลินเทียนหาวเองก็รวบรวมวัตถุดิบหายากและวิญญาณวุธเพื่อหลอมอาวุธเวทได้เกือบครบแล้ว เขารายงานมายังหวังเป่าเล่อและบอกว่าน่าจะรวบรวมทุกอย่างได้ครบในไม่ช้า
ทุกอย่างดูราบรื่นดี ในขณะเดียวกัน การถือสันโดษของเฉินมู่ก็เสร็จสิ้น ในช่วงหนึ่งเดือนของการหล่อเลี้ยงกลองใบน้อยด้วยเลือด สีของกลองได้เปลี่ยนเป็นสีแดงสด และกลิ่นอายชั่วร้ายจากภายในก็รุนแรงขึ้นกว่าเก่า ในที่สุดวันหนึ่ง เมล็ดในกายมันก็ราวกับมีชีวิตขึ้นและผลิดอก มันปล่อยละอองปีศาจจำนวนมหาศาลออกมา!
ละอองปีศาจเหล่านั้นมีจำนวนนับแสน พวกมันกำลังจะกระจายตัวออกไป แต่เฉินมู่เตรียมการรอไว้แล้ว เขารีบควบคุมละอองปีศาจและจำกัดให้พวกมันอยู่ภายในเขตปกครองตนเองของเขาเท่านั้น ชายหนุ่มยังจัดให้ผู้ฝึกตนขั้นการฝึกตนโบราณและขั้นลมหายใจเที่ยงแท้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขามารออยู่ด้านนอก พร้อมที่จะรับละอองปีศาจเหล่านี้
แม้จะมีเหตุปรสิตแทรกซึมผิดตัวไปบ้าง แต่ละอองปีศาจส่วนใหญ่ก็เข้าไปอยู่ในร่างคนของเฉินมู่ ละอองปีศาจเหล่านี้แพร่กระจายออกไป พวกมันล่องลอยไปในอากาศโดยไม่มีใครเห็น และเข้าไปอยู่ในร่างของผู้ฝึกตนอย่างช้าๆ
ทันทีที่ละอองปีศาจแตะโดนผิว มันจะชอนไชเข้าไปในร่างกายโดนไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองแม้แต่น้อย ผู้รับไม่อาจรู้สึกถึงการบุกรุกหรือรู้ได้เลยว่ามีอะไรผิดแผกไป
ตอนนั้นเองเฉินมู่ก็มั่นใจว่าเขาจะได้ครอบครองหุ่นเชิดอย่างแน่นอน ชายหนุ่มรู้ดีว่าแม้เขาไม่อาจควบคุมละอองปีศาจได้อย่างแม่นยำ แต่เขาก็รู้สึกได้เมื่อปรสิตเหล่านี้เข้าไปอยู่ในที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ ราวกับว่ามีแสงไฟดวงใหม่หลอมรวมเข้ากับดวงจิตของเขา เฉินมู่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกร่างหนึ่งได้
ชายหนุ่มตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก เฉินมู่นั่งหลับตาอยู่ในห้องลับ และรู้สึกได้ว่ามีคนกลายเป็นที่อยู่ให้ปรสิตของเขามากขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้เวลาไม่นานเลย จู่ๆ เฉินมู่ก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะหันมองออกไปยังที่ห่างไกล ราวกับว่าเขาสามารถใช้พลังแห่งการรับรู้ที่ได้มาใหม่มองผ่านกำแพงได้ สักพักที่ผ่านมา ลาตัวหนึ่งได้วิ่งเข้ามาในเขตปกครองตนเองของเขา!
มีลาเข้ามาในเขตปกครองตนเองของเฉินมู่จริงๆ และมันอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว มันตามกลิ่นอาหารของตัวเองมา ทุกครั้งที่มันคิดว่าเจออาหารแล้ว ก็เป็นอันต้องคลาดกันไปเส้นยาแดงผ่าแปดทุกที ความฉิวเฉียดนี้ทำให้เจ้าลาแทบคลั่ง แต่มันก็ยังคงอดทนตามหาต่อไป
เจ้าลาตามรอยมากระทั่งถึงเขตปกครองตนเองของเฉินมู่ แม้ว่ามันจะไม่พบอาหาร แต่กลับพบละอองปีศาจอันหนึ่งตกลงตรงหน้าก่อนที่ละอองปีศาจนั้นจะเจอร่างผู้ฝึกตน เจ้าลาสัมผัสถึงมันได้และกลืนลงคอไป…
หลังจากที่กินเข้าไป นัยน์ตาของเจ้าลาก็ลุกวาว ละอองปีศาจนี้รสชาติดีทีเดียว มันเริ่มวิ่งไปมาอยู่ในเขตปกครองตนเองแห่งนั้น ก่อนจะกลืนละอองปีศาจทุกอันที่หาเจอ มันเดินเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างมีความสุข และละอองปีศาจเหล่านั้นก็ได้เข้าไปนอนสงบนิ่งอยู่ในท้องของเจ้าลา
ลาของหวังเป่าเล่อ…เฉินมู่หรี่ตา นัยน์ตาของเขามีประกายเหี้ยมโหดฉายอยู่
ได้ ในเมื่อลามาเหยียบถิ่นของข้าเอง ข้าก็จะจับมันมาบูชายัญด้วยเสียเลย! หลังจากที่คิดได้เช่นนั้น เฉินมู่ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมละอองปีศาจ แม้ว่าจะคุมได้ไม่ไม่เต็มที่ แต่เขาก็สามารถบังคับทิศทางของพวกมันได้อยู่บ้าง เฉินมู่ส่งละอองปีศาจนับหมื่นไปยังทางที่ลายืนอยู่
เจ้าลาเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ตื่นเต้นเสียจนตัวสั่น มันเริ่มกินอย่างบ้าคลั่ง เฉินมู่ที่อยู่ในห้องลับ รู้สึกถึงดวงไฟนับไม่ถ้วนในตัวของลา เขาฉีกยิ้มอย่างน่าเกลียดน่ากลัว
ชายหนุ่มรู้ดีว่าปรสิตละอองปีศาจเหล่านี้จะดูดพลังชีวิตร่างต้นของมันจนแห้งเหือด และเจ้าลาก็กินละอองปีศาจเข้าไปจำนวนมากจนในตัวของมันมีปรสิตอยู่มากมาย เฉินมู่รอวันดำเนินแผนการแทบไม่ไหว เมื่อการดูดกินเริ่มต้นขึ้น เจ้าลาลานี่ต้องพบจุดจบอันน่าสยดสยองแน่นอน
ข้าจะฆ่ามันก่อน จากนั้นก็จะตามไปฆ่าเจ้านายมันเสียด้วย! ริมฝีปากของเฉินมู่ม้วนงอขึ้นเป็นรอยยิ้มแสยะดูชั่วร้าย สายตาก็ลุกโชนด้วยแสงอันน่าสะพรึงกลัว