หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 545 ปกป้องและเสริมพลัง!
ทันทีที่ประตูหินเปิดออก ปราณวิญญาณก็พวยพุ่งออกมา ผืนดินรอบกายสั่นสะเทือน ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในส่วนลึกสุดของสนามรบโบราณ สนามรบแห่งนี้เชื่อมกับประตูหิน เมื่อประตูเปิดออก สนามรบโบราณก็เริ่มสั่นไหวจนดูเหมือนจะทลายลง ทะเลเพลิงรอบๆ ปั่นป่วนและกระจายออกเป็นวงกว้าง
แม้พวกเขาจะไม่สามารถสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงด้านนอก แต่หวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ดูเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอาจจะดึงความสนใจจากศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลคนอื่นๆ ที่อยู่ในทะเลเพลิงได้
ที่นี่เป็นบริเวณไกลผู้คน แถมยังดึกแล้วด้วย…ขอให้ไม่มีใครอยู่แถวนี้ทีเถอะ! ขณะที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก แสงสีแดงในตาค้างคาวพลันกะพริบ จากนั้นก็ค่อยๆ จางสีลง มันกลับกลายเป็นรูปปั้นหินอีกครั้งก่อนจะหล่นลงพื้นเสียงดัง
เหมือนกับว่าค้างคาวได้ล้มเลิกการป้องกันประตูไปแล้ว ประตูหินที่เปิดออกเป็นสัญญาณกันไม่ให้มันเข้ามายุ่ง
หวังเป่าเล่อยังไม่วางใจ เขาโบกมือเรียกร่างอวตารออกมาปรากฏที่ข้างรูปปั้นหิน จากนั้นก็หันไปมองประตูหินด้านหลัง ปราณวิญญาณที่พวยพุ่งออกมาหนาแน่นเกินจะวัดประเมินได้
ปราณวิญญาณแผ่กระจายไปรอบๆ เขาดูดซับเข้าร่างไปบ้างโดยไม่รู้ตัวส่งผลให้พลังปราณในกายหมุนวนรุนแรงยิ่งขึ้น ชายหนุ่มตื่นตะลึงไป ปราณวิญญาณในสำนักวังเต๋าไพศาลนั้นหนาแน่นและเข้มข้นกว่าในสหพันธรัฐหลายเท่า หากจะบอกว่ามันหนาแน่นกว่าปราณวิญญาณในสหพันธรัฐหลายสิบหลายร้อยเท่าก็ไม่ได้เกินจริงไปแม้แต่น้อย
ทว่าปราณวิญญาณที่พวยพุ่งออกมาจากประตูหินนั้นเข้มข้นกว่าปราณวิญญาณในสำนักวังเต๋าไพศาลประมาณสิบเท่า
นั่นหมายความว่ามันเข้มข้นกว่าปราณวิญญาณบนโลกถึงหนึ่งพันเท่า ซึ่งถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
“เป่าเล่อ ช่วยคุ้มกันข้าที เหมือนว่าข้ากำลังจะบรรลุขั้นการฝึกตน!” ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังยืนตะลึงอยู่ กงเต๋าก็รีบพูดขึ้นขณะหายใจถี่รัว เขายืนอยู่ข้างทางเข้า ปราณวิญญาณเข้มข้นพุ่งเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ต้องดูดซับเข้าไปเอง ชายหนุ่มใกล้จะบรรลุขั้นการฝึกตนอยู่แล้ว ปราณวิญญาณที่ไหลเข้าสู่ร่างในตอนนี้จึงเป็นเหมือนการกินโอสถวิญญาณเข้าไป สัญญาณการบรรลุขั้นเริ่มเผยให้เห็นเด่นชัด
“ไม่ต้องห่วง!” หวังเป่าเล่อรู้ว่าจะให้อะไรมารบกวนกงเต๋าตอนนี้ไม่ได้ เขาตอบกลับในทันที จากนั้นก็โบกมือเรียกหุ่นเชิดสิบสองตัวออกมาช่วยคุ้มกันพื้นที่โดยรอบ
กงเต๋าสูดหายใจลึกขณะที่หวังเป่าเล่อเรียกหุ่นเชิดออกมา เขานั่งขัดสมาธิลง ปลุกพลังปราณเต็มขั้น ความมุ่งมั่นฉายชัดในดวงตา ชายหนุ่มเชื่อใจหวังเป่าเล่อ รู้ดีว่านี่เป็นโอกาสหายาก หากเขาเริ่มกระบวนการดูดซับช้าเกินไป ปราณวิญญาณก็จะกระจายออกไป ทำให้พลาดโอกาสนี้ไปได้
เขารู้ว่าการบรรลุจากขั้นรากฐานตั้งมั่นไปขั้นกำเนิดแก่นในจะต้องทำในสถานที่ที่ปลอดภัย เนื่องจากจะให้มีอะไรมารบกวนไม่ได้ มิเช่นนั้นอาจจะได้รับผลกระทบทำให้ไม่สามารถบรรลุขั้นการฝึกตนได้สำเร็จ และอาจถึงขั้นเป็นอันตรายต่อพลังปราณในปัจจุบันของตนเองด้วย
กงเต๋าเป็นคนแน่วแน่ ชายหนุ่มไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เขาเริ่มดูดซับพลังปราณเพื่อบรรลุขั้นการฝึกตนในทันใด!
หวังเป่าเล่อดูตื่นตัว เขายืนดูดซับพลังปราณอยู่ข้างกงเต๋าพร้อมคอยตรวจสอบความคืบหน้าของอีกฝ่าย ด้วยระดับการฝึกตนของกงเต๋าในปัจจุบันทำให้เขาไม่สามารถดูดซับพลังปราณในที่แห่งนี้ได้ทั้งหมด ถึงแม้จะพยายามบรรลุไปขั้นกำเนิดแก่นในก็ตาม ชายหนุ่มต้องการปราณวิญญาณเพียงส่วนหนึ่งในการขับดันเพื่อให้บรรลุขั้นการฝึกตนเท่านั้น
หากหวังเป่าเล่อไม่อยู่ด้วย ปราณวิญญาณในพื้นที่ก็จะกระจายออกไปรอบๆ ทำให้ระดับความหนาแน่นของปราณวิญญาณบนสนามรบโบราณด้านบนเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรเสียปราณวิญญาณที่อยู่ด้านในประตูหินก็มีจำกัด
ทว่าในเมื่อหวังเป่าเล่ออยู่ด้วย ชายหนุ่มจึงไม่มีทางยอมให้ปราณวิญญาณกระจายออกไปโดยง่าย ดวงตาของเขาฉายแสงวาบ เมล็ดดูดกลืนในกายตื่นขึ้น ปลดปล่อยพลังดูดซับปราณวิญญาณออกมา หวังเป่าเล่อพยายามเหลือปราณวิญญาณไว้ให้เพียงพอต่อการบรรลุขั้นการฝึกตนของกงเต๋ารวมถึงการเสริมขั้นกำเนิดแก่นในให้มั่นคงด้วย
ร่างกายของหวังเป่าเล่อสั่นไหวจากปราณวิญญาณที่ไหลเวียนเข้ามา แก่นในอัคนีที่อยู่ภายในเต้นตึกตักราวกับเป็นหัวใจ แก่นในแห่งความมืดตื่นพลังขึ้นพร้อมกัน ดอกบัวเขียวในกายสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณมากมายจึงเริ่มดูดซับเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
ร่างกายของชายหนุ่มแข็งแกร่งขึ้นจากการเสริมพลังจากปราณวิญญาณ
ปราณวิญญาณที่ทั้งสองเจอในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสหายาก ขณะที่พวกเขากำลังดูดซับพลังปราณอยู่นั้น ประตูหินก็ค่อยๆ เปิดออก!
ปราณวิญญาณเริ่มไหลหลากออกมาจากประตูที่เปิดออก ยิ่งปราณวิญญาณไหลออกมามากเท่าไหร่ ประตูก็เปิดอ้าออกเร็วเท่านั้น ผืนดินรอบๆ สั่นไหวรุนแรงขึ้น สนามรบโบราณด้านบนก็สั่นสะเทือนรุนแรงไม่ต่างกัน แรงสั่นสะเทือนและผืนดินที่เริ่มปริแตกก่อให้เกิดคลื่นในทะเลเพลิง
ไกลออกไปประมาณยี่สิบกิโลเมตร เรือวิญญาณเก้าลำกำลังดำลึกอยู่ในทะเลเพลิง เรือทั้งเก้าลำตั้งใจจะผ่านจุดนี้เพื่อไปปฏิบัติภารกิจที่จุดอื่น แต่ทะเลเพลิงปั่นป่วนกลับทำให้พวกเขาหยุดชะงักไป ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในประมาณเก้าคนรีบออกมาจากเรือของตน คลื่นพลังปราณกล้าแกร่งแผ่ออกมาจากร่างกาย รังสีสังหารรอบตัวก็รุนแรงไม่แพ้กัน
สำนักวังเต๋าไพศาลหลอมเรือวิญญาณออกมามากมายหลังจากได้สูตรเรือวิญญาณจากหวังเป่าเล่อ ตอนนี้ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในเกือบทุกคนมีเรือติดตัวคนละลำ ผู้นำกลุ่มเรือทั้งเก้าลำเป็นชายวัยกลางคนหน้าอ้วน มีระดับการฝึกตนอยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลาย ดวงตาของเขาส่องประกายขณะจับจ้องไปยังสนามรบโบราณ
“ข้าจำได้ว่าตรงนี้มีสนามรบโบราณ เหตุใดถึงมีพลังวิญญาณขนาดนี้แผ่ออกมาจากที่นี่กัน”
“หรือว่าจะมีสมบัติ” พวกเขาหันมองหน้ากันด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น แม้จะรวมกลุ่มกันเพื่อไปปฏิบัติภารกิจ แต่ก็ไม่ได้เป็นภารกิจเร่งด่วน หากเจออะไรเข้าระหว่างทางก็ยินดีจะเข้าไปตรวจสอบ
กลุ่มผู้ฝึกตนถกกันสักพัก จากนั้นชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าก็ยักไหล่
“ลองไปตรวจดูกัน!” พูดจบ ทุกคนก็กลับขึ้นเรือวิญญาณและมุ่งหน้าไปทางสนามรบโบราณด้วยความเร็วเต็มพิกัด
ขณะที่กลุ่มผู้ฝึกตนกำลังมุ่งหน้ามายังสนามรบ ประตูหินด้านล่างเพิ่งจะเปิดได้ครึ่งทาง ปราณวิญญาณจากภายในแพร่กระจายไปทั่ว หวังเป่าเล่อจำกัดปราณวิญญาณให้อยู่ภายในพื้นที่ด้วยแรงสูบจากเมล็ดดูดกลืน ระหว่างที่กำลังดูดซับปราณวิญญาณ เขาก็พยายามตรวจดูไปด้วยว่าปราณวิญญาณเพียงพอสำหรับกงเต๋าหรือไม่ การกระทำดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายไปมาได้ตามใจชอบ ในใจกลัวว่าปราณวิญญาณหนาแน่นในพื้นที่จะดึงดูดภัยอันตรายเข้ามาหาตัวได้ จึงคอยควบคุมร่างอวตารให้ไปตรวจดูว่ารูปปั้นหินหลับไหลไปแล้ว จากนั้นเขาก็ถอนร่างอวตารกลับมาและเข้าไปในประตูหินอย่างรวดเร็ว!
ด้านหลังประตูหินเป็นถ้ำที่พักแห่งหนึ่ง ไม่ได้มีขนาดใหญ่ ข้าวของรอบๆ ก็มีน้อยนิด หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาตรวจสอบอย่างละเอียด เขาควบคุมร่างอวตารให้เก็บทุกอย่างที่เห็นรอบห้องอย่างรวดเร็ว
ไม่มีตราประจำตัว กระเป๋าคลังเวท หรือศพเลย แต่ของที่เก็บมาได้น่าจะมีมูลค่าสูงพอควร ลึกสุดในถ้ำมีหม้อหลอมโอสถใบใหญ่อยู่ด้วย
ที่หวังเป่าเล่อสนใจคือห้องหินที่แยกตัวจากถ้ำที่พักและกล่องหยกที่เจอในนั้น กล่องหยกลอยอยู่กลางอากาศ ส่องแสงหลากสี ดูไม่น่าใช่ของธรรมดาทั่วไป
หวังเป่าเล่อส่งร่างอวตารเข้าไปเก็บกล่องหยกโดยไม่ลังเล เขาเก็บทุกอย่างที่ได้มาลงกระเป๋าคลังเวท ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลังจากได้ผลตอบแทนจากการเดินทางในครั้งนี้มาแล้ว เหลือแค่รอให้กงเต๋าบรรลุขั้นการฝึกตนจะได้กลับออกไปกัน
กงเต๋ามาถึงจุดสำคัญในการบรรลุขั้นการฝึกตน ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงหยุดดูดซับพลังปราณ แต่เมล็ดดูดกลืนยังคงใช้แรงสูบดึงพลังปราณไว้ให้อยู่รอบตัวกงเต๋า
เขากำลังจะบรรลุขั้นการฝึกตนแล้ว หวังเป่าเล่อเลื่อนสายตาผ่านกงเต๋า สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังสร้างแก่นในทองคำอยู่ พลังขั้นกำเนิดแก่นในเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆ กงเต๋า
ระดับการฝึกตนของหวังเป่าเล่อก็พัฒนาขึ้นจากการดูดซับพลังปราณเมื่อครู่ ขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลางของเขามั่นคงดีแล้ว และรุดหน้าเข้าใกล้ขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลายไปได้มากเลยทีเดียว
ถ้าข้าหาสถานที่เช่นนี้ได้อีกสักสองสามแห่งก็อาจจะมีโอกาสบรรลุไปถึงขั้นจุติวิญญาณได้! ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปาก รู้สึกพึงพอใจมากกับสิ่งที่ได้มาในการเดินทางครั้งนี้ เขาขยายจิตสัมผัสวิญญาณออกไป ตั้งใจจะหาของมีค่าเพิ่ม ทันใดนั้นบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในดวงตา หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองขึ้นไปในทันที!