หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 569 อำนาจเหนือ!
การจุติของชาติภพทั้งเก้าสมัยมีต้นกำเนิดเดียวกันกับกระบวนเวทของตระกูลนภาห้าสมัยในสหพันธรัฐ!
แตกต่างกันตรงที่ตระกูลนภาห้าสมัยสามารถเรียกชาติภพก่อนมาจุติได้แค่ห้าสมัย ส่วนโจวชู่เต๋าสามารถเรียกออกมาได้เก้าสมัย เหล็กหมาดเก้าเล่มปรากฏขึ้นระหว่างชายหนุ่มพร้อมกับร่างมายาเบื้องหลังและหวังเป่าเล่อ!
ขณะเดียวกัน ภาพมายาเบื้องหลังก็ตั้งผนึกมือ ส่งเหล็กหมาดเก้าเล่มขึ้นมาเพิ่มเป็นเก้าสิบเอ็ดเล่ม!
ทันทีที่เหล็กหมาดเก้าสิบเอ็ดเล่มปรากฏ ก็เกิดคลื่นพลังสั่นสะเทือนทั่วพื้นที่จนแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีบิดเบี้ยว ลมแรงปั่นป่วนพลันบังเกิด ยอดเขาใต้เท้าสั่นไหวรุนแรง เศษหินมากมายร่วงลงไปยังพื้นเบื้องล่างราวกับว่าภูผาแห่งนี้กำลังจะถล่ม
พื้นพสุธาไม่อาจต้านทานพลังได้เช่นกัน เริ่มปริร้าวพังทลายลงจากภูผาที่สั่นคลอน!
โจวชู่เต๋าตาแดงก่ำ เขาร้องคำรามพร้อมกับยกสองมือขึ้น ร่างมายาเบื้องหลังทำตามทันที ส่งเหล็กหมาดแปดสิบเอ็ดเล่มพุ่งตรงไปยังหวังเป่าเล่อ!
“ขังเจ้านั่นไว้!” ชายหนุ่มประกาศก้อง ร่างมายาด้านหลังเผยสีหน้าดุร้ายในทันใด พวกเขาเปิดปากร้องคำรามขึ้นพร้อมกันจนเกิดระเบิดเป็นคลื่นเสียง พลังรัศมีน่าพรั่นพรึงปะทุออกจากเหล็กหมาดแปดสิบเอ็ดเล่ม แต่ละเล่มทับไขว้กันสร้างเป็นกรงขังขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อพร้อมกับพลังกดดัน!
รังสีสังหารจากเหล็กหมาดแปดสิบเอ็ดเล่มและภัยอันตรายที่คืบคลานเข้ามาทำให้ชายหนุ่มสามารถปล่อยหมัดที่ห้าได้!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถปล่อยหมัดที่ห้าได้ หากแต่กำลังตื่นกลัวเหล็กหมาดเบื้องหน้าจนสูญเสียความมั่นใจในหมัดที่จะนำตนไปสู่ชัยชนะได้ไป!
กรงเหล็กหมาดพุ่งเข้าไปใกล้หวังเป่าเล่อ พลังกดต้านมหาศาลราวกับคลื่นยักษ์พลันปะทุพุ่งกดดันราวกับจะทำลายเขาให้ย่อยยับ!
นัยน์ตาหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบขณะตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาไม่คิดจะหลบหรือเรียกเกราะจักรพรรดิขึ้นมาเร็วเกินไป ชายหนุ่มหรี่ตาพร้อมกับยกมือขวาเรียกอาวุธเทพระดับแปดแบบใช้ได้ครั้งเดียวสามชิ้นออกมาห้อมล้อมตนไว้!
อาวุธเวททั้งสามชิ้นมีลักษณะคล้ายนาฬิกา แต่ละเรือนขยายขนาดใหญ่ไม่เท่ากันทันใดที่ปรากฏ ก่อนจะทับซ้อนคุ้มกันหวังเป่าเล่อไว้เป็นดั่งหินภูผาที่แม้แต่คลื่นยักษ์ก็ทลายไม่ได้ พลังกดดันจากอาวุธเวทพุ่งเข้าปะทะกับเหล็กหมาดแปดสิบเอ็ดเล่ม!
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเหล็กหมาดแปดสิบเอ็ดเล่มก็พุ่งปะทะกับอาวุธเวทระดับแปดแบบใช้แล้วทิ้งของหวังเป่าเล่อ!
“กันไม่ได้หรอก!” โจวชู่เต๋าร้องคำรามพร้อมกับก้าวไปด้านหน้า ทันใดที่เท้าลงแตะพื้น เสียงของหวังเป่าเล่อก็ดังขึ้น
“การป้องกันไม่ใช่วิถีแห่งเต๋าของข้า!” จิตวิญญาณนักสู้ปรากฏขึ้นในแววตาชายหนุ่มใต้การคุ้มกันของนาฬิกา เขาผลักมือออกไปสองด้านพร้อมกับร้องคำรามเสียงทุ้ม
“จงระเบิด!”
ทันใดที่เสียงดังขึ้น นาฬิกาด้านนอกสุดก็สั่นไหวและระเบิดออก พลังกล้าแกร่งพัดกระจายไปทั่วทุกทิศก่อนจะบังเกิดเป็นมือที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าใส่เหล็กหมาดที่ทะยานเข้ามาดั่งคลื่นยักษ์!
ยังไม่จบเพียงแค่นั้น!
จิตวิญญาณนักสู้ในตาของหวังเป่าเล่อลุกโชติช่วง เสียงของชายหนุ่มดั่งขึ้นอีกครั้งเมื่อสั่งให้เกิดการระเบิดตามมาอีกสองครั้ง นาฬิกาอีกสองเรือนระเบิดขึ้นพร้อมกันเสริมแรงปะทะให้กับการระเบิดครั้งแรกส่งมือที่มองไม่เห็นตะปบลงใส่เหล็กหมาดลงอย่างรุนแรง!
ราวกับว่าเขาต้องการเบิกทางจากกรงขังเหล็กหมาด!
การต่อสู้ในครั้งนี้ ทั้งสองได้ใช้คาถาและกลยุทธ์ในระดับยอดฝีมือของขั้นกำเนิดแก่นใน สามารถใช้เป็นกรณีศึกษาได้ หากคู่ต่อสู้ของทั้งสองเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนทั่วไปคงจะโดนกำราบไปนานแล้ว
แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องสมมติ จิตวิญญาณนักสู้ในตัวหวังเป่าเล่อลุกโชน โจวชู่เต๋าเองก็เช่นกัน เหมือนว่าเขาจะอ่านกลยุทธ์ของหวังเป่าเล่อออก ชายหนุ่มตั้งผนึกมือชี้ไปทางนาฬิกาทันทีที่มันระเบิดออกส่งมือที่มองไม่เห็นตะปบลง!
ทันใดนั้น เหล็กหมาดก็แปรเปลี่ยนจากกรงขังไปเป็นเกราะกำบัง!
เกราะกำบังรับแรงปะทะจากระเบิดพลีชีพของนาฬิกาทั้งสาม เกิดพลังกล้าแกร่งสั่นสะเทือนทั่วบริเวณทันทีที่ทั้งสองพลังเข้าปะทะกัน โจวชู่เต๋าหายใจระส่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เลือดสดกระอักออกขณะร้องคำรามลั่น
“หวังเป่าเล่อ เจ้าติดกับแล้ว…เก้าสมัย…ต้านพลัง!” เสียงของโจวชู่เต๋าดังขึ้นพร้อมกับพลังต้านทรงอำนาจที่พลันพวยพุ่งออกมาจากเกราะเหล็กหมาด พลังกล้าแกร่งจากการเหล็กหมาดที่พังทลายไปกว่าครึ่งผสานเข้ากับแรงระเบิดจากนาฬิกาพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อหมายจะกำจัดทิ้ง!
เหตุการณ์พลิกผันในทันใด หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้ม กระอักเลือดสดออกจากปาก ร่างเซถอยหลังอยู่กลางอากาศ มือขวาสูญเสียพลังจนกำหมัดไว้ไม่อยู่ ชายหนุ่มดูอ่อนแรงลงขณะที่กำลังกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
ขณะเดียวกันก็เกิดคลื่นปะทะรุนแรงพัดกระจายไปทั่วทุกทิศส่งผลให้ภูผาสั่นไหว ผืนดินแตกออก วงแหวนปราณของเจ้าเยี่ยเหมิงถูกทำลายลงในพริบตา เป็นเหมือนดั่งลมแรงที่พัดกองใบไม้ปลิวหายไปหมด
เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าตื่นตกใจสุดขีด ทั้งสองโดนแรงปะทะพัดปลิวไปด้านหลังจนเสียการควบคุม กลุ่มผู้ฝึกตนที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ กระอักเลือดสดออกมาขณะหลบหนีออกจากพื้นที่ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่สูญเสียกุญแจไปและไม่ปรากฏในแผนที่ พวกเขารีบหนีไปด้วยความหวาดกลัว มีสามคนในนั้นที่แม้จะทำท่าตื่นกลัวแต่ในสายตากลับเต็มไปด้วยความหิวกระหาย
หากเป็นเวลาอื่น พวกเขาคงไม่คิดชั่วร้ายเช่นนี้ แต่ตอนนี้หวังเป่าเล่อกำลังบาดเจ็บหนัก ผู้ฝึกตนไร้กุญแจทั้งสามคนพุ่งขึ้นฟ้าอย่างไม่ลังเลใจพร้อมกับปลดปล่อยพลังปราณ หนึ่งในนั้นอยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลาย ส่วนอีกสองคนอยู่บนจุดสูงสุดของขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลาง ทั้งสามทะยานตรงไปหาหวังเป่าเล่อที่กำลังกระอักเลือดอยู่เต็มปาก!
พวกเขาหมายจะฆ่าหวังเป่าเล่อทิ้งและชิงกุญแจมา!
โจวชู่เต๋าขมวดคิ้ว แสงสว่างวาบขึ้นในสายตา เขาไม่คิดจะไล่ตามผู้ฝึกตนไร้กุญแจทั้งสามคนไป หากผู้แกร่งกล้าจากสหพันธรัฐตายลงด้วยน้ำมือของตนเองจะเป็นผลเสียต่อตนเองในอนาคต
หากไม่มีทั้งสามรอซุ่มโจมตีอยู่ ชายหนุ่มก็จะเป็นผู้โจมตีปิดฉาก แต่ไม่รุนแรงขนาดปลิดชีพได้ แค่เพียงจะแย่งกุญแจมาเท่านั้น
ขณะที่โจวชู่เต๋าตัดสินใจเลิกไล่ตามและสามศิษย์ผู้ละโมบจากสำนักวังเต๋าไพศาลเข้าโจมตี เสียงเย็นชาระคนความเสียดายของหวังเป่าเล่อที่เหมือนจะได้รับบาดเจ็บหนักจนไม่สามารถสู้ได้ก็ดังขึ้น
“ระยำจริง พวกเจ้าทั้งสามสมควรตาย!”
สิ้นคำ แววความอ่อนล้าจากร่างกายหวังเป่าเล่อก็พลันเลือนหาย ปราณกังวานจากหมัดที่ห้าแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกำปั้น โจวชู่เต๋าตะลึงงันไป หัวใจเต้นระส่ำ!
ชายหนุ่มเพิ่งจะตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงเท่าที่คิด ร่างกายของหวังเป่าเล่อนั้นแปลกประหลาด สามารถฟื้นฟูสภาพได้อย่างรวดเร็ว หากไม่มีพวกบ้าสามคน โจวชู่เต๋าอาจจะต้องพบกับหมัดที่ห้าที่หวังเป่าเล่อเตรียมเอาไว้รอ!
ซึ่งจะต้องเป็นเช่นนั้นแน่!
หวังเป่าเล่อเดือดดาลจากโอกาสที่เสียไป คลื่นปราณกังวานในมือจางหาย ขณะที่สามศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลกำลังถอยหนีด้วยความตื่นตกใจ ไฟเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้นในแววตาขณะที่ชายหนุ่มชี้นิ้วไปทางหน้าผากของศิษย์ทั้งสาม!
ลักอัคคี!
ทั้งสามส่งเสียงกรีดร้องครวญครางผิดมนุษย์ ร่างกายพลันแห้งเหี่ยว พลังชีวิตถูกดึงออกมาในชั่วพริบตา พวกเขากลายเป็นศพเหี่ยวแห้งขณะร่วงหล่นลงพื้น ก่อนหวังเป่าเล่อจะหันไปมองโจวชู่เต๋าที่กำลังตื่นตกใจอยู่
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้ปล่อยหมัดที่ห้าไป แต่เจ้าได้ตายไปด้วยหมัดนั่นในหัวของข้าแล้ว!”
“ใกล้จะถึงช่วงการเคลื่อนย้ายแล้ว…การต่อสู้…จะต้องจบลง ณ บัดนี้!” โจวชู่เต๋าสัมผัสได้ถึงภัยวิกฤติเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขารีบตั้งผนึกมือคุมเกราะเหล็กหมาดพุ่งไปทางคู่ต่อสู้ ทันใดนั้นหวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้น!
เส้นปราณสีเลือดผุดขึ้นจากใต้ผิวหนังบนมือขวาก่อนจะแผ่ขยายออกไปทั่วร่างกาย!
ดูชั่วร้ายและไร้เทียมทาน!
สิ่งนั้นคือ…เกราะจักรพรรดิลักอัคคี!