หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 522 ขึ้นเงิน!
กระเป๋าคลังเก็บของศิษย์สำนักนอกว่ามีสิ่งของเยอะแล้ว แต่กระเป๋าของศิษย์สำนักในกลับมีเยอะกว่านั้น หากตรรกะนี้ถูกต้อง แปลว่ากระเป๋าของศิษย์สืบทอดในถ้ำที่พักนั้นจะต้องเป็นหีบสมบัติเลยทีเดียว! ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอประกาย หัวใจเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้น เขาสังเกตว่าแม้จะเจอสิ่งของมีค่ามากมายในกระเป๋าเหล่านี้ แต่กลับไม่มีกระบวนเวทอยู่เลยแม้แต่วิชาเดียว
หวังเป่าเล่อตกใจกับเรื่องนี้เป็นอันมาก เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น และสรุปได้เพียงว่ากระเป๋าคลังเก็บที่เขาได้มานั้นเป็นของศิษย์ที่มีระดับไม่สูงนักจึงไม่มีกระบวนเวทไว้ในครอบครอง แต่ข้อสรุปนั้นก็ดูไม่สมเหตุสมผลเพียงพอ
ศิษย์สืบทอดต้องมีกระบวนเวทติดตัวอยู่เป็นแน่ หากไม่มีแปลว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้ว… ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ก่อนสลัดความคิดนี้ทิ้งไป กระนั้นเขาก็ยังทำใจปล่อยขุมทรัพย์ที่ตนเองเจอบนยอดเขาไปไม่ได้ เขารู้ดีว่าดินแดนตรงตัวกระบี่นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นยอดเขาที่ว่าจึงอาจเปลี่ยนที่ไปได้ทุกเมื่อ หากเป็นเช่นนั้นคงน่าเสียดายเป็นอันมาก เขาอาจหายอดเขานั้นไม่เจออีกแล้วในอนาคต หวังเป่าเล่อทนไม่ได้หากทรัพย์สินเงินทองเหล่านั้นจะหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดเมื่อคิดถึงคำสาปอันทรงพลังที่ปกป้องยอดเขาเอาไว้ ความรู้สึกเหมือนไร้ทางสู้นี้ ทำให้เขาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ดูเหมือนว่าข้าคงจะไม่มีบุญได้ของเหล่านั้นมาครอบครอง… เขาถอนใจอีกครั้ง ก่อนสำรวจอาการบาดเจ็บตนเองเพื่อยืนยันว่าการรักษาเป็นไปได้ด้วยดี จากนั้นเขาก็ออกจากเกาะร้างเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังสำนักวังเต๋าไพศาล
อย่างน้อยของที่ข้าได้มาก็ถือว่าไม่เลว เขาเริ่มปลอบใจตนเองขณะเดินทางกลับ หวังเป่าเล่อเดินหน้าเข้าสูงจุดเคลื่อนย้ายห้าครั้ง จนกลับมาถึงสำนักในที่สุด
ขากลับนั้นเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีอันตรายใดๆ อารมณ์ของหวังเป่าเล่อดีขึ้นเมื่อเห็นเกาะสำนักวังเต๋าไพศาลอยู่ตรงหน้า เขาเดินหน้าเร็วขึ้นอีกจนร่างทั้งร่างกลายเป็นลำแสงที่พุ่งตรงเข้าไปในสำนักวังเต๋าไพศาลทันที
ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะกลับไปที่เกาะเพลิงเขียวก่อน แต่ก็ตระหนักได้ว่าต้องนำสิ่งของมากมายในกระเป๋าไปตีราคา ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจมาที่เกาะสำนักวังเต๋าไพศาล หวังเป่าเล่อเริ่มกังวลเรื่องกระบวนการการตีราคา เนื่องจากทรัพย์สินจำนวนมากอาจทำให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นผู้ผิดได้ หากจากการประเมิน สิ่งที่เขามีไม่ได้มีค่ามากมายเขาคงไม่กังวลใจนัก แต่ถ้าในบรรดาของที่หามาได้นี้มีสิ่งล้ำค่าติดมาด้วย ชายหนุ่มคงไม่วายตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
ด้วยเหตุนี้หวังเป่าเล่อจึงไม่ได้เรียกตัวใครมาช่วยตีราคาสิ่งของในทันที หากแต่มุ่งหน้าไปที่หอตำราเพื่อสืบค้นดูด้วยตนเองก่อน แม้จะไม่ได้เป็นทางเลือกที่ดีเท่าการให้ผู้เชี่ยวชาญมาตีราคาให้ แต่ก็เป็นการแก้สถานการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เขานึกออกในตอนนี้
ชายหนุ่มใช้เวลาหมกตัวอยู่ในหอตำราสองสัปดาห์ ดวงตาเต็มไปด้วยความปีติและตื่นเต้นขณะกำลังเดินออกจากหอ แม้เขาจะไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าโอสถที่วิญญาณเด็กทั้งเจ็ดมอบให้นั้นมีไว้ใช้ทำอะไรกันแน่ แต่หลังจากที่ลองตรวจค้นวัตถุดิบดูแล้ว หวังเป่าเล่อก็มั่นใจว่า โอสถนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นโอสถจักรวาล!
ข้าต้องเก็บไว้กับตัว มันน่าจะเป็นโอสถเสริมกำลังที่ดีที่สุดในการบรรลุขั้นปราณจากกำเนิดแก่นในไปเป็นจุติวิญญาณ!
ส่วนขุนพลอักขระเวทโบราณนั้น… เหรียญทองแดงทั้งห้าคือขุนพลจริงๆ เสียด้วย แม้จะไม่มีข้อมูลบันทึกเรื่องนี้เอาไว้มาก แต่จากที่อ่านดูในแผ่นหยกสีขาวในกระเป๋าศิษย์สำนักใน หากข้าปลดปล่อยพลังของทั้งห้าเหรียญออกมาได้ ขุนพลแต่ละตนจะมีปราณเทียบเท่าขั้นจุติวิญญาณเลยทีเดียว! หวังเป่าเล่อตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากที่สุด เขาตั้งใจว่าจะต้องศึกษาเรื่องขุนพลอักขระเวทโบราณในเบื้องลึกให้ได้
นอกจากนี้ชายหนุ่มยังอ่านเรื่องอื่นมาด้วยเช่นกัน เขาตัดสินใจว่าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับทรัพย์สินที่หามาได้นี้ หวังเป่าเล่ออ่านเรื่องโอสถหลายชนิดมาคร่าวๆ เขาไม่แน่ใจว่าโอสถส่วนมากมีไว้ใช้ทำอะไร แต่มีสามขวดที่แน่ใจว่าเป็นโอสถสะกดปราณ ที่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในดูดซึมได้!
โอสถเม็ดหนึ่งมีราคาราวสองพันแต้มการรบ และใช้ได้ผลเป็นอย่างดีกับผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน หวังเป่าเล่ออ่านมาจากหนังสือสักเล่มว่าหากกินโอสถสะกดปราณนี้พร้อมโอสถชนิดอื่นเพื่อสะกดผลข้างเคียง จะช่วยรักษาร่างกายให้ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในได้มากทีเดียว
เมื่อคำนวณดูแล้ว เขาพบว่าตอนนี้ตนมีโอสถสะกดปราณราวหกเม็ดอยู่ในครอบครอง ชายหนุ่มกดความต้องการที่จะนำตราประจำตัวไปขึ้นเงินเอาไว้ในใจ ก่อนจะออกจากเกาะสำนักวังเต๋าไพศาลด้วยไฟแรงกล้า
ยังไม่จำเป็นต้องรีบแลกแต้มในตอนนี้ ข้าเพิ่งกลับมาถึงเอง ควรจัดการเรื่องส่วนตัวสักพักก่อน แล้วค่อยไปขึ้นเงินหลังจากนี้ก็ยังได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็รีบออกจากเกาะหลักเพื่อกลับไปยังเกาะเพลิงเขียว
ไม่นานนักภาพของเกาะเพลิงเขียวก็เข้ามาอยู่ในระยะสายตา เมื่อหวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงพลังปราณเข้มข้นที่แผ่ออกจากเกาะของเขา หัวใจก็เอ่อท้นด้วยความสุข เขากลับไปยังถ้ำที่พักของตนเองทันที ก่อนจะปลุกพลังของวงแหวนปราณขึ้นและปิดประตูสนิท หวังเป่าเล่อเข้าไปยังห้องที่เอาไว้ใช้ถือสันโดษ ก่อนหยิบเหรียญทองแดงห้าเหรียญออกมา
ขณะที่กำลังพิจารณาเหรียญทองแดง ประกายประหลาดก็ฉายวาบออกจากแววตาของหวังเป่าเล่อ เขาหยิบแผ่นหยกที่บันทึกเรื่องราวของขุนพลอักขระเวทโบราณออกมาศึกษาดู สามวันต่อมา หวังเป่าเล่อก็วางแผ่นหยกลงพร้อมอาการปวดศีรษะตุบ เขาไม่คุ้นเคยกับข้อมูลของขุนพลเหล่านี้ จึงทำให้ต้องใช้เวลาศึกษาอยู่พักใหญ่
ขุนพลอักขระเวทโบราณมีสามรูปแบบการใช้งานด้วยกัน อย่างแรกคือใช้เป็นสมบัติเวท อย่างที่สองคือเปลี่ยนเป็นทหารเอาไว้ช่วยในการรบแบบเดียวกับหุ่นเชิด อย่างสุดท้ายคือ… รวมขุนพลทุกตนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างวงแหวนปราณที่มีพลานุภาพมหาศาล!
ต้องใช้เหรียญทองแดงครบทั้งห้าเพื่อสร้างวงแหวนปราณที่สมบูรณ์ หวังเป่าเล่อก้มหน้าลงมองเหรียญทองแดง แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความปรารถนา แต่สามวันที่ผ่านมาเขาพยายามหลายต่อหลายครั้งเพื่อปลุกอำนาจของเหรียญทองแดงดู ทว่าก็ไม่เป็นผล อย่างมากก็ทำให้เหรียญหนึ่งเหรียญบินวนรอบกายเหมือนสมบัติเวทเท่านั้น
นี่ไม่ใช่เพราะขั้นปราณของชายหนุ่มไม่สูงพอ แต่เป็นเพราะเขายังไม่เข้าใจธรรมชาติของขุนพลอักขระเวทโบราณอย่างถ่องแท้ แผ่นหยกนี้ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ใช่ทุกคนจะปลุกพลังอำนาจของขุนพลได้ ต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์และความเชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างเพียงพอเท่านั้น
ต่อให้ข้าควบคุมพลังรูปแบบแรกได้ พลังของมันก็ยัง… หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขาใช้ผนึกฝ่ามือเพื่อปลุกเหรียญให้เหาะขึ้นมา ก่อนชะลอตัวลงและบินวนรอบกายเขา ชายหนุ่มโบกมือขวาเพื่อเรียกหุ่นเชิดออกมายืนอยู่เบื้องหน้า ดวงตาของหุ่นเชิดทอแสงวาบ ก่อนพุ่งหมัดตรงเข้าหาหวังเป่าเล่อ
ทันทีที่หมัดนั้นเข้ามาใกล้ เหรียญทองแดงก็บินตรงเข้าไปพยายามสกัดหมัดทันที พวกมันปะทะกัน แสงสายฟ้าสว่างวาบออกจากเหรียญ หุ่นเชิดตัวสั่นเทาก่อนแหลกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและมลายกลายเป็นผุยผงในทันที
ภาพนั้นทำให้หัวใจของหวังเป่าเล่อเต้นแรง เขามองเหรียญทองแดงเบื้องหน้า ดวงตาร้อนผ่าวแดงก่ำ เขาคาดหวังว่าวันหนึ่งตนเองจะควบคุมขุนพลอักขระเวทโบราณได้ทุกรูปแบบ และใช้พลังอำนาจของมันได้อย่างเต็มที่
ในยามที่ข้าเข้าใจขุนพลอักขระเวทโบราณมากขึ้น ข้าก็จะควบคุมเหรียญได้ครบทั้งห้าเหรียญ เมื่อนั้นข้าก็จะปลุกพลังแบบที่สองและสามของมันได้! แม้ตอนนี้จะยังรู้สึกผิดหวังที่ทำไม่ได้ แต่หวังเป่าเล่อก็ยังพอใจในตนเองอยู่พอตัว เขารู้ว่าเรื่องเช่นนี้เร่งรีบกันไม่ได้ ชายหนุ่มเก็บเหรียญกลับไปก่อนหยิบโอสถสะกดปราณออกมาแทน เขามองมันอยู่ชั่วครู่ ก่อนหยิบมากลืนลงไปหนึ่งเม็ด
จากข้อมูลที่อ่านมา โอสถสะกดปราณนี้มีฤทธิ์เยียวยาที่ทรงพลัง โดยปกติแล้วมักใช้ตัวยานี้คู่กับของเหลววิญญาณบางประเภทเพื่อความปลอดภัย แต่หวังเป่าเล่อไม่ได้ใส่ใจ เขาเคยกินโอสถที่ใช้สำหรับผู้มีปราณขั้นจุติวิญญาณเข้าไปแต่ก็รอดมาได้ แค่โอสถสำหรับผู้มีปราณขั้นกำเนิดแก่นในย่อมไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาแน่นอน แล้วก็เป็นจริงเสียด้วย ฤทธิ์ยาอาจทำให้คนอื่นเสียศูนย์ แต่หวังเป่าเล่อมีร่างกายแข็งแกร่งทนทาน มีแก่นในแห่งความมืดและแก่นในอัสนีอยู่ในตัว ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีระเบิดความร้อนปะทุอยู่ในกายทันทีที่ยาตกถึงท้อง แต่พลังงานมหาศาลนั้นก็ดูดซึมเข้าร่างของเขาไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ตามมาคือความก้าวหน้าเล็กน้อยในขั้นปราณ หลายชั่วโมงหลังจากนั้น หวังเป่าเล่อก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง และรู้สึกได้ว่าขั้นปราณของตนพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มรีบกลืนยาเม็ดที่สองและสามด้วยความตื่นเต้น สองวันต่อมา ตอนที่หวังเป่าเล่อดูดซึมยาเม็ดสุดท้ายเข้าไปเรียบร้อย ระเบิดสายฟ้าก็ดังกึกก้องสะท้อนออกจากเนื้อตัว สายฟ้าที่เป็นผลจากการฝึกกระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างรอบกาย และทวีความทรงพลังขึ้นอีก สายฟ้านั้นเลื้อยเกี่ยวทั่วร่างของหวังเป่าเล่อ ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มดูเหมือนสร้างด้วยสายฟ้า อันเป็นภาพที่ตื่นตกใจอย่างยิ่ง
ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็บรรลุปราณกำเนิดแก่นในขั้นต้นชั้นสมบูรณ์ อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะก้าวไปสู่ขั้นกลาง!
พัฒนาการอันรวดเร็วเช่นนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยในสหพันธรัฐ หวังเป่าเล่อบรรลุปราณจากขั้นรากฐานตั้งมั่นมาเป็นขั้นกำเนิดแก่นในในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ชายหนุ่มชื่นชมความก้าวหน้าของตนเองอย่างมาก ก่อนจะถอนหายใจยาว
ข้าเชื่อมาตลอดว่าตนเองได้รับพรจากเทพีแห่งโชคลาภตอนที่อยู่บนดาวโลก แต่เมื่อข้าไปถึงดาวอังคาร จึงรู้ว่าตนเองนั้นคิดผิดไป ความจริงแล้วเทพีแห่งโชคลาภมอบพรแห่งความเจริญรุ่งเรืองให้ข้าบนดาวอังคารต่างหาก แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าตนเองคิดผิดมาตลอดชีวิต ข้าเป็นบุตรแห่งโชคลาภบนกระบี่สำริดเขียวโบราณนี้ต่างหากเล่า! ชายหนุ่มกำลังอิ่มเอมใจกับความยอดเยี่ยมของตน เขาหยิบโอสถที่เหลือมาสำรวจดูว่าตนเองกินเม็ดไหนอีกได้บ้าง แต่ก็เหลือบไปเห็นศพหนึ่งในกระเป๋าเสียก่อน อารมณ์ดีของเขาดิ่งวูบลงทันที สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
มีพันธุ์กล้าสหพันธรัฐเสียชีวิต หวังเป่าเล่อถอนหายใจยาว ก่อนเงียบอยู่เป็นเวลานาน เขาหยิบแผ่นหยกเครือข่ายวิญญาณประจำพื้นที่ออกมา คิดอยู่สักพัก ก่อนตัดสินใจแจ้งข่าวให้ทุกคนในห้องสนทนากลุ่มทราบ
“ถึงสหายเต๋าจากสหพันธรัฐทุกคน ฟางมู่… เสียชีวิตแล้ว ข้าจะเขียนรายงานส่งสหพันธรัฐด้วยตนเอง ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวและรักษาตนให้อยู่รอดปลอดภัยด้วย”
ประกาศของหวังเป่าเล่อทำให้ห้องสนทนากลุ่มที่มีชีวิตชีวาอยู่เสมอเงียบกริบลงด้วยข่าวแห่งความตาย ไม่มีใครพูดคุยกันต่อ เนื่องจากกำลังตกใจกับข่าวร้ายอันไม่คาดคิด ความเงียบงันเข้าเกาะกุมจิตใจและร่างกายของพันธุ์กล้าสหพันธรัฐทุกคน