หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 525 เคลื่อนย้ายหายวับ!
ทันทีที่อักษรเหล่านั้นปรากฏขึ้น เสียงบทสวดก็ลอยออกมาจากผนังแห่งนั้น อักขระบนกำแพงส่งพลังรุนแรงแผ่ซ่าน ราวกับคำพูดเหล่านั้นคือกฎแห่งจักรวาลที่ทำให้จิตใจผู้ที่ได้เห็นปั่นป่วนด้วยความรู้สึกปรารถนาแรงกล้า เหมือนกำลังจะได้รางวัลแสนล้ำค่าไว้ในครอบครอง คำพูดนั้นส่งแรงดึงดูดให้ผู้รับสาสน์เดินเข้าไปใกล้
หวังเป่าเล่อเผลอใจไปชั่วครู่ แต่ในตอนที่เขากำลังจะเข้าไปดูใกล้ๆ นั้น แก่นในแห่งความมืดภายในกายของเขาก็สั่นกะทันหัน ราวกับเป็นสัญญาณเตือนที่สะเทือนอยู่ในสมอง ชายหนุ่มชะงักทันที รับรู้ได้ถึงอันตรายที่ร่างกายสัมผัสได้แต่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูด
มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล หากศิษย์สืบทอดผู้นี้ตายโดยสาเหตุธรรมชาติ และทิ้งผลงานที่ทุ่มเทมาทั้งชีวิตเอาไว้ให้ชนเบื้องหลังก็คงสมเหตุสมผล แต่สำนักวังเต๋าไพศาลถูกทำลายด้วยน้ำมือของตระกูลไม่รู้สิ้น ศิษย์ส่วนใหญ่เสียชีวิตลงในสงครามกับตระกูลไม่รู้สิ้นนี้ หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเขาจึงทิ้งผลงานของตนเองเด่นหราไว้เช่นนี้เล่า เขาไม่กลัวว่าความพยายามตลอดชีวิตของตนเองจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลไม่รู้สิ้นหรือ หวังเป่าเล่อไม่มั่นใจกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่ก็ไม่ลังเลที่จะล่าถอยทันที
เขารู้ดีว่าจะต้องระวังมากกว่าปกติหลายเท่าเมื่ออยู่ในตัวกระบี่ เนื่องจากมีอันตรายซ่อนตัวอยู่ทุกหนแห่ง หากพลั้งพลาดไปนิดเดียวอาจหมายถึงชีวิตได้
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงรีบหนีออกจากถ้ำที่พัก พร้อมตะโกนเรียกสหายทั้งสองไปด้วย จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงรีบออกมาทันที พวกเขาไม่มีเวลาได้คุยกัน ทุกคนรีบหนีออกจากยอดเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เวลาราวยี่สิบลมหายใจผ่านไปแล้วตั้งแต่พวกเขาเข้าเขตภูเขามา มีเวลาเหลือเพียงพอให้หนีเอาตัวรอด ทั้งสามระเบิดความเร็วออกเต็มพิกัด จนกลายสภาพเป็นสายรุ้งสามเส้นที่เคลื่อนที่อยู่บนท้องฟ้า พวกเขาเหาะออกจากยอดเขาและกำลังจะจากเขตภูเขาไปในที่สุด
พื้นที่นอกเขตภูเขาเข้มข้นด้วยพลังปราณมหาศาล อันเป็นสัญญาณว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศกำลังจะเกิดขึ้น ผลข้างเคียงจากการเข้าปะทะกับวงแหวนปราณคำสาปเร่งกระบวนการนี้ให้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ผืนดินบริเวณนี้กำลังจะย้ายที่อีกครั้ง
ทั้งสามรู้สึกได้ว่ากระแสปราณมหาศาลรอบกายกำลังปั่นป่วน กระบวนการเคลื่อนย้ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“หนีให้เร็วที่สุด! เราทำได้แน่!” หวังเป่าเล่อคำราม เขาปล่อยพลังปราณของตนเองออกเต็มพิกัด และกำลังจะกระโจนออกจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด
ในตอนนั้นเอง เสียงระเบิดดังก้องจนแก้วหูแทบดับก็ปะทุออกจากยอดเขาเบื้องหลัง ถ้ำที่พักบนยอดเขาบิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยอง ผนังถ้ำกลายสภาพเป็นเลือดสีแดงฉานและเนื้อหนังที่กำลังเต้นตุบๆ ก่อนกลายสภาพเป็นปากอ้ากว้างขนาดมหึมา!
แรงดูดมหาศาลระเบิดออกจากปากโชกเลือด ดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าเข้าไปภายใน ตำหนักบนยอดเขาเริ่มพังทลายกลายเป็นชิ้นๆ ก่อนจะหายเข้าไปในปาก วงแหวนปราณคำสาปก็แหลกสลายเป็นผุยผง และถูกปากยักษ์กลืนกินเข้าไปเช่นกัน
ปากขนาดมหึมานั้นเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในเกือบชัดเจน ด้านหลังปากคือผนังที่หวังเป่าเล่อพบก่อนหน้านี้ พลังน่าเกรงขามที่ผนังแผ่ออกมาเมื่อครู่ก่อนสลายหายไปแล้ว กลับกลายเป็นความบ้าคลั่งแปลกประหลาดเข้ามาแทนที่ ผู้ที่ทิ้งคำพูดเหล่านั้นไว้คงโกรธเกรี้ยวเคียดแค้นถึงขีดสุด จึงทิ้งเอาคำสาปเลวร้ายนี้ไว้เพื่อกัดกินใครก็ตามที่อาจหาญบุกรุกเข้ามา
มรดกยิ่งใหญ่ที่ทิ้งไว้ให้ชนรุ่นหลังล้วนเป็นเรื่องโกหก มันเป็นกับดักชิ้นใหญ่ที่เอาไว้ล่อลวงและลอบฆ่าผู้บุกรุก หมายกลบฝังใครก็ตามที่อาจหาญเข้ามาด้วยดินทรายของถ้ำที่พักแห่งนี้!
ยอดเขาทั้งหมดกลายเป็นสีแดงก่ำทันที!
ภาพความเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้สหายทั้งสามตกใจสุดขีด พลังปราณของพวกเขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานแรงดูดไหว จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงเริ่มกระอักเลือดออกจากปาก ทั้งสองเซถลาตามแรงดูด พลังปราณภายในกายต้านทานแรงมวลมหาศาลไม่ไหว จึงพวยพุ่งออกจากร่าง ปั่นป่วนหมุนวนกลายเป็นไอหมอกที่ถูกดูดเข้าหาปากถ้ำ
หวังเป่าเล่อมีปราณขั้นกำเนิดแก่นในจึงพอสู้กลับได้บ้าง แต่เขาก็ยังไม่ทรงพลังพอที่จะต้านแรงดูดนั้นไว้ จึงเคลื่อนตัวเข้าใกล้ปากอาบเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าชะตากรรมของตนเองและผองเพื่อนคงหนีไม่พ้นการโดนดูดเข้าไปในปากสยองนั้นเป็นแน่ ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตาย หวังเป่าเล่อก็คำรามร้อง พร้อมปล่อยพลังของเมล็ดดูดกลืนเต็มพิกัด เขาพยายามใช้แรงต้านแรง และคว้าตัวจั่วอี้ฟานกับเจ้าเยี่ยเหมิงไว้ แต่ดูท่าแล้วก็ทำได้เพียงชะลอการโดดกลืนกินให้ช้าลงเท่านั้น
ต่อให้เขาไม่ได้แบ่งกำลังมาช่วยเจ้าเยี่ยเหมิงและจั่วอี้ฟาน ต่อให้เขามีเมล็ดดูดกลืนอยู่ภายในกาย แต่พลังดูดจากกับดักนี้รุนแรงเกินไป หนีอย่างไรก็ไม่มีวันพ้น ทั้งสามรู้สึกได้ถึงเงาแห่งความตายที่ทอดยาวอยู่บนตัวและกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกที จุดจบของลมหายใจกำลังจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของทุกคน
“เป่าเล่อ ที่นี่กำลังจะเคลื่อนย้ายตัวเองไปได้ทุกเมื่อ ใช้พลังทั้งหมดที่เจ้ามีโจมตีแผ่นหยกที่ข้ากำลังจะโยนออกมาเสีย มันจะเร่งกระบวนการเคลื่อนย้ายให้เร็วขึ้นอีก พลังปราณจากการเคลื่อนย้ายจะช่วยให้เราต้านแรงดูดได้ หากข้าคิดถูก พลังของคำสาปรวมถึงแรงดูดนี้จะหายไปทันทีที่ภูเขาย้ายที่ มีแค่ทางนี้เท่านั้นที่อาจทำให้เรารอดตายได้!”
“อี้ฟาน เจ้าก็ช่วยด้วย! เราต้องทำให้ทั้งหมดระเบิดพร้อมกัน!” เจ้าเยี่ยเหมิงมีสภาพย่ำแย่ไม่เป็นท่า แต่ก็ยังครองสติเอาไว้ได้ นางพูดอย่างรวดเร็ว ก่อนหยิบแผ่นหยกออกมากว่าร้อยแผ่นและโยนขึ้นไปในอากาศทันที!
หากเป็นในยามปกติ เจ้าเยี่ยเหมิงคงทำให้แผ่นหยกทั้งหมดระเบิดพร้อมกันได้ แต่ตอนนี้พลังปราณของนางเหือดหายไปแทบสิ้นจากแรงดูด นางจึงทำได้มากที่สุดก็เพียงเปิดกำไลคลังเวทเท่านั้น
แผ่นหยกมีมากมายหลากหลายสีสัน ทุกแผ่นอัดแน่นด้วยอักขระวงแหวนปราณที่สลักอยู่ แผ่นหยกเหล่านี้คือผลของการฝึกฝนวิชาวงแหวนปราณตลอดเวลาหลายปีของเจ้าเยี่ยเหมิง เป็นผลงานจากพรสวรรค์โดยกำเนิด และกายาวิญญาณที่นางมีติดตัวมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก แผ่นหยกหลากสีนี้คือแก่นวงแหวนปราณ เมื่อแตกสลายจะกลายสภาพเป็นวงแหวนปราณตามอักขระที่สลักเอาไว้ และเมื่อวงแหวนปราณนับร้อยนี้ซ้อนทับกันจะช่วยเพิ่มพลังให้กันและกันได้ ถือเป็นไพ่ตายของนางในการต่อกรกับศัตรู
หวังเป่าเล่อรู้ว่ามีเวลาเหลือไม่มาก ทันทีที่เจ้าเยี่ยเหมิงโยนแผ่นหยกขึ้นไปในอากาศ ชายหนุ่มก็กัดฟันรวบรวมพลังปราณที่กำลังเหือดหายออกจากร่าง เพื่อปลุกแก่นในอัสนีภายในกายตนให้ทำงาน กระแสไฟฟ้าพวยพุ่งออกจากร่างของเขา มุ่งหน้าเข้าไปหาแผ่นหยกเหล่านั้น แก่นในแห่งความมืดของเขาก็สั่นไหวพร้อมกัน เปลวไฟสีดำเยือกเย็นระเบิดออกจากร่าง เข้าปะทะแผ่นหยกหลากสีในอากาศ
แต่พลังดูดกลืนก็ทรงพลังเกินไป แม้เจ้าเยี่ยเหมิงจะโยนแผ่นหยกไปทางหวังเป่าเล่อ แต่ยังมีหลายแผ่นที่กระจัดกระจายออกไปตามแรงดูด และพุ่งเข้าหาปากทางเข้าถ้ำ หวังเป่าเล่อไม่สามารถทำลายทุกชิ้นให้ระเบิดพร้อมกันได้
จั่วอี้ฟานหายใจถี่ ทันทีที่เห็นโอกาสรอดเดียวของพวกเขากำลังสลายหายไปต่อหน้าต่อตา ดวงตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เจือด้วยความบ้าคลั่งและความเด็ดเดี่ยวดุร้าย เส้นเลือดทั่วร่างกายของเขาขยายออกพร้อมกัน จนเนื้อตัวพองโตน่าพรั่นพรึง ชายหนุ่มร้องคำราม หน้าผากปริออกเป็นช่องโหว่ พร้อมด้วยพลังชั่วร้ายที่พวยพุ่งออกจากรอยแยกบนหน้าผากนั้น มันก่อตัวเป็นลำแสงเข้มสีโลหิตที่พุ่งเข้าหาแผ่นหยกที่เหลืออยู่!
หากมองใกล้ๆ จะเห็นว่ามีกระบี่บินสีโลหิตอยู่ในลำแสงสีโลหิต มันอัดแน่นด้วยไอแห่งความชั่วร้ายโหดเหี้ยม นี่คือ… พลังของนักรบสงครามโลหิต ที่เติบโตอยู่ภายในกายของจั่วอี้ฟานตลอดเวลาที่ผ่านมา!
ทันทีที่นักรบสงครามโลหิตปรากฏกาย เลือดก็ทะลักออกจากปากของจั่วอี้ฟานเหมือนเขื่อนแตก นัยน์ตาดำของชายหนุ่มหายไปหมดสิ้น ดวงตาทั้งดวงกลายเป็นสีเลือด ร่างของเขาสั่นเทิ้มก่อนหดตัวลงต่อหน้าต่อตาหวังเป่าเล่อและเจ้าเยี่ยเหมิง พลังของนักรบสงครามโลหิตนั้นแข็งแกร่งมาก กระบี่โลหิตร่วมกับพลังของหวังเป่าเล่อ กำจัดแผ่นหยกที่เล็ดลอดไปได้เกือบหมด
ยังมีแผ่นหยกเล็ดรอดอยู่อีกราวหนึ่งโหล แผ่นหยกที่ระเบิดแล้วก่อตัวเป็นวงแหวนปราณติดๆ กันเหมือนประทัดระเบิด ราวกับเป็นกำแพงเขื่อนน้ำเต็มที่กำลังโดนทำลายให้เกิดรู พื้นที่รอบกายพวกเขาเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง ผืนดินสั่นสะเทือน พลังปราณรอบกายเข้มข้นขึ้น และตอนนั้นเองกระบวนการเคลื่อนย้ายก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน!
ทะเลเพลิงปั่นป่วนบ้าคลั่ง เสียงระเบิดดังก้องกัมปนาทอยู่ในอากาศ พลังรุนแรงเกินจินตนาการเปลี่ยนสภาพเป็นพายุหมุนเกรี้ยวกราด ครอบคลุมบริเวณหลายพันกิโลเมตร กระทั่งพลังดูดจากปากถ้ำยังบิดเบี้ยว และถูกกลืนกินด้วยพลังของการเคลื่อนย้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น พลังดูดกลืนพร้อมด้วยปากถ้ำต้นเรื่องต้านทานความรุนแรงของการเคลื่อนย้ายไม่ไหว จนเริ่มถล่มทลายลง
พายุปราณบ้าคลั่งหมุนวนเป็นเกลียว พร้อมด้วยสายฟ้าพิฆาตที่ระเบิดออกจากภายใน กระแสปราณรุนแรงพวยพุ่งไปทั่วบริเวณ ยอดเขา ถ้ำที่พัก และทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีหลายพันกิโลเมตรของพายุหายวับไปในพริบตา!
สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือปากปล่องขนาดมหึมาที่รายล้อมไปด้วยทะเลเพลิง เพลิงอเวจีจะไหลบ่าเข้าท่วมปากปล่องนั้นจนมิด ราวกับว่าไม่เคยมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในบริเวณนั้นมาก่อน สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ คือร่องรอยของพลังปราณที่บ่งบอกว่าการเคลื่อนย้ายเพิ่งอุบัติขึ้นในบริเวณนี้…
แม้จะดูน่าตกใจ แต่การเคลื่อนย้ายลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยมากในบริเวณตัวกระบี่ พื้นดินเปลี่ยนที่ ภูมิทัศน์แปรผันภายในเวลาไม่กี่วัน ทุกหย่อมหญ้าบนตัวกระบี่ไม่อาจหลีกหนีการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ นอกจากทะเลเพลิงที่ไหม้โหมแล้ว ทุกสรรพสิ่งบนตัวกระบี่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เหมือนกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง!
การเคลื่อนย้ายนี้ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์โดยสิ้นเชิง สำนักวังเต๋าไพศาลเคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อน และพบว่าบางทีพื้นที่ที่ถูกเคลื่อนย้ายก็ไปโผล่ที่หลายกิโลเมตรถัดไป แต่บางที… ก็หายไปยังดินแดนที่ไม่เคยมีใครหาเจออีกเลย
จากการคาดการณ์ พื้นที่ที่ถูกเคลื่อนย้ายไปนั้น อาจไปปรากฏที่แห่งหนใดก็ได้บนตัวกระบี่อันกว้างใหญ่ไพศาลเท่าดวงอาทิตย์นี้!