หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 429 สังหารหมู่!
ตายไปเสียให้หมด! เฉินมู่ไม่รู้สึกตัวเลยว่าความหยิ่งทะนงของเขาบัดนี้ได้พุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้า อาจเพราะมั่นใจว่าเขาควบคุมหุ่นเชิดงูเหลือมยักษ์นั้นได้ หรืออาจเพราะ… เขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับกลองอย่างแนบสนิท ความเกลียดที่กดเอาไว้ได้ก่อนหน้านี้ บัดนี้ระเบิดออกอย่างหมดสิ้นและทวีความเข้มข้นขึ้นหลายเท่า ความจงเกลียดจงชังเข้ากระดูกดำทำให้การควบคุมตนเองของเฉินมู่หมดสิ้นไป ส่งให้เขากลายเป็นชายผู้บ้าคลั่งไร้สติ
อาการเสียสติฉายชัดบนใบหน้าของเฉินมู่ ดวงตาของชายหนุ่มกระหายเลือด ความต้องการฆ่ารุนแรงขึ้นจนควบคุมไม่อยู่ ความต้องการแก้แค้นและความรู้สึกที่ผสมปนเปกันมากมายอยู่ในตัวเฉินมู่ ทำให้หุ่นเชิดงูเหลือมเรืองแสงสีแดงสว่าง พลังปราณขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ใกล้ระเบิดออกจากกาย!
เมื่อพลังนั้นระเบิดออกมา งูเหลือมก็พุ่งเข้ากระแทกวงแหวนปราณของนครใหม่อีกครั้ง
กะโหลกศีรษะของมันปะทะกับเกราะเรืองแสงของวงแหวนปราณในพริบตา เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ วงแหวนปราณของนครใหม่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอบแตกร้าวยาวขึ้นอีกจนดูเหมือนจะพังลงในทุกขณะ และไม่อาจต้านทานการโจมตีอันแสนหนักหน่วงได้อีกต่อไป!
หากวงแหวนปราณที่ปกป้องนครทลายลง หมอกโลหิตจะพุ่งเข้าปกคลุมทั้งนครทันที และเริ่มกลืนกินนครทั้งหมดและชีวิตทุกชีวิต!
หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริง… คงเป็นโศกนาฏกรรมอันใหญ่หลวง!
ทว่าในตอนนี้ไม่ใช่แค่งูเหลือมเท่านั้นที่พยายามพังวงแหวนปราณที่ปกป้องนครจากภายนอก ภายในนครอาวุธเทพใหม่ยังมีเหตุการณ์อสูรหลั่งไหลในเขตของฟางจิ้งอีกด้วย นครใหม่ตกอยู่ในความโกลาหลด้วยภัยอันตรายที่ถามโถมจากภายในและภายนอก แต่ยังถือว่าโชคดีที่ในสถานการณ์คับขันนี้ ฟางจิ้งไม่ได้สนใจเอาชีวิตตนเองให้รอด นางพยายามช่วยยับยั้งเหตุร้ายอย่างบ้าคลั่ง โดยใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่ตนมี รวมทั้งผู้คนและอาวุธจากสำนักสหชุมนุมสกุณา นางพยายามผนึกปากทางเข้าสุสานใหม่ให้กลับไปอยู่ในความสงบ
ฟางจิ้งรู้ดีว่าตนเองจะเพลี่ยงพล้ำไม่ได้ และจะปล่อยให้เหตุอาเพศเกิดขึ้นในเขตของตนเองไม่ได้เช่นกัน ผลกระทบที่ตามมานั้นเกินกว่าที่นางและสำนักสหชุมนุมสกุณาจะรับไหว ฟางจิ้งคงจะสูญเสียตำแหน่งนายกเทศมนตรีเป็นแน่ หากนางปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย ด้วยเหตุนี้นางจึงเครียดมากแต่ก็ไม่หมดสิ้นซึ่งความหวัง ตอนนั้นเอง งูเหลือมบนฟากฟ้าก็กำลังจะโจมตีวงแหวนปราณอีกเป็นครั้งที่สาม
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ผู้ฝึกตนทุกคนภายในนครใหม่กระวนกระวายถึงขีดสุด ตอนนั้นเองเสียงของหวังเป่าเล่อก็ดังกระจายไปทั่วเมืองผ่านวงแหวนปราณที่แตกร้าว
“เวินไหว เฉินมู่ หลี่หว่านเอ๋อร์ พวกเจ้าทั้งสามคนส่งกองกำลังไปสมทบฟางจิ้งเดี๋ยวนี้ พวกเจ้ามีเวลาครึ่งชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องผนึกสุสานให้จงได้!
“กงเต๋า จินตั้วหมิง หลินเทียนหาว พวกเจ้าทั้งสามคนนำผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในเพื่อเตรียมการโจมตี เป้าหมายคืองูเหลือมที่อยู่ด้านนอกการคุ้มกันของวงแหวนปราณ!”
“ข้าจะปลุกวงแหวนปราณคุ้มกันเพื่อล่อไอ้งูนั่นให้เข้ามาก่อนที่จะผนึกมัน เราต้องชนะเท่านั้นไม่มีทางเลือกอื่น ท่านเจ้านครดาวอังคารรับทราบเรื่องนี้แล้วและกำลังเดินทางมาสมทบ!” เสียงของหวังเป่าเล่อสงบและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ความมั่นใจของเขานี่เองที่ทำให้ผู้ฝึกตนทุกคนในนครมีกำลังสู้ต่อ
แต่ความจริงแล้ว ความมั่นใจของหวังเป่าเล่อไม่ได้มาจากเจ้านคร… แม้สิ่งแรกที่หวังเป่าเล่อทำหลังจากทราบเรื่อง คือการติดต่อเจ้านครเพื่อแจ้งเหตุร้าย แต่เขาก็พบว่าการติดต่อสื่อสารได้ถูกตัดขาดไปเรียบร้อย จึงทำให้ส่งข้อความไปให้ใครภายนอกนครไม่ได้ทั้งสิ้น
ส่วนเหตุผลที่เขาตัดสินใจเปิดวงแหวนปราณคุ้มกันเพื่อล่อให้งูเหลือมเข้ามานั้นเป็นเพราะว่า… ต่อให้ไม่เปิด วงแหวนปราณก็จะพังทลายลงมาอยู่ดีในไม่เกินห้านาทีต่อจากนี้ หากเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงงูเหลือมเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ แต่เป็นทะเลหมอกโลหิตด้วย หมอกนี้มีอำนาจหยุดยั้งการไหลเวียนของปราณ หากหมอกปกคลุมทั่วนครเมื่อไหร่… ผู้ฝึกตนทุกคนในนครก็จะกลายเป็นปุถุชนธรรมดาทั่วไป และเมื่องูเหลือมเริ่มสังหาร จะไม่มีใครมีอำนาจพอยับยั้งมันได้เลย!
ดังนั้นทางเดียวที่เหลืออยู่คือการเปิดวงแหวนปราณ เพื่อให้งูเหลือมเข้ามาอยู่ข้างในแทน หากทำเช่นนั้น หวังเป่าเล่อจะสามารถใช้ทั้งผู้ฝึกตนมากมายและทรัพยากรต่างๆ ที่มีเพื่อหยุดการอาละวาดของมันได้ แผนการนี้จะช่วยซื้อเวลาก่อนที่ความพังพินาศจะเกิดขึ้น ทำให้มีเวลามากพอที่จะรอโอกาสเผด็จศึก!
การตัดสินใจนี้ไม่ได้ยากแต่ต้องใช้ความกล้าหาญ สัญชาตญาณของคนทั่วไปในยามที่ภัยมาถึงตัว คือการพยายามกันอันตรายนั้นออกไปเพื่อให้ตนเองอยู่รอดปลอดภัย ดังนั้นตอนที่หวังเป่าเล่อสั่งการ เขาจึงต้องการให้ผู้รับบัญชาจับได้ว่าน้ำเสียงของเขาสงบนิ่งและมั่นใจเพียงใดในยามวิกฤติ นี่คือทางเดียวที่จะสร้างกำลังใจให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาให้สู้ต่อ!
แต่ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ดำเนินการบุ่มบ่ามโดยไม่มีแผนสำรอง เพราะอย่างไรเสียที่นี่ก็คือนครของเขา ปราการนิรันดร์ของเขา!
ทว่านครใหม่แห่งนี้ใหญ่โตเกินไป การเปลี่ยนนครทั้งนครให้กลายเป็นปราการนิรันดร์ต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นขณะที่นครกำลังเดินหน้าเปลี่ยนสภาพ การถ่วงเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
น้ำเสียงสงบราบเรียบและมั่นใจของหวังเป่าเล่อมีผลอย่างมากต่อผู้ฝึกตนที่กำลังกระวนกระวายใจ หลี่หว่านเอ๋อร์รู้ดีว่า หน้าที่ของตนในฐานะรองเจ้าเมืองนั้นว่ายากแล้ว แต่หน้าที่ของหวังเป่าเล่อในฐานะเจ้าเมืองนั้นยากยิ่งกว่า
ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงแบ่งงานกับหวังเป่าเล่อ โดยนางจะเป็นผู้ควบคุมการผนึกสุสาน ส่วนหวังเป่าเล่อจะทำหน้าที่… จัดการกับงูเหลือมที่มีปราณขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ ทั้งสองไม่มีเวลาให้คิดมากนัก หลี่หว่านเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกและรีบเดินหน้าปฏิบัติภารกิจของตนเองทันที
เวินไหวและหลิวต้าวปินก็เช่นกัน แม้เฉินมู่จะไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่เขาก็ยังแต่งตั้งให้ผู้ช่วยของตนนำคนมาร่วมปฏิบัติภารกิจด้วย เฉินมู่เป็นคนเดียวที่รู้แผนการนี้ จึงทำให้คนของเขาดำเนินการช่วยเหลือหวังเป่าเล่ออย่างสุดความสามารถ
กงเต๋าเองก็เตรียมการเสร็จเรียบร้อย และมาพร้อมผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในสามคนจากกองทัพ ทั้งสามปกป้องกงเต๋าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เบื้องหลังพวกเขามีผู้ฝึกตนระดับรากฐานตั้งมั่นและลมหายใจเที่ยงแท้มากมาย ทุกคนตั้งใจสะกดปีศาจร้ายเอาไว้ด้วยกำลังทั้งหมดที่ตนมีไม่ว่าจะมีปราณอยู่ในขั้นใดก็ตาม เพราะหนึ่งคาถาเวทจากผู้คนมากมายย่อมกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ได้หากร่วมมือกัน
จินตั้วหมิงและหลินเทียนหาวก็เดินหน้ารวบรวมกำลังคนตามที่ได้รับมอบหมายเช่นกัน โดยหลินเทียนหาวเป็นผู้นำพลเหล่าผู้ฝึกตนจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ตามที่หวังเป่าเล่อสั่ง
เมื่อการเตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของที่พักก็เงยหน้าขึ้นมองงูเหลือมยักษ์ที่กำลังพุ่งเข้าใส่วงแหวนปราณอีกครั้ง เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท รอยแตกร้าวกว้างขึ้นอีก ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าเขาจะรีรอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ข้าต้องทุ่มสุดตัว! หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึก แววโหดเหี้ยมวาบเข้ามาในดวงตา เขาปลุกผนึกฝ่ามือของตนเองขึ้นและชี้ไปที่วงแหวนปราณทันที ขณะที่งูเหลือมยักษ์คำรามและพุ่งเข้าชนวงแหวนปราณอีกครั้ง!
ทันใดนั้นเอง วงแหวนปราณของนครใหม่แห่งดาวอังคารก็กลายเป็นคลื่นน้ำ คลื่นนั้นถาโถมใส่งูเหลือมยักษ์ด้วยความเร็วสูง จุดที่วงแหวนปราณชนเข้ากับร่างของงูบังเกิดเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นโพรงยักษ์!
กะโหลกขนาดมหึมาของงูเหลือมยักษ์ติดอยู่ในวังวนนั้น และค่อยๆ ถูกดูดเข้ามาในวงแหวนปราณ ดวงตาของหวังเป่าเล่อสว่างวาบ เขาตัดสินใจว่าจะไม่ล่องูให้เข้ามาอยู่ภายในวงแหวนปราณ เนื่องจากเป็นการตัดสินใจที่อันตรายเกินไป และมีความเป็นไปได้ว่าวงแหวนปราณจะแตกสลายเร็วกว่าเดิมขณะที่มันดิ้นรนเอาตัวรอด
หากไม่มีหมอกละก็… หวังเป่าเล่อกำหมัดแน่น งูเหลือมยักษ์ดิ้นเข้ามาในวงแหวนปราณมากขึ้นอีก ร่างของมันยาวหลายพันเมตรและมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดมหึมา มันดูเหมือนลูกอ๊อดมากกว่างูเหลือมเพราะกะโหลกนั้นใหญ่กว่าลำตัวมากนัก
ขณะที่งูเหลือมยักษ์เบียดตัวเข้ามา หวังเป่าเล่อก็ปิดวงแหวนปราณลงอีกครั้ง กงเต๋าเตรียมการของตนเองสำเร็จเรียบร้อย ดวงตาของเขาอาบไปด้วยแรงสังหาร และเริ่มดำเนินการทันที
ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้และรากฐานตั้งมั่นรอบกายกงเต๋าต่างพากันหยิบวัตถุเวทของตนออกมา พลังเวทลอยขึ้นบนฟากฟ้าเป็นหนึ่งเดียว พุ่งตรงเข้าหางูเหลือมที่ติดกับ ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในจากทั้งกองทัพ สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ และกลุ่มไตรจันทรารวมกันได้สิบคน ต่างพุ่งเข้าใส่งูเหลือมยักษ์นั้น
หลินเทียนหาวและจินตั้วหมิงก็เดินหน้าตามแผนเช่นกัน ผู้ฝึกตนจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าโจมตีตามคำสั่งของหลินเทียนหาว ทุกคนต่างตะโกนกู่ร้อง เสียงที่ระเบิดออกมาพร้อมกันนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ เหมือนลูกธนูนับล้านที่พุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างพร้อมเพรียงกัน!
โดยเฉพาะจินตั้วหมิงนายน้อยแห่งกลุ่มไตรจันทราซึ่งถือวัตถุเวทที่มีพลังสังหารสูงเอาไว้ในมือ เหล่าองครักษ์ของชายหนุ่มก็เช่นกัน ทุกคนปล่อยพลังทั้งหมดที่ตนเองมีกำเนิดเป็นเสียงกึกก้อง
ปราการของจินตั้วหมิงลอยขึ้นในอากาศตามการควบคุมของชายหนุ่ม ปราการอันแสนล้ำค่าที่สร้างจากวัตถุดิบมีค่าและศิลาวิญญาณมากมายนั้นพุ่งเข้าใส่งูเหลือมยักษ์อย่างไม่ปรานี การปกป้องนครใหม่ให้อยู่รอดปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับจินตั้วหมิงในตอนนี้ เนื่องจากศูนย์วิจัยได้อนุมัติคำขอของเขาเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างที่เขาตระเตรียมไว้พร้อมเริ่มดำเนินการ ชายหนุ่มจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้างูนี่มาทำให้ความพยายามของเขาสูญเปล่า
“ฆ่าไอ้งูระยำนี่เสีย!” ดวงตาของจินตั้วหมิงเป็นสีแดงก่ำ เขาตะโกนก้อง กัดฟันแน่น ก่อนควบคุมปราการของตนให้พุ่งเข้าใส่งูเหลือมยักษ์อย่างดุดัน!