หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 425 ขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์
ในช่วงเวลาที่ชายในชุดคลุมสีดำและเฉินมู่ร่วมมือกันนั้น หวังเป่าเล่อก็กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการฝึกตน ขณะนั้นชายหนุ่มกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับ พลังปราณของเขาส่งเสียงคำรนและพลุ่งพล่านอยู่ภายในกาย พลางเคลื่อนไหวหมุนวนอย่างไม่หยุดยั้ง อัสนีสวรรค์เส้นที่สี่กำลังก่อตัวขึ้น!
กระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นต้นช่วยให้เขาสร้างอัสนีสวรรค์เส้นแรกขึ้นมาได้ตอนที่ยังอยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่นขั้นต้นและเส้นที่สองในขั้นกลาง ในขั้นปลายนี้ ชายหนุ่มสามารถสร้างอัสนีสวรรค์เส้นที่สามขึ้นมาได้ และการก่อตัวของอัสนีสวรรค์เส้นที่สี่ก็หมายความว่า หวังเป่าเล่อกำลังจะบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์!
หากเขาฝึกกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นต้นต่อไป เมื่อเขาบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ บรรลุขั้นกำเนิดแก่นใน และกลายมาเป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในเมื่อใด เขาก็จะสามารถหลอมแก่นในอัสนีได้!
พลังของแก่นในอัสนีนั้นช่างมหาศาลยิ่ง นอกจากจะได้ครอบครองพลังและความแข็งแกร่งแล้ว สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ยังจะมอบเคล็ดเวทเล่มต่อไป หรือ กระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นกลาง ให้เขาอีกด้วย เคล็ดเวทนี้…สามารถฝึกได้จนกระทั่งบรรลุถึงขั้นจุติวิญญาณ อย่างไรก็ดี ในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาของยุคกำเนิดวิญญาณนี้ ยังไม่เคยมีใครไปถึงขั้นนั้นมาก่อน
ทว่า…ภายในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์นั้น กระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นต้นเป็นเคล็ดเวทที่ยอดเยี่ยมและได้รับความนิยมสูงสุด ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถฝึกจนชำนิชำนาญ และบางคนไม่มีโอกาสได้ฝึกเสียด้วยซ้ำ มีเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติเท่านั้นจึงจะฝึกได้ เคล็ดเวทนี้เป็นหนึ่งในกระบวนเวทที่สมบูรณ์ที่สุด เรียกได้ว่า สามารถพาผู้ฝึกนั้นก้าวขึ้นไปสู่ขั้นจุติวิญญาณได้เลยทีเดียว!
ด้วยเหตุนี้สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จึงได้ตระเตรียมกระบวนเวทนี้ไว้ให้หวังเป่าเล่อ ในแง่หนึ่ง พวกเขาเองก็ฝากความหวังไว้กับหวังเป่าเล่อเป็นอย่างมาก พวกเขาคาดหวังว่าชายหนุ่มจะเดินไปตามเส้นทางแห่งเต๋าได้ไกล พวกเขาไม่เพียงเชื่อมั่นว่าหวังเป่าเล่อจะสร้างแก่นในอัสนีได้เท่านั้น แต่ยังเชื่อว่าเขาจะสร้างดวงวิญญาณอัสนีได้ด้วยซ้ำ!
ความรวดเร็วในการฝึกตนของหวังเป่าเล่อทำให้เขาใกล้บรรลุขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ภายในเวลาไม่นานนัก แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นที่สนใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าตกใจแต่อย่างใด ยุคกำเนิดวิญญาณอาจจะยังอยู่ในช่วงต้นแต่ก็เต็มไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์มากมาย ยังมีอีกหลายคนที่มีความเร็วในการฝึกตนที่รวดเร็วยิ่งกว่าหวังเป่าเล่อเสียอีก
ถึงกระนั้น การจะบรรลุถึงขั้นจุติวิญญาณได้ภายในระยะเวลาไม่กี่สิบปีนั้น ต้องใช้ทั้งปาฏิหาริย์และพรสวรรค์เฉพาะตัวอย่างมาก แม้จะมีข่าวลือว่ามีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณอยู่บนโลก แต่ตามข้อมูลทางการนั้น ทั้งสหพันธรัฐไม่มีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณแม้แต่คนเดียว
ต้องมีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณอยู่ในสหพันธรัฐแน่นอน! หวังเป่าเล่อลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่ปะทุอยู่ภายในกายเป็นระลอก ชิ้นส่วนของตัวต่อจำนวนมากปรากฏขึ้นในใจเขา และกำลังต่อกันเป็นภาพใหญ่อันพร่าเลือน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พลังปราณและยศถาบรรดาศักดิ์ของเขาเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการทำงานของสหพันธรัฐมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ไปเยือนศูนย์วิจัยแห่งดาวอังคารมาแล้ว ความเชื่อที่ว่ามีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณอยู่ในสหพันธรัฐจริงๆ ก็ยิ่งแรงกล้าขึ้น
หวังเป่าเล่อยังคิดเรื่องนี้ไม่ตก แต่ก็รีบปล่อยวางความคิดรบกวนทุกอย่างเพื่อกลับไปตั้งมั่นกับการบรรลุขั้นการฝึกปราณที่จะมาถึงในไม่ช้า พลังปราณของเขายังคงหมุนวนอย่างต่อเนื่อง และเขาก็รู้สึกได้ถึงอัสนีสวรรค์เส้นที่สี่ที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ข้าจะต้องเดินไปตามเส้นทางของกระบวนท่าเต๋าสายฟ้า…ทว่ายังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ ข้าเองก็จะเดินไปบนเส้นทางนั้นเช่นกัน! หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึก ในวินาทีนั้นเองเปลวไฟสีดำก็ปรากฏขึ้นในดวงตาเขา!
เส้นทางที่ไม่มีใครล่วงรู้…วิชาแห่งศาสตร์มืดนั่นเอง!
ขณะนี้ชายหนุ่มได้สร้างเปลวไฟสีดำขึ้นมาสามดวงแล้ว ขั้นต่อไปคือการรวบรวมไฟทั้งสามดวงเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแก่นในแห่งความมืดขึ้นมา และนี่คือ…หนทางแห่งศาสตร์มืดที่จะนำไปสู่ขั้นกำเนิดแก่นใน!
หวังเป่าเล่อมองเห็นเส้นทางสู่ขั้นกำเนิดแก่นในของตนอย่างชัดเจน ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการแก่นในอันเดียว…เขาต้องการแก่นในที่มาจากทั้งกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าและวิชาแห่งศาสตร์มืด เขาต้องการแก่นในคู่!
แก่นในคู่จะทำให้หวังเป่าเล่อก้าวข้ามผู้อื่นในขั้นกำเนิดแก่นในอย่างไม่เห็นฝุ่น ความแข็งแกร่งและพลังของเขาจะเหนือกว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในขั้นเดียวกัน เช่นเดียวกับที่เป็นตอนเขาอยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่น!
แม้ว่าสิ่งนี้จะดูเป็นความท้าทายที่เกินเอื้อมสำหรับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ แต่สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว เขารู้สึกว่าสุสานอาวุธเทพใต้ดินที่อยู่ใต้นครใหม่แห่งนี้สร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเขาที่จะใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้!
ด้วยอารมณ์ที่ร่าเริงและฮึกเหิม หวังเป่าเล่อจึงปล่อยให้พลังปราณของตนหมุนวนอยู่ภายในกายไปอีกเก้าวัน ในที่สุดเสียงคำรามดังสนั่นก็กึกก้องขึ้นภายในศีรษะของเขา พลังปราณทะลักล้นออกมาจนกระทั่งบรรลุขั้น!
ในวินาทีนั้น ทั้งรัศมี พลังงาน พลังปราณ ทุกๆ สิ่งในตัวเขาพุ่งไปถึงขีดสุดในแง่ของพลังและความแข็งแกร่ง คล้ายกับคนใส่ชุดรัดรูปที่ออกแรงเบ่งและกินจนกระทั่งร่างกายอวบอ้วน และเสื้อผ้าก็ขยายไปถึงขีดสุดจนระเบิดออกมา!
ทันทีที่เสื้อผ้าชุดแรกระเบิด พวกมันก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นเสื้อคลุมยาวชุดใหม่ที่หลวมกว่าเดิม หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงความสบายอันเหลือเชื่อเมื่อแหล่งพลังปราณอันไร้ขีดจำกัดในกายปล่อยให้พลังปราณไหลล้นออกมาภายนอก
แต่การบรรลุขั้นในครั้งนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ตอนที่ระดับการฝึกตนของเขาบรรลุจากขั้นรากฐานตั้งมั่นขั้นปลายไปสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์นั้น ดอกบัวเขียวในกายเขาก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อนจะปล่อยคลื่นพลังชีวิตที่แผ่ซ่านไปทั่วกายหวังเป่าเล่อ กายเนื้อของเขาแข็งแกร่งขึ้นอีก กล้ามเนื้อทุกมัด กระดูกทุกชิ้น เส้นปราณทุกเส้นในกายเหมือนจะได้รับการเสริมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น หวังเป่าเล่อหายใจหอบถี่ การปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลันนี้ส่งผลให้พลังชีวิตของเขาพลุ่งพล่านจนมีระดับสูงจนน่ากลัว
ราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นั่นเชียว!
คลื่นพลังชีวิตอันเข้มข้นนั้นทำให้พลังการฟื้นฟูของหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งขึ้นไม่แพ้กัน แถมครั้งนี้ยังเป็นเพียงการบรรลุขั้นเล็กๆ ในขั้นรากฐานตั้งมั่นเท่านั้น หากเขายังคงตั้งหน้าตั้งตาฝึกต่อไปเช่นนี้ พลังของหวังเป่าเล่อในอนาคตเมื่อบรรลุถึงขั้นกำเนิดแก่นในคงจะสูงเกินจินตนาการทีเดียว
ขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์! หวังเป่าเล่อระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงการก่อตัวขึ้นของอัสนีสวรรค์เส้นที่สี่และจำนวนสายฟ้ามากภายในกาย เขารู้สึกได้ถึงเปลวไฟสีดำทั้งสามที่เริ่มมีปฏิกิริยากับการเพิ่มพูนขึ้นของพลังปราณในกาย ดูราวกับว่าจะเริ่มรวมตัวกัน
สิ่งนี้ส่งให้หวังเป่าเล่อมีกำลังใจขึ้นมาก ชายหนุ่มกำลังจะออกไปทดสอบพลังเพื่อเทียบกับพลังก่อนหน้านี้ แต่ก่อนที่เขาจะได้ลุกขึ้นยืน เพียงไม่นานหลังการบรรลุขั้นและขณะที่เปลวไฟสีดำกำลังจะรวมตัวกันนั้นเอง ทันใดนั้น สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็แสดงความตกใจออกมา ชายหนุ่มหลุบศีรษะลงต่ำในทันที เขาได้ยินเสียงพึมพำดังมาแต่ไกล ฟังดูคล้ายกับว่าเสียงนั้นดังมาจากพื้นเบื้องล่างเขา จากสุสานอาวุธเทพใต้ดินที่อยู่ลึกลงไป!
“บุตรแห่งความมืด…บุตรแห่งความมืด…”
เป็นครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงจากสุสานอาวุธเทพใต้ดินระหว่างการฝึกปราณ ชัดเจนแล้วว่ามีเขาเพียงคนเดียวที่ได้ยินเสียงนี้ เพราะรอบกายของเขาไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด นครใหม่ทั้งนครยังเป็นเช่นเดิม
สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อยิ่งแน่ใจว่าเขาเป็นคนเดียวที่ได้ยินเสียงนี้ คือความรู้สึกที่เหมือนมีใครเรียกซึ่งเกิดขึ้นพร้อมเสียงที่ดังจากใต้โลก!
ราวกับว่ามีสิ่งชีวิตที่อยู่ลึกลงไปภายในสุสานอาวุธเทพใต้ดินกำลังเรียกหาหวังเป่าเล่อ กำลังรอคอยการมาเยือนของเขาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ!
ลมหายใจของชายหนุ่มหนักหน่วงขึ้น เขาเคยเข้าไปในสุสานใต้ดินมาก่อนและเคยได้สัมผัสถึงความรู้สึกคล้ายๆ กันนี้ เพียงแค่ว่าครั้งนี้มันหนักหนากว่าเดิมมาก เสียงเสียงเพรียกหาที่ดังกึกก้องอยู่ในศีรษะเขานั้นชัดเจนมาก
เสียงประหลาดและเสียงเรียกนั้นไม่ได้ดังอยู่นานนัก เมื่อพลังปราณในกายของหวังเป่าเล่อเริ่มสงบลง และเมื่อการรวมตัวกันของเปลวไฟสีดำดำเนินไปถึงจุดหนึ่งและหยุดลง เสียงนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้สำคัญสำหรับหวังเป่าเล่อเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งคำทำนายของปรมาจารย์เจ้าและความรู้สึกของข้าบอกตรงกันว่าอาวุธเทพที่นอนหลับใหลอยู่ข้างใต้ดูจะเป็นวัตถุเวทแห่งความมืด แม่นางน้อยเองยังบอกว่าสิ่งนั้นเคยเป็นของนางมาก่อน…นั่นก็แปลว่า บางที…วัตถุเวทแห่งความมืดชิ้นนี้อาจจะเป็นของข้าด้วยเช่นกัน หวังเป่าเล่อกะพริบตา เขาคิดว่าการวิเคราะห์ของตนถูกต้องและตรรกะก็ไม่มีที่ติ
อย่างไรเสีย ของชิ้นนี้เป็นของแม่นางน้อย และแม่นางน้อยก็เป็นของเขา นั่นแปลว่า วัตถุเวทแห่งความมืดชิ้นนี้ย่อมเป็นของเขาไปโดยปริยาย
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็รู้สึกมุ่งมั่นขึ้นมาทันที แต่ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ามีอันตรายอยู่ภายในสุสานอาวุธเทพใต้ดิน แม้ว่าเขาจะใช้วิชาแห่งศาสตร์มืดได้อย่างคล่องแคล่วเพียงใด ก็ไม่อาจบุ่มบ่ามลงไปในสุสานใต้ดิน เขาตัดสินใจว่าจะรอให้กำแพงสลายลงไปทั้งหมดและผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งจากสหพันธรัฐเข้าไปในสุสานใต้ดินเสียก่อน จากนั้นจึงจะตามไปด้วย ถึงตอนนั้น การฝึกตนของเขาก็คงจะรุดหน้าไปมากเช่นกัน และด้วยความช่วยเหลือของแม่นางน้อย ก็มีโอกาสมากที่เขาจะก้าวนำคนอื่นและหยิบวัตถุเวทแห่งความมืดมาโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น!
ข้าขอส่วนแบ่งชิ้นใหญ่ไปแล้วกัน ให้พวกเขาแบ่งส่วนที่เหลือกันไป เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย! หวังเป่าเล่อคิดว่าตนเองช่างเป็นคนใจบุญเสียนี่กระไร เขาไม่ได้เป็นคนที่ยึดทุกอย่างไว้คนเดียวแม้แต่น้อย
หวังเป่าเล่อถูกนิสัยใจคออันไร้ที่ติของตนเองทำให้ไขว้เขวไประยะหนึ่ง จากนั้นชายหนุ่มก็สูดลมหายใจลึกก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งออกไปในทันที ยังไม่ทันที่เสียงคำรนของกำแพงเสียงที่ถูกทำลายจะสิ้นลงด้วยซ้ำ หวังเป่าเล่อก็ไปปรากฏอยู่ข้างกำแพงแล้ว ชายหนุ่มประเมินความเร็วของเขาแล้วก็เกิดตื่นเต้นขึ้นมา
ข้าเร็วขึ้นกว่าเดิมเกือบสองเท่า! เขากำหมัดแน่น พลางต้องการทดสอบความแข็งแกร่งว่าเพิ่มขึ้นเท่าใด ทว่าหวังเป่าเล่อตระหนักได้ว่าขณะนี้เขาอยู่ในที่พัก ชายหนุ่มออกจากห้องลับและเดินไปด้านนอก ก่อนจะพบที่พักของเฉินมู่ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เป็นที่พักที่เฉินมู่ไม่เคยมาอยู่ เขาจึงส่งกำปั้นออกไปยังทิศทางนั้นทันที!
เสียงคำรามราวฟ้าร้องดังสนั่นลั่นท้องฟ้า แม้ว่าวงแหวนปราณจำนวนมากจะป้องกันที่พักของเฉินมู่เอาไว้ แต่หมัดเดียวของหวังเป่าเล่อก็พังวงแหวนปราณไปกว่าครึ่งหลัง เสียงกำปั้นดึงความสนใจจากเหล่ายามในเขตที่พักอาศัย พวกเขารีบรุดมาถึงที่เกิดเหตุและกำลังจะต่อว่าผู้กระทำผิด แต่แล้วก็ได้เห็นว่าผู้กระทำผิดนั้นไม่ใช่ใครอื่น คือหวังเป่าเล่อ เจ้าเมืองของพวกเขานั่นเอง
ทุกคนถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะรีบเดินจากไป พวกเขาแกล้งทำเป็นไม่เห็นเหตุการณ์และไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของหวังเป่าเล่อที่สะท้อนก้องไปในอากาศ