หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 543 กงเต๋ามาเยี่ยมเยือน!
หวังเป่าเล่อยกยอแม่นางน้อยอีกยกใหญ่หลังจากได้ยินเสียงตอบกลับ ก่อนจะเอ่ยถามถึงวิธีฝึกจิตสัมผัสวิญญาณ พอได้ยินคำถามจากชายหนุ่ม นางก็หยุดคิดไปพักหนึ่ง จากนั้นก็บอกว่ามีวิธีอยู่แต่จะทำให้ร่างกายไร้เรี่ยวแรงไปหมด
นางไม่แนะนำให้ใช้วิธีการเหล่านี้ แต่ก็เสนอวิธีอื่นให้แทน
“เจ้าเคยไปที่ดวงเนตรแห่งวิชาไม่รู้สิ้น หนึ่งในดินแดนแห่งสัมผัสทั้งห้าในสำนักวังเต๋าไพศาลมาแล้ว ครั้งหน้าที่เจ้าจะเข้าไปในตัวกระบี่ ข้าจะลองช่วยเจ้าหาดินแดนแห่งการได้ยินดู ข้าจำได้ว่าโสตแห่งเต๋าที่นั่นจะช่วยเสริมจิตสัมผัสวิญญาณของผู้ที่ได้ยินเป็นครั้งแรกได้”
“ดินแดนแห่งการได้ยินหรือ” หวังเป่าเล่อตาเป็นประกาย แต่ตัวกระบี่ก็เป็นสถานที่แสนจะอันตราย แม้จะมีแม่นางน้อยคอยช่วย ก็ยังต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางอยู่ดี
หลังจากครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มก็ตัดสินใจฝึกวิชาต่อไปก่อน พอจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่ได้มารอบก่อนหมดแล้วจึงจะออกเดินทางไปยังตัวกระบี่อีกครั้ง เขาพักเรื่องการฝึกจิตสัมผัสวิญญาณและหันมาทุ่มฝึกกระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงและวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิ
ส่วนเรื่องการหลอมอาวุธเวทระดับแปดนั้น แม้จะไม่รุดหน้าไปไหน แต่หวังเป่าเล่อก็ได้หอกอาวุธเวทระดับเก้าที่เสียหายมาจากการผจญภัยรอบก่อน หลังจากศึกษาก็พบว่าสามารถซ่อมแซมได้แค่บางส่วน ไม่สามารถซ่อมได้สมบูรณ์เนื่องจากระดับจิตสัมผัสวิญญาณยังไม่สูงพอ แต่ก็น่าจะสามารถซ่อมจนใช้งานได้เหมือนเป็นอาวุธเวทระดับแปด
ยังมีสูตรหลอมอาวุธเทพอยู่อีก…แต่อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้นดีกว่า ไว้หลอมอาวุธเวทระดับแปดได้สำเร็จค่อยกลับมาศึกษาเรื่องนี้ ชายหนุ่มสูดหายใจลึกทำสมองให้โล่งและเริ่มฝึกวิชาต่อพร้อมกับซ่อมหอกอาวุธเวทไปด้วย
ครึ่งเดือนผ่านไป หวังเป่าเล่อและพันธุ์กล้าคนอื่นๆ ใช้ชีวิตในสำนักวังเต๋าไพศาลมาเกือบปีแล้ว
ตามข้อตกลงระหว่างสหพันธรัฐกับเฟิ่งชิวหรัน พอผ่านไปหนึ่งปี ผู้ฝึกตนกลุ่มที่สองจากสหพันธรัฐก็จะขึ้นมาฝึกวิชาบนสำนักวังเต๋าไพศาล
หนึ่งปีที่ผ่านมา หวังเป่าเล่อและพันธุ์กล้ากลุ่มแรกพัฒนาระดับการฝึกตนไปได้เยอะมาก เจ้าเยี่ยเหมิงได้บรรลุไปขั้นกำเนิดแก่นใน ส่วนจั่วอี้ฟานได้บรรลุไปขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ คนอื่นๆ ได้เรียนรู้อะไรมากมายและได้บรรลุขั้นการฝึกตนด้วยเช่นกัน ส่วนกงเต๋านั้น…
ตอนที่หวังเป่าเล่อ เจ้าเยี่ยเหมิง และจั่วอี้ฟานเดินทางไปยังตัวกระบี่ กงเต๋านั้นติดทำภารกิจกับกลุ่มอื่นอยู่ ทำให้ไม่สามารถร่วมเดินทางไปกับพวกเขาได้ จึงพลาดโอกาสได้รับวิชาสืบทอดในดวงเนตรแห่งวิชาไม่รู้สิ้น แต่ก็เหมือนว่าเขาจะได้รับโอกาสทองอื่นมาเช่นกัน แม้จะไม่ได้ดีเท่าสิ่งที่เจ้าเยี่ยเหมิงและจั่วอี้ฟานได้มาในดวงเนตรแห่งวิชาไม่รู้สิ้น แต่ชายหนุ่มก็บรรลุไปขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ อีกขั้นเดียวก็จะบรรลุไปขั้นกำเนิดแก่นใน!
ขั้นที่ว่านี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าประตู เตรียมจะก้าวข้ามไป เหลือเพียงหาทางเตะประตูให้เปิดออกเท่านั้น กงเต๋ารู้ว่าเรื่องเช่นนี้จะรีบร้อนไปก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็ได้มาเยี่ยมเยือนหวังเป่าเล่อ
เขาไม่ได้มาด้วยเรื่องการบรรลุขั้นการฝึกตน แต่มาเพราะเรื่องอื่นที่ต้องการให้อีกฝ่ายช่วย
หวังเป่าเล่อให้การต้อนรับกงเต๋าอย่างอบอุ่น เขาเลิกถือสันโดษและออกมานั่งจ้องกงเต๋าบนที่นั่งในถ้ำที่พัก อีกฝ่ายดูแตกต่างไปจากตอนที่อยู่ในสหพันธรัฐ ดวงตาของหวังเป่าเล่อลุกวาว
ชายหนุ่มคิดมาตั้งแต่ต้น ว่าถ้าให้เลือกใครสักคนในพันธุ์กล้าสหพันธรัฐกลุ่มนี้ที่จะเจริญรุ่งเรืองในสำนักวังเต๋าไพศาล กงเต๋าจะเป็นตัวเลือกแรก นั่นเพราะ…กงเต๋าเกิดในท้องทะเลแห่งอสูร ถือได้ว่าเป็นครึ่งอสูร
เขาเอาตัวรอดบนดาวอังคารด้วยลำแข้งของตัวเองตั้งแต่ยังเด็กและอ่อนแอ ประสบการณ์ที่เคยประสบพบเจอได้ลับคมสัญชาตญาณการเอาตัวรอดและการพึ่งพาตนเองของกงเต๋าขึ้นมา ชายหนุ่มพยายามเก็บซ่อนรังสีสังหารที่แผ่ออกมาตอนอยู่ในสหพันธรัฐ แต่เมื่ออยู่ในสำนักวังเต๋าไพศาล เขาก็ไม่คิดเก็บซ่อนมันอีกต่อไป กงเต๋าในชุดคลุมเต๋าเป็นดังกระบี่แหลมคมที่ถูกดึงออกมาจากฝัก!
ผู้ฝึกตนของสำนักวังเต๋าไพศาลไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเขาเพราะสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารรอบตัว พวกเขารู้ได้ว่ามือของชายผู้นี้เปื้อนเลือดมาแล้วนักต่อนัก
เพราะเหตุนี้ชายหนุ่มจึงเริ่มดึงดูดคนนิสัยคล้ายกันเข้ามา กลุ่มปฏิบัติภารกิจรอบก่อนก็คือกลุ่มคนเหล่านี้ กงเต๋าเก็บตัวเงียบมาโดยตลอดเกือบปีที่ผ่านมา แต่ก็แอบสร้างกลุ่มพันธมิตรและเส้นสายขึ้นมาภายในสำนักวังเต๋าไพศาล
กงเต๋ารู้ดีว่าทุกคนในกลุ่มไม่สามารถนับว่าเป็นเพื่อนแท้ได้ หากตนยังแข็งแกร่งก็คงไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น แต่เมื่อไหร่ที่อ่อนแอขึ้นมาก็คงไม่พ้นถูกกลืนกินทั้งเป็น
นั่นเพราะ…ชายหนุ่มเองก็ทำเช่นเดียวกันนี้ในสำนักวังเต๋าไพศาล!
ตอนนี้กงเต๋านั่งอยู่หน้าหวังเป่าเล่อ แม้ภายนอกจะดูเย็นชาและห่างเหิน แต่เห็นได้ชัดว่าผ่อนคลายอยู่มาก ดวงตาของชายหนุ่มไม่ได้ดูเย็นชาเหมือนยามปกติ หลังจากหยุดคิดสักพัก เขาก็เอ่ยขึ้น
“เป่าเล่อ ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วย!”
หวังเป่าเล่อมีท่าทีจริงจังขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมแต่ก็พยักหน้าให้การยืนยันที่จะช่วย
กงเต๋าผุดยิ้มขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายยินยอมให้การช่วยเหลือโดยไม่หยุดคิดหรือเอ่ยถามอะไรแม้แต่น้อย เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ข้าใช้เรือวิญญาณที่เจ้าให้ยืมมาไปปฏิบัติภารกิจสองสามภารกิจที่ผ่านมา และบังเอิญไปเจอถ้ำใต้ทะเลเพลิง…ถ้ำนี้มีคำสาปคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีใครเลยนอกจากข้าที่ค้นพบมันเพราะมันอยู่ในที่ลับตา
“ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา…ข้ามีโอกาสได้แอบสำรวจถ้ำแห่งนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นตลอดสองสามเดือน ข้าจึงมั่นใจว่าไม่มีใครเคยค้นพบถ้ำนี้อย่างแน่นอน
“ข้าพยายามถอนคำสาปแต่ก็ยากเกินกว่าจะทำได้คนเดียว เป่าเล่อ ถ้าเราร่วมมือกันก็น่าจะสำเร็จได้ ระดับการฝึกตนเจ้าก็สูงกว่าข้า เพราะอย่างนั้นทุกอย่างที่เจอในถ้ำ เจ้าจะได้…”
“เราจะแบ่งกันคนละครึ่ง!” หวังเป่าเล่อโบกมือปัด เขารู้ว่ากงเต๋าจะพูดอะไร อีกฝ่ายคงคิดอยากจะให้ส่วนแบ่งก้อนใหญ่กับเขา หากเป็นคนอื่น ชายหนุ่มคงจะตกลงตามนั้น แต่กงเต๋านั้นเป็นพี่น้อง แม้จริงๆ แล้วตนควรจะได้ส่วนแบ่งมากกว่า แต่เขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
กงเต๋าจ้องหวังเป่าเล่อก่อนจะส่ายหัวพร้อมหัวเราะขึ้น รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาบอกทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับถ้ำให้อีกฝ่ายฟังอย่างหมดเปลือก หลังจากคุยกันสักพัก ทั้งสองก็ลงความเห็นว่าจะล่าช้าไปกว่านี้ไม่ได้ จึงออกจากถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อและทะยานขึ้นฟ้ายามราตรีในทันที
พวกเขาขับเรือวิญญาณดำลงทะเลอย่างรวดเร็วโดยมีกงเต๋าคอยนำทาง สองชั่วโมงผ่านไป ทั้งคู่ก็มาถึงซากปรักหักพังแห่งหนึ่งใต้ทะเลเพลิง
ทั่วพื้นที่ถูกทำลายย่อยยับ มีรอยแตกมากมายอยู่ตามพื้นดินก้นทะเล เห็นได้ชัดว่าก่อนทะเลเพลิงท่วมใส่ ที่แห่งนี้เคยเป็นสนามรบระหว่างผู้ฝึกตนที่เก่งกาจ อาจเรียกได้ว่าเป็นสนามรบโบราณ มีโครงกระดูกมากมายกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ส่วนใหญ่ถูกค้นหาสิ่งของไปหมดแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่ของไร้ค่า
“ที่นี่แหละ เป่าเล่อ ตามข้ามา” หลังจากส่งข้อความเสียงจากในเรือวิญญาณเสร็จ กงเต๋าก็ขับเรือพุ่งไปข้างหน้าและขับวนรอบสนามรบอยู่สักพัก จากนั้นก็ขับเข้าไปในรอยแตกแห่งหนึ่งที่อยู่รอบๆ รอยแตกน้อยใหญ่มากมาย หวังเป่าเล่อขับตามหลังเข้าไปสักพัก ไม่นานกงเต๋าก็ลงจากเรือและรีบว่ายแหวกความร้อนเผาไหม้เข้าไปกดฝ่ามือลงบนผนังที่อยู่ข้างตัว
ผนังพลันบิดเบี้ยวก่อนจะปรากฏรอยแตกขึ้น กงเต๋ารีบกลับขึ้นเรือวิญญาณ จากนั้นก็ขับผ่านรอยแตกเข้าไป
หวังเป่าเล่อมองกงเต๋าเปิดรอยแตกบนผนังหลายแห่งด้วยความตื่นตกใจ รอยแตกที่เปิดออกค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมหลังจากที่ทั้งสองผ่านเข้าไป
เขาหาที่นี่เจอได้อย่างไร หวังเป่าเล่อขับตามหลังไปด้วยสีหน้าฉงนใจ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงส่วนลึกสุดของซากสนามรบและพบถ้ำแห่งหนึ่ง!
ภายในถ้ำปราศจากลาวา รอบกายมีแต่ความมืดมิด เบื้องหน้ามีประตูหินขนาดใหญ่อยู่หนึ่งบาน!
ด้านนอกประตูมีรูปปั้นลักษณะคล้ายค้างคาวอยู่สองตัว ตัวหนึ่งไม่มีหัว ตรงอกมีรอยลึกขนาดใหญ่ อีกตัวยังมีสภาพสมบูรณ์ รูปปั้นทั้งสองยืนนิ่งอยู่ข้างประตู
“ที่นี่แหละ ข้าเจอเข้าตอนไล่ตามหนูเพลิงนรกมา ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นรังของหนูเพลิงนรก” เหมือนกงเต๋าจะสัมผัสได้ว่าหวังเป่าเล่อคิดอะไรอยู่ จึงอธิบายขึ้นว่าเจอสถานที่นี้ได้อย่างไร เขาชี้ไปที่ประตูหินบานใหญ่
“ประตูนี้มีคำสาปอยู่ จากที่ลองดูก่อนหน้านี้ ต้องใช้พลังมากในการเปิด ทันทีที่พยายามเปิดประตู เรามีเวลาประมาณสิบชั่วลมหายใจก่อนที่รูปปั้นจะมีชีวิตขึ้นและลงมือจู่โจมผู้บุกรุก!”
“ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้รูปปั้นพวกนี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่ตอนนี้พวกมันมีพลังเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลาย ข้าเผลอฟื้นชีพมันรอบที่แล้วแต่ก็หนีมาได้ด้วยสมบัติเวทช่วยชีวิตที่ได้มาจากพ่อบุญธรรม” กงเต๋าสูดหายใจลึกจากนั้นจึงหันมองหวังเป่าเล่อ แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
“บอกทีว่าข้าควรทำเช่นไร”