หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 520 ทลายคำสาป!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่ออยู่ที่นี่มาสามวันและใช้หุ่นเชิดไปร่วมห้าพันตัวแล้ว ชายหนุ่มสะสมหุ่นเชิดเหล่านี้มาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเจ้าเมืองอยู่ที่เขตนครพิเศษดาวอังคาร ทุกครั้งที่ความรู้ด้านการหลอมวัตถุเวทของเขาพัฒนาขึ้น เขาจะติดนิสัยเสริมพลังหุ่นเชิดอยู่เสมอ
ทำให้แม้หุ่นเชิดที่อ่อนแอที่สุดของเขาก็ยังอยู่ในขั้นลมหายใจเที่ยงแท้ และยังมีหุ่นเชิดอีกนับร้อยที่อาจต่อกรกับผู้ฝึกในขั้นรากฐานตั้งมั่นได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ สิ่งที่น่าตื่นตาที่สุดคือหุ่นเชิดชุดพิเศษที่เขาหลอมขึ้นในคราวแรก ที่มีเหลือเพียงสองตัวเท่านั้น พวกมันมีพลังเทียบเท่าขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์แถมยังปริ่มๆ จะถึงขั้นกำเนิดแก่นในอีกด้วย
พอระดับปราณของหวังเป่าเล่อเพิ่มสูงขึ้น หุ่นเชิดเหล่านี้จึงหมดความจำเป็นไป เป็นเหตุผลว่าเหตุใดหวังเป่าเล่อจึงมีหุ่นเชิดเหลืออยู่มากมายนัก และในตอนนี้ประโยชน์ของพวกมันคือเป็นเหยื่อทดสอบอำนาจของคำสาป
การทดสอบนั้น…ทั้งครบถ้วนและลึกซึ้ง ทำให้หวังเป่าเล่อระบุช่องโหว่ของคาถาโดยใช้เวลาไปเพียงสามวัน!
มีช่องโหว่เล็กๆ อยู่สามจุด…หวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธิอยู่ในมุมหนึ่งขณะที่ดวงตาจับจ้องไปยังยอดเขาตรงหน้าเขม็ง ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดพื้นที่แห่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง แต่เขารู้ดีว่ามีเวลาเหลือไม่มากนัก จึงจำเป็นต้องทำการอย่างรวดเร็ว
ทว่าเขาจะรีบร้อนเกินไปไม่ได้ จากการคาดคะเน ด้วยพลังปราณและพลังกายในตอนนี้ หวังเป่าเล่อยังไม่สามารถทนต่อการโจมตีของแสงสีดำได้ หากชายหนุ่มเข้าไปปะทะโดยตรง ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ร่างกายและจิตใจของเขาถูกทำลายได้
ข้าแค่อยากได้แต้มการรบบ้างก็เท่านั้นเอง ช่างลำบากอะไรอย่างนี้…หวังเป่าเล่อถอนหายใจขณะที่จ้องมองไปยังซากศพและตำหนักบนภูเขา ความมุ่งมั่นฉายผ่านดวงตา ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก ความปรารถนาในกระเป๋าคลังเก็บบนร่างของศพเหล่านั้นปกคลุมจิตใจเขาไปจนหมด
หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาส่องประกายแวววาวขณะที่จับจ้องยังยอดเขาตรงหน้า ชายหนุ่มคำนวณช่วงเวลาเอาไว้หมดแล้ว ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เขาจะโยนหุ่นเชิดเข้าไปและเพิ่มจำนวนขึ้นทุกครั้งที่โยน ทุกครั้งที่หุ่นเชิดพยายามจะฝ่าดงคำสาปเข้าไป มันจะถูกแสงสีดำหั่นเป็นชิ้นๆ
แปดชั่วโมงผ่านไป ขณะที่หวังเป่าเล่อโยนหุ่นเชิดอีกตัวเข้าไปสู่ยอดเขา แสงสีดำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ แสงนั้นชะงักไปชั่ววินาทีหนึ่ง
นั่นอย่างไรเล่าช่องโหว่! ราวกับว่าชายหนุ่มได้ทำนายถึงวินาทีนี้และเตรียมพร้อมมาก่อนล่วงหน้า ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแววกล้าเมื่อเห็นอาการหยุดชะงักนั้น เขาพุ่งตัวออกไปราวสายฟ้าที่ผ่าลงมาในชั่วอึดใจ ชายหนุ่มใช้ผนึกฝ่ามือปลุกพลังปราณในร่างให้หมุนวนอย่างรุนแรง ชายหนุ่มโบกมืออีกหนึ่งครั้ง จากนั้นสมบัติเวทจำนวนมหาศาลก็ปรากฏขึ้นรายล้อมกายเขาไว้และกระจายตัวออกไป ในหมู่สมบัติเวทเหล่านั้นมีอาวุธเวทปะปนอยู่ด้วย แถบผ้าสีสดใสโบกสะบัดและล้อมรอบกายเขาไว้ เกิดเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่ง
หวังเป่าเล่อวางแผนมาแล้วทุกขั้นตอน ทุกสิ่งเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ร่างของชายหนุ่มพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วราวดาวตก มุ่งหน้าตรงดิ่งเข้าไปหายอดเขาที่เป็นเป้าหมาย
ในพริบตาเดียวนั้น เขาก็เข้ามาอยู่ตรงจุดซึ่งมีคำสาปที่มองไม่เห็ แสงสีดำที่ควรจะปรากฏขึ้นทันทีแต่กลับชะงักไปชั่วขณะตอนที่โจมตีใส่หุ่นเชิดของหวังเป่าเล่อเมื่อไม่กี่อึดใจก่อน มาบัดนี้ก็ชะงักไปอีกครั้งหนึ่ง!
การชะงักไปเพียงชั่ววินาทีทำให้หวังเป่าเล่อผ่านเกราะกำบังเข้าไปยังยอดเขาได้ในที่สุด ชายหนุ่มไม่ได้ทำลายคำสาปลงแต่อย่างใด แม้ว่าเขาจะเข้ามาบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่สัมผัสของอันตรายก็ยังคงแรงกล้า คลื่นความอันตรายไหลบ่าเข้าท่วมกายหวังเป่าเล่อราวกับเป็นคลื่นยักษ์
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่หวังเป่าเล่อจะมัวพะวงกับเรื่องนี้ ทันทีที่ชายหนุ่มผ่านคำสาปเข้ามาได้และมาปรากฏตัวอยู่บนยอดเขา เขาก็ยกมือขวาขึ้นและทำท่าหยิบกระเป๋าคลังเก็บจากศพที่อยู่ห่างไประยะหนึ่งผ่านอากาศ
กระเป๋าคลังเก็บสี่ใบลอยละล่องมาหา หวังเป่าเล่อรับเอาไว้ หลังจากพยายามต่อสู้กับความโลภในใจ ชายหนุ่มก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว และเคลื่อนที่จากไปด้วยความเร็วราวสายฟ้า เร็วพอๆ กับเมื่อขาเข้ามา เขาเคลื่อนที่ราวสายน้ำไหล เห็นได้ชัดว่าหวังเป่าเล่อทบทวนแผนการการเคลื่อนไหวนี้หลายต่อหลายครั้งในช่วงสามวันที่ผ่านมา
ในขณะที่เขากำลังจะล่าถอยออกไปจากบริเวณ ทันใดนั้นเอง แสงสีดำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง จังหวะของช่องโหว่ดูเหมือนจะผ่านพ้นไปเสียแล้ว แสงนั้นกำลังจะพาดผ่านกายของหวังเป่าเล่อ
แสงสีดำที่ปรากฏขึ้นในครั้งนี้เคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่าหวังเป่าเล่อมาก เป็นความเร็วในระดับที่เรียกได้ว่าเหลือเชื่อ แต่ชายหนุ่มเตรียมพร้อมมาแล้ว ทันทีที่แสงสีดำปรากฏขึ้น สมบัติเวทรอบกายเขาก็พุ่งเข้าขวางระหว่างตัวเขาและแสงสีดำที่กำลังพุ่งเข้ามา
สมบัติเวทเหล่านั้นปะทะกับแสงสีดำโดยตรง ก่อนจะถูกตัดอย่างง่ายดายและไร้เสียงราวกับเป็นเพียงกระดาษ สมบัติเวทเหล่านั้นอ่อนพลังลงลและถูกแสงสีดำตัดขาดเป็นสองท่อน
โชคยังดีที่แถบผ้าสีสดใสมีพลังมาก มันม้วนตัวรอบกายหวังเป่าเล่อและแปรสภาพเป็นพายุหมุน อาวุธเวทอื่นๆ ของหวังเป่าเล่อก็ปล่อยพลังออกมาเช่นกัน พวกมันก่อตัวกันขึ้นเป็นเกราะกำบังป้องกันเขาจากแสงสีดำ เสียงกัมปนาทดังสนั่นเลื่อนลั่นในอากาศ และตอนที่ทั้งแถบผ้าและบรรดาอาวุธเวทใกล้จะต้านทานการโจมตีของแสงสีดำไว้ไม่ไหวนั่นเอง หวังเป่าเล่อก็พุ่งตัวออกมาจากอาณาเขตต้องสาปได้ทันท่วงที
แม้จะออกมาได้แล้ว แต่แรงสะท้อนกลับของคำสาปก็รุนแรงเหลือประมาณ หวังเป่าเล่อสำรอกเอาโลหิตสดๆ ออกมาจากปาก สายตาเริ่มพร่ามัว เขาถึงกับเดินเซเมื่อลงมาบนพื้นเรียบร้อย ชายหนุ่มพ่นเอาโลหิตออกมาอีกหนึ่งกองใหญ่ อาการบาดเจ็บรุนแรงนี้ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมแถบผ้าและอาวุธเวทอื่นๆ ทั้งหมด พวกมันพากันร่วงกราวลงมาบนพื้น
หลังจากที่เดินโซเซไปอีกสองสามก้าว โลหิตก็เริ่มไหลซึมออกมาจากอกของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มล้มลงฟาดพื้น อาการบาดเจ็บดูเหมือนจะรุนแรงยิ่ง เขาหมดสติไป
กระเป๋าคลังเก็บที่ชิงมาได้ร่วงลงจากมือหลังจากที่เขาหมดสติ แสงสีดำส่องประกายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสลายหายไป ความเงียบเข้าปกคลุมอาณาบริเวณโดยรอบอีกครั้ง
ความเงียบสงัดปกคลุมอยู่นับชั่วโมง ภายในช่วงเวลานั้น ไม่มีความเคลื่อนไหวหรือเสียงใดๆ แม้แต่น้อย มีเพียงหวังเป่าเล่อ ผู้ซึ่งนอนทอดกายไม่ไหวติงอยู่บนพื้นเพราะบาดเจ็บสาหัส เป็นเป้านิ่งสำหรับการโจมตีเพราะไม่อาจจะป้องกันตัวได้ ผู้ที่ไม่หวังดีสามารถสังหารเขาได้ในทันที
บรรดาอาวุธเวทและกระเป๋าคลังเก็บที่รายล้อมกายชายหนุ่มอยู่เพียงพอที่จะชักชวนให้ผู้มีจิตโลภโมโทสันมาขโมยและสังหารหวังเป่าเล่อเสีย…แต่ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างหวังเป่าเล่อ หรืออาจจะต้องพูดว่าโชคเข้าข้างคนอื่นๆ มากกว่า …ในชั่วโมงนั้น ไม่มีใครมาปรากฏกาย แม้แต่วิญญาณสตรีในชุดคลุมสีขาวเองก็ด้วย
ชั่วโมงหนึ่งผ่านไป หวังเป่าเล่อลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่มีร่องรอยของความง่วงงุนหรือสับสนอยู่ในดวงตาเขาแม้แต่น้อย กลับกันในตาของชายหนุ่มตอนนี้ปกคลุมไปด้วยแสงประหลาดที่ยากจะหยั่งถึง
ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่แถวนี้จริงๆ…วิญญาณสตรีนางนั้นพยายามตอบแทนคุณข้าจริงๆ เสียด้วย เพราะเมื่อครู่ข้าแสดงได้สมจริงเสียจนหากมีผู้ไม่หวังดีอยู่ใกล้ๆ เขาย่อมต้องลงมือเป็นแน่ หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที อาการบาดเจ็บทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น
ใช่แล้ว ความระแวดระวังของหวังเป่าเล่อไม่ได้ลดน้อยลงเมื่อเห็นยอดเขา ชายหนุ่มกังวลว่ามันจะเป็นกับดัก จึงแสร้งทำเป็นบาดเจ็บเพื่อล่อให้ผู้ที่อาจจะซุ่มรออยู่ออกมาจู่โจม อาวุธเวทที่กองอยู่รอบกายเขาอาจดูเหมือนระเกะระกะ แต่อาวุธเวทเหล่านั้นเขาเป็นคนหลอมมาเองกับมือ และเขาจะใช้พลังของพวกมันเมื่อใดก็ได้ตามต้องการ
ข้าจะไม่เสียเวลาอีกแล้ว เพราะไหนๆ ก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่! เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็ยกมือขึ้นโบกและเก็บวัตถุเวทรอบกายขึ้นจนหมด ดวงตาของชายหนุ่มส่องประกายแรงกล้าขณะที่เพ่งมองไปยังยอดเขา แก่นในอัคนีของเขาปะทุขึ้น สายฟ้าปรากฏขึ้นในอากาศรอบกายและเปลวไฟเย็นยะเยือกก็แผ่ออกมาจากกาย มีเสียงแตกเปรียะดังออกมาจากร่างของเขาเมื่อชายหนุ่มปลดปล่อยพลังสูงสุด
ยังไม่เพียงเท่านั้น แถบผ้าหลากสีและกระบี่สามสี บินวนไปรอบตัวเขาอย่างคล่องแคล่ว คลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากกายเขาขณะนี้ทรงพลังเกินกว่าที่เขาเคยปล่อยมาก่อน หลังจากที่เตรียมตัวเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็รออีกครึ่งชั่วโมง จากนั้นชายหนุ่มจึงโยนหุ่นเชิดออกไปอีกสิบตัว ก่อนจะก้าวขาและพุ่งตรงเข้าไปยังอาณาเขตต้องสาปพร้อมๆ กับหุ่นเชิดเหล่านั้น
หวังเป่าเล่อเคลื่อนที่เร็วขึ้นเกือบสองเท่าในครั้งนี้ ชายหนุ่มใช้ประโยชน์จากการปรากฏขึ้นของช่องโหว่และผ่านทะลุแนวป้องกันของคำสาปเข้าไป เมล็ดดูดกลืนในกายเริ่มทำงานทันที เมื่อเสียงกัมปนาทดังสะเทือนขึ้น กระเป๋าคลังเก็บของศพนับสิบตรงหน้าก็พุ่งเข้ามาหาชายหนุ่มราวกับถูกดึงด้วยมือที่มองไม่เห็น!
ทุกสิ่งเป็นไปตามแผน หากชายหนุ่มออกไปตอนนี้ เขาก็จะออกไปได้โดยบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าขณะที่เขากำลังจะหนีออกไปนั่นเอง นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็เบิกโพลงขึ้น เขาจ้องขึ้นไปยังจุดที่สูงที่สุดบนยอดเขา ตอนที่อยู่นอกวงคำสาปทัศนวิสัยของเขาไม่ค่อยดีเท่าไร แต่มาบัดนี้ เมื่อชายหนุ่มอยู่ด้านใน เขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า…บนนั้นมีถ้ำที่พักอยู่แห่งหนึ่ง!
ภายในถ้ำที่พักมีศพซึ่งแต่งกายหรูหรานั่งขัดสมาธิอยู่…บนตักของศพมีตราประจำตัวสีม่วงวางสงบนิ่ง!
ตราประจำตัวศิษย์สืบทอด!