หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 441 วิกฤติ!
โศกนาฏกรรมบนดาวพุธสร้างผลกระทบครั้งใหญ่ให้ทั้งสหพันธรัฐ ทุกคนตื่นตกใจไปกันหมด บนดาวอังคารเองก็ไม่ต่างกัน ประชาชนมากมายฟังแถลงการณ์ของผู้นำสหพันธรัฐ ต้วนมู่ฉี หลังจากนั้นเจ้านครอาณานิคมดาวอังคารก็ออกแถลงการณ์เช่นกัน
แถลงการณ์ของนางทำให้ทราบถึงเจตจำนงแน่ชัดว่าจะจับคนร้ายมาลงโทษ รวมถึงรังสีอำมหิตแรงกล้าจากน้ำเสียงของนาง มีการเปิดใช้งานวงแหวนปราณดาวอังคารเต็มขั้นเพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายที่ก่อโศกนาฏกรรมบนดาวพุธมาโจมตีดาวอังคารได้
ดาวอังคารระมัดระวังตัวเต็มที่ มีการส่งกองทัพประจำดาวอังคารออกไปลาดตระเวน นครหลักดาวอังคารได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เหล่าผู้ฝึกตนมากความสามารถ รวมถึงต้นไม้ยักษ์ ต่างเฝ้าจับตาดูห้วงอากาศอยู่ไม่ห่าง
ด้านนครใหม่แห่งดาวอังคารก็มีการป้องกันแน่นหนาเช่นกัน โศกนาฏกรรมบนดาวพุธทำให้แผนการของตระกูลนภาห้าสมัยในการเลื่อนขั้นนครไปเป็นเขตนครพิเศษล่าช้าออกไป ตอนนี้หวังเป่าเล่อยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมือง มีอำนาจสั่งการเด็ดขาด
แม้จะอยู่ระหว่างถือสันโดษ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง โศกนาฏกรรมบนดาวพุธนั้นถือเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวง หลี่หว่านเอ๋อร์ หลินเทียนหาว จินตั้วหมิงและคนอื่นๆ รีบรายงานเหตุการณ์ให้เขาทราบทันที บนเครือข่ายวิญญาณยังมีการถกเถียงกันถึงประเด็นนี้อย่างร้อนแรง
เป็นเหตุให้หวังเป่าเล่อเปิดใช้งานวงแหวนปราณของนครใหม่เต็มขั้นก่อนที่คำสั่งเจ้านครอาณานิคมดาวอังคารจะส่งมาถึงเสียอีก ชายหนุ่มสั่งให้กงเต๋าเพิ่มระดับมาตรการป้องกันภัยในนครใหม่เต็มขั้นเพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นบนดาวอังคาร
ขณะนั้นเอง ทางสหพันธรัฐก็คิดค้นวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสปริศนาที่ส่งผ่านทางแสงได้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องแจกจ่ายวัคซีนให้ประชาชนทีละคน เพียงแค่หลอมวัคซีนเข้ากับวงแหวนปราณก็สามารถสร้างกระบวนการคุ้มกันได้แล้ว
วัคซีนดังกล่าวส่งมาถึงดาวอังคารเรียบร้อย ทั้งนครหลักและนครใหม่หลอมวัคซีนเข้ากับวงแหวนปราณเสร็จสรรพ ศูนย์วิจัยระเบิดต้านทานวิญญาณบนดาวอังคารเองก็ทำงานเต็มที่ ทำให้พวกเขามีระเบิดต้านทานวิญญาณสิบลูกเตรียมไว้พร้อมสำหรับใช้งาน
ขณะนี้ดาวอังคารได้เตรียมพร้อมรับมือการบุกรุกที่เกิดขึ้นบนดาวพุธเต็มที่ นอกจากจะสามารถรับมือได้แน่นอนแล้ว ยังมีโอกาสสังหารเหล่าผู้บุกรุกได้ด้วยซ้ำ
ทว่า…การเตรียมการทั้งหมดมาจากข้อมูลที่ทางสหพันธรัฐได้จากการบุกรุกบนดาวพุธ เป็นเพียงการรับมือ สหพันธรัฐสามารถต้านทานการโจมตีที่อารยธรรมนอกระบบสุริยะเคยใช้ก่อนหน้านี้ได้ แต่คงรับมือได้ยากหากเผชิญการโจมตีรูปแบบใหม่
ขณะนั้นเอง แมงกะพรุนสีดำยังคงพรางกายด้วยสร้อยหยกของผู้อาวุโสที่คนร้ายทั้งสามพูดถึง และค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ดาวอังคารอย่างเงียบเชียบ
วงแหวนปราณดาวอังคารไม่สามารถจับสัมผัสมันได้เนื่องจากความต่างชั้นของอารยธรรม สหพันธรัฐนั้นยังอยู่ในช่วงต้นของการก่อสร้างอารยธรรม แม้จะมีพลังอำนาจกล้าแกร่งแต่ก็ยังขาดการพัฒนาในหลายๆ ด้าน
ทว่ายุคกำเนิดวิญญาณเองก็เพิ่งเปิดฉากขึ้นในสหพันธรัฐได้เพียงสี่ทศวรรษ การพัฒนาอารยธรรมได้ขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ ถือเป็นเรื่องเหนือจินตนาการสำหรับอารยธรรมอื่นๆ!
หากให้เวลาสหพันธรัฐอีกสักหกสิบปี อารยธรรมของพวกเขาคงจะพัฒนาไปได้ไกลกว่าปัจจุบันมาก
แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอนาคต ตอนนี้แมงกะพรุนกำลังเคลื่อนตัวเข้าประชิดอย่างเงียบเชียบ ไม่ได้คิดใช้วิธีการเดียวกับดาวพุธ มันหยุดประมวลผลเหนือวงแหวนปราณดาวอังคาร ผ่านไปพักใหญ่ก็มีแสงสว่างส่องออกมาจากลำตัวสีดำ ก่อนจะแปรเปลี่ยนกายให้เข้ากับวงแหวนปราณ จากนั้นก็ออกตัวพุ่งทะยานไปข้างหน้า ฝ่าอภิมหาวงแหวนปราณดาวอังคารเข้าไปในชั้นบรรยากาศ!
ไม่มีใครสังเกตเห็นมัน วงแหวนปราณเองก็จับสัมผัสสิ่งแปลกปลอมไม่ได้แม้แต่นิด ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าแมงกะพรุนสีดำได้เข้ามาเยือนดาวอังคารแล้ว…
ผู้ฝึกตนสามคนในแมงกะพรุนไม่ได้ใช้วิธีการเดียวกันกับที่ใช้บนดาวพุธเพื่อความรอบคอบ พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะระวังตัวเป็นพิเศษบนดาวอังคาร เป้าหมายหลักคือการตรวจสอบพื้นที่ หากช่วงชิงอะไรมาได้ก็จะทำ หากทำไม่ได้ก็จะรีบหนีกลับดาวและรายงานให้ผู้อาวุโสทราบ
แมงกะพรุนสีดำไม่ได้ลงมือสังหารโหดหรือหยุดนิ่งหลังจากเข้ามาในดาวอังคาร มันพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วราวกับทำการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา มุ่งหน้าไปยังนครใหม่…ที่มีสุสานอาวุธเทพใต้ดินตั้งอยู่!
มันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วจนเกินขีดจำกัดของตัวเอง เพียงครู่เดียว มันก็มาถึงด้านนอกของนครใหม่!
ชายสามคนในแมงกะพรุนจ้องนครใหม่ตาเขม็ง นัยน์ตาสีแดงฉายแววดูแคลนสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หากแต่พอเลื่อนสายตามองลงไปใต้นคร ความตื่นเต้นหิวกระหายก็ฉายชัดขึ้นแทนที่
“เจอทางเข้าแล้ว!” ชายคนหนึ่งผู้ขึ้น เขารีบตั้งผนึกฝ่ามือ ภาพนครใหม่ปรากฏขึ้นบนเข็มทิศ…เป็นภาพอุโมงค์ใต้ดินสายหนึ่งที่เชื่อมไปยังตัวสุสาน!
อุโมงค์ดังกล่าวเป็นพื้นที่หลักที่สุสานอาวุธเทพใต้ดินตั้งอยู่
“ไปกันเถอะ!” ชายหน้าตะขาบยิ้มกริ่ม ก่อนจะยกลิ้นเลียริมฝีปาก เมื่อสิ้นคำ แมงกะพรุนสีดำก็พุ่งผ่านวงแหวนปราณนครใหม่ มุ่งหน้าตรงไปยังสุสานอาวุธเทพใต้ดิน!
จุดที่พวกเขามุ่งหน้าไปนั้นเป็นสถานที่เดียวกับที่หวังเป่าเล่อเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ ชายหนุ่มกำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องลับที่ขุดขึ้นในอุโมงค์ภายในสุสานเพื่อฝึกตนให้บรรลุขั้นกำเนิดแก่นใน
ปราณมืดอัดแน่นในอากาศ ช่วยให้ระดับพลังปราณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าโศกนาฏกรรมบนดาวพุธจะทำให้แผนการเลื่อนขั้นนครใหม่บนดาวอังคารล่าช้าไป แต่เขาก็รู้ดีว่าตระกูลนภาห้าสมัยคงไม่ยอมรามือไปง่ายๆ หลังจากจบเรื่องนี้ไป พวกนั้นจะต้องยกแผนการนี้ขึ้นมาอีกครั้งแน่
เป็นเหตุให้ชายหนุ่มต้องบรรลุขั้นกำเนิดแก่นในให้เร็วที่สุด แม้หวังเป่าเล่อจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนดาวพุธด้วยตาตนเอง แต่ด้วยตำแหน่งของเขาทำให้ได้ทราบข้อมูลจากเอกสารลับและพบว่าดาวพุธสูญเสียต้นกำเนิดดาราไปมากกว่าครึ่ง!
ทางสหพันธรัฐยังได้เบาะแสบางอย่างมาทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าธาราจอมตะกละจากภายนอกได้เข้ามาในระบบสุริยะ แต่ไม่ทราบจำนวนและระดับการฝึกตนแน่ชัด คาดว่าน่าจะมีจำนวนไม่มากและไม่น่ามีระดับการฝึกตนที่กล้าแกร่งเกินไป มิเช่นนั้นคงไม่เลือกมุ่งเป้าไปที่ดาวพุธที่อ่อนแอสุด
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หวังเป่าเล่อตระหนักถึงความสำคัญของระดับการฝึกตน ชายหนุ่มรู้แล้วว่าความสงบสุขที่เคยวาดฝันไว้นั้นไม่มีอยู่จริง สันติสุขนั้นได้หายไปจากจักรวาลตั้งแต่วินาทีที่กระบี่สำริดเขียวโบราณพุ่งปักดวงอาทิตย์แล้ว
ชายหนุ่มดูแถลงการณ์ของผู้นำสหพันธรัฐขณะที่ถือสันโดษอยู่ เขาปิดปากเงียบมาตั้งแต่เกิดเรื่อง ในใจรู้สึกสับสนไปหมด แต่ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ต้วนมู่ฉีกล่าว
“ความอ่อนแอคือบาปของพวกเรา!”
ประโยคนี้ยังก้องอยู่ในหัวหวังเป่าเล่อ เป็นดังแรงผลักดันให้เขามุ่งมั่นกับการฝึกวิชายิ่งขึ้น ทุ่มเททั้งกายและใจไปกับการฝึกตนเพื่อที่จะก้าวผ่านขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์
พลังปราณของหวังเป่าเล่อแผ่กระจายไปทั่วกายราวคลื่นยักษ์ เป้าหมายคือบรรลุไปยังขั้นกำเนิดแก่นใน ทันใดนั้นร่างของชายหนุ่มก็สั่นเทิ้มเนื่องจากสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนผ่านวงแหวนปราณเป่าเล่อเข้ามา!
ความรู้สึกนั้นเหมือนดังลมหนาวพัดกระทบร่างในวันที่แดดออกจ้า หวังเป่าเล่อตัวสั่นระริกก่อนจะเบิกตากว้าง
ทันทีที่เขาลืมตา เงาแมงกะพรุนสีดำก็ปรากฏขึ้นภายในสุสานอาวุธเทพใต้ดินอย่างไร้แหล่งที่มา!
แมงกะพรุนมีขนาดใหญ่ยักษ์ กินพื้นที่ไปกว่าครึ่ง ชายหนุ่มอึ้งไป สีหน้าดูตื่นตระหนก เขาคิดจะถอยหนี แต่ก่อนจะทันได้ทำอะไร ดวงจิตกล้าแกร่งก็เข้าครอบงำหวังเป่าเล่อ ส่งผลให้เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่นิด ดวงจิตเข้าตรวจสอบร่างกายหวังเป่าเล่ออย่างละเอียด
“หืม!”
“นี่มัน…ดอกบัวเขียวเช่นนั้นหรือ สวรรค์ ทำไมถึงมีดอกบัวเขียวอยู่ในร่างอนารยชนตนนี้ได้”
“เสียดายที่เราไม่รู้ระดับของดอกบัวเขียว อีกอย่างมันก็ผสานเข้ากับร่างอนารยชนตนนี้อย่างสมบูรณ์ไปแล้ว แต่เราก็จับมันเป็นๆ ไปขายให้ตระกูลไม่รู้สิ้นที่ชอบสะสมของหายากได้ คงจะขายได้ราคาดีไม่น้อย!”
เสียงตื่นเต้นดังก้องในหูหวังเป่าเล่อขณะผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณสามคนก้าวลงจากแมงกะพรุน พวกเขาดูยินดีปรีดามาก ชายหน้าตะขาบยกมือขวาตั้งผนึกฝ่ามือย่อขนาดแมงกะพรุนและเก็บกลับไป ชายทั้งสามยืนจ้องหวังเป่าเล่อด้วยนัยน์ตาพึงพอใจ
หวังเป่าเล่อขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิด ลมหายใจของเขาเหมือนจะหยุดชะงักไปเช่นกัน แต่สติยังตื่นอยู่ ความรู้สึกหวาดผวาต่อภัยอันตรายที่มากกว่าครั้งไหนๆ ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ!
ความรู้สึกนี้เกิดจากรังสีกดดันที่พวยพุ่งออกมาจากผู้ฝึกตนชุดเกราะเกล็ดสามคนที่อยู่เบื้องหน้า พลังที่สัมผัสได้แกร่งกล้ากว่าผู้ฝึกตนทุกคนที่เขาเคยพบเจอมา แม้แต่ต้วนมู่ฉีเองยังเทียบไม่ติด!
พวกเขาคือ… ในหัวชายหนุ่มอื้ออึงไปหมด ราวกับโดนคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่
ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ!