หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 444 ขอสรรเสริญแม่นางน้อย!
สถานการณ์ตอนนี้เต็มไปด้วยภัยอันตรายร้ายแรง ผู้บุกรุกสามคนคุมการระเบิดได้สำเร็จ พวกเขาตามหวังเป่าเล่อไปอย่างรวดเร็วเสียจนแค่พริบตาเดียวก็คงตามได้ทัน
เสียงกระซิบฟังดูละอายใจของแม่นางน้อยดังขึ้น ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบ วัตถุบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังกำแพงน้ำแข็งก็ส่งเสียงกึกก้องไปทั่วสุสาน ชายหนุ่มตัวสั่นเทิ้ม หายใจถี่รัว เขาได้ยินเสียงเพรียกจากด้านหลังกำแพงดังขึ้นในหัวอีกครั้ง!
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้ยินเสียงเพรียกหา ครั้งแรกเป็นตอนที่เขาบรรลุจากขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นปลายไปขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ เสียงเพรียกในครั้งนี้ทั้งดังและชัดเจนกว่าครั้งก่อน ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความกดดัน มีบางอย่างด้านหลังกำแพงที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อตัวเขา!
ตัวตนปริศนานี้กำลังร้องเรียกเขา น้ำเสียงฟังดูโหยหา ราวกับว่าต้องการให้ตนกลับไปฝั่งนั้น!
ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เสียงเพรียกดังขึ้นในหัวชายหนุ่ม เปลวไฟสีดำในกายก็พลันลุกโชนขึ้นเหมือนเมื่อตอนที่ได้พบชายในชุดคลุมสีดำเป็นครั้งแรก ทุกอย่างรอบตัวหวังเป่าเล่อมีน้ำแข็งขึ้นเกาะทันทีที่เปลวไฟสีดำตื่น ก่อนจะกลายเป็นเปลวไฟเยือกแข็งลุกลามไปทั่ว!
เปลวไฟสีดำที่ปะทุออกมาเหมือนจะไปกระตุ้นเสียงเพรียกจากส่วนที่ลึกสุดในสุสาน เสียงดังกล่าวดังมากยิ่งขึ้น กำแพงที่กั้นขวางสหพันธรัฐมานานหลายปีพลัน…ละลายลงทันที!
กำแพงน้ำแข็งละลายลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เปิดช่องไปทางสู่สุสาน ปราณมืดพวยพุ่งออกมาจากช่องทางเบื้องหน้า เข้าปกคลุมทั่วพื้นที่
หวังเป่าเล่อเบิกตากว้าง สิ่งแรกที่นึกในหัวคือแม่นางน้อยนั้นช่างยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่มีเวลามัวยืนคิดอะไรให้มากความ ชายหนุ่มรีบทะยานผ่านช่องทางที่เปิดออกเข้าไป
ผู้บุกรุกสามคนมาถึงตอนที่หวังเป่าเล่อผ่านเข้าไปในช่องทางที่เปิดออกแล้ว พวกเขาเห็นช่องทางเบื้องหน้ากำลังจะปิดตัวลงอีกครั้ง ทั้งสามหายใจถี่ ความหิวกระหายฉายชัดในแววตา ก่อนจะรีบทะยานตามไปโดยไม่ลังเล
ชายหน้าตะขาบเป็นคนที่สุดที่ลอดผ่านเข้ามา ดวงตาของเขาฉายแสงวาบก่อนหน้าที่จะทะยานตามมา เขายกมือขวาขึ้นตั้งผนึกฝ่ามือ พลันนิ้วมือก็ส่องประกาย ก่อนจะมีคลื่นแสงแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่เพื่อลบล้างทุกสิ่งที่สัมผัส
ทุกสิ่งที่โดนแสงปกคลุม ไม่ว่าจะเป็นจุดที่หวังเป่าเล่อโดนโจมตีเป็นครั้งแรก หรือจุดที่ทั้งสามพยายามคุมวัตถุเวทไม่ให้ระเบิดทำลายตัวเอง ร่องรอยของพวกเขาโดนลบหายไปหมด เศษสิ่งของที่ไม่ควรมีในที่แห่งนี้เลือนหายไป
รวมถึง…ยุงทั้งสิบสองตัวที่ซ่อนอยู่ในจุดต่างๆ…มียุงตัวนึงเกือบจะหลบหนีออกไปนอกสุสานได้แต่ก็โดนคลื่นแสงจัดการเสียก่อน!
ข้าไม่สนว่าเจ้ามีกับดักหรือเล่ห์เหลี่ยมอะไรซ่อนอยู่อีก แต่ตอนนี้…น่าจะไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว! หลังจากปล่อยคลื่นแสงลบล้างออกไป ชายหน้าตะขาบก็เหยียดยิ้มก่อนจะลอดผ่านกำแพงตามไปก่อนที่มันจะปิดตัวลง!
ทันทีที่เขาผ่านเข้าไป ช่องว่างบนกำแพงก็ปิดสนิทอีกครั้ง!
ทั้งอุโมงค์ตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกสิ่งในนครใหม่ยังคงดำเนินไปตามปกติ หลี่หว่านเอ๋อร์กำลังตรวจสอบและลงชื่ออนุมัติเอกสารต่างๆ กงเต๋ากับหลินเทียนหาวกำลังพูดคุยกัน จินตั้วหมิงหยิบแหวนสื่อสารออกมาและติดต่อไปหาคนรักเก่าบนโลกเพื่อพูดคุยกันอย่างเปิดอก…
ส่วนหลินต้าวปินนั้นกำลังสั่งการคนกลุ่มใหญ่ให้สร้างรูปปั้นของหวังเป่าเล่อขึ้นอีก…
ทุกอย่างยังคงปกติสุขตามเดิม ไม่มีใครรู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นในสุสานและหวังเป่าเล่อตกอยู่ในอันตรายเพียงใด!
หวังเป่าเล่อในตอนนี้ได้เข้าไปอยู่ในโลกที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน!
ฟากฟ้าของโลกใบนี้แต้มสีไปด้วยดินโคลน แต่ก็ไม่ได้มืดมิด มีแสงมากมายส่องประกายบนฟ้าราวกับดวงดาราและเพชรพลอยที่มอบแสงสู่โลกใต้ดินแห่งนี้ อาจจะไม่ได้สว่างไสวเหมือนแสงตะวัน แต่ในสายตาของผู้ฝึกตนคนหนึ่งแสงนี้และแสงตะวันก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่
ส่วนเบื้องล่างนั้น…ไม่มีผืนดิน มีเพียงมหาสมุทรไร้ขอบเขต หากมองดูให้ชัดจะพบว่ามหาสมุทรนี้ไม่ได้เกิดมาจากน้ำทะเล…แต่เป็นการรวมตัวกันของดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวเป็นมหาสมุทรวิญญาณ!
มหาสมุทรวิญญาณไม่ได้สงบนิ่ง คลื่นมากมายสาดซัดไปมา เกิดเป็นภาพสุดจะบรรยาย เกลียวคลื่นเองก็เกิดมาจากดวงวิญญาณนับไม่ถ้วน พวกมันร้องคร่ำครวญ บ้างก็ฉีกกระชากกันและกัน บางส่วนเดือดจัด บางส่วนแยกเขี้ยวขู่ บ้างก็ร้องไห้ สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ทุกอารมณ์ สามารถพบเจอและสัมผัสได้ที่นี่!
กลางมหาสมุทรวิญญาณมีเกาะสีขาวแห่งหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากดินหินแต่เป็นกองกระดูกมากมาย…เกาะแห่งนั้นคือเกาะกระดูก!
โลกใบนี้ดูแสนจะสยดสยอง ราวกับว่าชายหนุ่มได้มาโผล่ในอเวจี ใครได้เข้ามาจะต้องสั่นระริก ลืมไปว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่และสูญเสียความทรงจำจากโลกภายนอกไปหมด เหลือไว้เพียงความปรารถนาใคร่รู้ว่าตนได้ทำบาปกรรมอะไรไปบ้างในชีวิต
หวังเป่าเล่อรู้สึกเช่นนี้เมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้า!
มีโลกเช่นนี้…อยู่จริงๆ หรือ! ผ่านไปพักใหญ่ หวังเป่าเล่อก็หอบหายใจออกมา ใบหน้าของเขาซีดเผือดขณะยืนก้มมองกระดูกมากมายใต้เท้าบนเกาะกระดูก เขาหันไปมองเกลียวคลื่นที่กำลังกรีดร้องในมหาสมุทรวิญญาณ จากนั้นก็หันไปมองฟากฟ้าเปื้อนดินโคลน ชายหนุ่มตื่นตกใจอยู่นาน
ใครจะไปคิดกันว่าเบื้องหลังกำแพงจะซ่อนอะไรเช่นนี้อยู่ ภาพที่เห็นเกินขอบเขตสิ่งที่เขารู้ไปไกล ไม่รู้เลยว่าตนยังอยู่บนดาวอังคารหรือเปล่า เขาพยายามจับสัมผัสเหล่ายุงที่แอบปล่อยไปก่อนหน้า ชายหนุ่มวางแผนไว้ว่าหลังจากผู้บุกรุกทั้งสามคนตามเข้ามา จะให้ยุงส่งสัญญาณเตือนออกไป จากนั้นเจ้านครและผองเพื่อนก็จะมารุมกระทืบชายทั้งสามในสุสาน
หวังเป่าเล่อมั่นใจว่าทั้งสามจะเกาะกลุ่มกันมา แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้มั่นใจมากขนาดนั้น เขาเริ่มตื่นตระหนก
หายไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจับสัมผัสไม่ได้ แต่พวกมันหายไปแล้วจริงๆ! หวังเป่าเล่อมีสีหน้าเหยเก นึกสงสัยว่ามีใครทำลายพวกมันไปหรือเขาขาดการติดต่อกับพวกมันเพราะเข้ามาในโลกใต้ดินกันแน่ แต่ก็ตรวจสอบได้ง่ายๆ เขาพุ่งความสนใจไปที่ฝักกระบี่ภายในกาย สีหน้าของชายหนุ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อพบเหล่ายุงอยู่ภายในฝักกระบี่
ถ้ายุงอยู่ในกระบี่ก็หมายความว่า…ตัวที่ปล่อยไปก่อนหน้าโดนฆ่าทิ้งหมดแล้ว เพราะพวกมันสามารถเกิดใหม่ได้หลังจากที่ตาย
หวังเป่าเล่อเริ่มเป็นกังวล ไม่รู้ว่าชายทั้งสามตามเขามาหรือเปล่า เขารีบเรียกแม่นางน้อย
“ข้าขอขอบคุณแม่นางน้อยมากๆ ที่ช่วย ก่อนหน้านี้เจ้าพยายามจะบอกอะไรข้าหรือเปล่า”
“…” แม่นางน้อยเงียบไป หญิงสาวตื่นตะลึงหนักกว่าหวังเป่าเล่อหลายเท่า นางไม่เคยนึกสงสัยในตัวเองขนาดนี้มาก่อน นางไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วเหตุใดถึงมีช่องทางปรากฏขึ้นหลังกำแพงกัน…
หรือว่าระดับการฝึกตนของนางจะไปถึงขั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้โดยที่ตนไม่รู้ตัว…พอได้ยินคำขอบคุณและคำถามที่ตามมาของชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา นางคิดว่าตนคงจะต้อง…ปั้นเรื่องต่อไปอีก
“นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ข้าไม่ต้องยกนิ้ว ไม่ต้องนึกคิดอะไร แค่เข้าใกล้วัตถุเวทแห่งความมืด มันก็ทำงานขึ้นมาเอง เจ้ารู้หรือเปล่า ข้าว่ามันพยายามเอาใจข้า”
“นั่นแหละเป็นสาเหตุที่ข้าโยนมันทิ้งไป มันคอยเอาอกเอาใจข้าไปเสียทุกอย่างจนข้าเริ่มรำคาญ” แม่นางน้อยพูดเสียงราบเรียบ นางไม่ต้องพยายามคิดอะไร คำพูดต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมาเอง
หวังเป่าเล่อนิ่งไป สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้นึกสงสัยอะไรมากในตอนนั้น เขารีบถามขึ้น
“ข้าขอสรรเสริญแม่นางน้อย! แล้วพวกผู้บุกรุกล่ะ ยังตามเข้ามาหรือเปล่า”
ถามข้าทำไม แล้วข้าจะไปถามใคร นี่ไม่ใช่บ้านข้าสักหน่อย! แม่นางน้อยแอบแค่นเสียงทางจมูก นางตีหน้าสุขุมลุ่มลึกก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้!”
หวังเป่าเล่อเริ่มลนลาน เขาตั้งใจจะมุ่งหน้าต่อ แต่ทันใดฟากฟ้าก็ร้องคำราม ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น มองเห็นรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนฟ้า จากนั้นก็มีร่างเงาสภาพสะบักสะบอมสามตนปรากฏขึ้น พวกเขาพุ่งออกมาจากรอยแยก มองไปรอบๆ ก่อนที่ความตื่นเต้นจะปรากฏขึ้นในแววตาเมื่อหาตัวหวังเป่าเล่อพบ!
“อยู่นี่เอง!”
ชายหนุ่มไม่มีเวลามานั่งคิดว่าทำไมทั้งสามถึงเข้ามาในโลกนี้ด้วยวิธีที่ต่างออกไป ความตกตะลึงเข้าเกาะกุมจิตใจ รู้สึกเคารพยกย่องแม่นางน้อยอย่างสุดซึ้ง