หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 646 ถูกขัง!
บทที่ 646 ถูกขัง!
หวังเป่าเล่อหรี่ตามองปักษาเพลิงตาไม่กะพริบ เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเหมือนกับเสือพร้อมกระโจนเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
ถึงจะเป็นเสือที่พุงพลุ้ยหน่อยๆ…แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเร็วของเขาลดลงแม้แต่น้อย พุงอ้วนกลมอาจเป็นตัวแทนความยืดหยุ่นพลิ้วไหวก็เป็นได้
หวังเป่าเล่อตั้งสมาธิ เตรียมร่างกายให้ตื่นตัว ปักษาเพลิงบินวนสวนทิศกับโม่หิน ก่อนจะพุ่งเข้าชนจนเกิดเสียงดัง คลื่นปะทะกระจายออกเป็นวงกว้าง ปักษาเพลิงพุ่งเข้าชนด้วยพลังเต็มขั้น โม่หินไม่เสียหายแม้แต่นิด แต่ก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่งตอนที่โดนพุ่งเข้าใส่
โม่หินหยุดนิ่งไปชั่ววินาที ด้ามหมุนทั้งเก้ากระตุกรุนแรง อสูรร่างยักษ์เก้าตนที่อยู่ห่างไกลออกไปในแต่ละทิศส่งเสียงร้องคำรามเกรี้ยวกราด
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วขณะที่โม่หินหยุดชะงัก เฟิ่งชิวหรันเหมือนจะรอโอกาสนี้อยู่แล้ว นางรีบพุ่งตังลงแทรกตรงช่องว่างระหว่างชั้นโม่หิน!
เจ้าเยี่ยเหมิงและคนอื่นๆ ตามไปไม่ห่าง พวกเขาปล่อยความเร็วเต็มพิกัดพุ่งเข้าไปใกล้โม่หิน ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในช่องเดียวกัน หวังเป่าเล่อรีบพุ่งตามไปทันที!
ชายหนุ่มพุ่งตามเข้าไปในช่องว่างระหว่างชั้นทันทีที่พวกเฟิ่งชิวหรันทำให้โม่หินหยุดชะงัก
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาทำให้ผู้ฝึกตนหลายคนตื่นตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นหวังเป่าเล่อก็ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าแสนดีใจเมื่อได้เห็นชายหนุ่ม เฟิ่งชิวหรันนิ่งอึ้งไปก่อนจะพยักหน้าให้
ตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะถามสารทุกข์สุกดิบกัน พวกเขารีบมุ่งหน้าตรงไปตามช่องทางระหว่างชั้นโม่หินที่เปิดออก
กลิ่นคาวเลือดลอยปะทะจมูก รอบกายเต็มไปด้วยเลือดเนื้อที่ถูกบดจนแหลกละเอียด บรรยากาศรอบกายช่างน่าสะพรึงกลัวจนบางคนอยากจะอ้วกออกมา แต่ก็ไม่มีเวลามัวมานึกรังเกียจ ไม่มีใครอยากตายลงตรงนี้ ทำได้เพียงเก็บความอึดอัดนี้ไว้และมุ่งหน้าต่อไป!
ทุกคนต่างรู้ดีว่า…ตนกำลังมุ่งหน้าผ่านช่องว่างระหว่างชั้นโม่หินอยู่ หากออกจากพื้นที่นี้ไปไม่ได้ก่อนที่โม่หินจะขยับอีกครั้ง ก็คงจะต้องพบกับชะตากรรมไม่ต่างจากโครงกระดูกที่ถูกโยนใส่โม่หิน…ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด!
ทุกคนรีบวิ่งหน้าตั้งตรงไปตามทาง แม้ว่าโม่หินจะใหญ่โตมโหฬาร แต่ปักษาเพลิงเองก็ทรงพลังไม่แพ้กัน ไม่มีใครปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ต่างรีบวิ่งสุดชีวิตตรงไปด้านหน้า ในที่สุดพวกเขาก็พ้นเขตอันตรายมาถึงตรงใจกลางโม่หินก่อนที่มันจะเริ่มหมุนวนอีกครั้ง!
บริเวณใจกลางเป็นแอ่งหลุม ตรงหน้าพวกเขามีรูกว้างที่เชื่อมระหว่างชั้นด้านบนและชั้นด้านล่างของโม่หิน ด้านในรูมีเพียงเสียงลมหวีดร้อง
แม้จะมีหลายคนที่หนีพ้นช่องว่างระหว่างชั้นโม่หินมาได้ แต่ก็มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ช้าเกินไป โม่หินเริ่มขยับอีกครั้งก่อนที่พวกนั้นจะทันได้หนีออกมาได้ แรงสูบเกินต้านทานดึงพวกเขากลับไป เสียงสั่นของชั้นเครื่องโม่และเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเหล่าผู้โชคร้ายทำให้เหล่าผู้เหลือรอดเสียวสันหลังวาบ
“เราต้องไปต่อ นี่คือทางเดียวที่จะเข้าไปในชั้นสองได้ เราต้องขัดจังหวะแท่นสังเวยเพื่อเปิดการเคลื่อนย้าย!” เฟิ่งชิวหรันพุ่งตัวลงรูกว้างไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะพูด
พลังปราณของนางยังคงคุ้มกันเจ้าเยี่ยเหมิง กงเต๋า และศิษย์เอกของตนเองอีกสองคน พวกที่เหลือรีบตามติดนางลงรูกว้างไปไม่ห่าง หวังเป่าเล่อเองก็คอยอยู่ติดกับผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณคนอื่นๆ
ความเครียดเข้าเกาะกุมจิตใจทุกคนขณะเคลื่อนตัวลงรูกว้าง หากไม่อดทนอดกลั้นเอาไว้คงจะต้องร้องไห้ออกมายกใหญ่เมื่อต้องพบกับความล้มเหลวซ้ำๆ กับการหลบหนีที่มองไม่เห็นทางออก
รูกว้างเป็นเหมือนกับถ้ำมืดมิดเวิ้งว้าง โม่หินที่หมุนอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดแรงสูบดึงทุกคนกลับ ต้านพวกเขาไม่ให้มุ่งหน้าไปต่อได้เร็วนัก
กลิ่นคาวเลือดลอยอบอวลอยู่ในรูกว้าง แม้พวกเขาจะเป็นผู้ฝึกตนที่หล่อเลี้ยงร่างกายจนแข็งแกร่งด้วยปราณวิญญาณ แต่กลิ่นคาวคลุ้งนั้นรุนแรงเกินไป ส่งผลให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะจนอยากจะอ้วก!
แม้จะสามารถฝืนทนและก้าวผ่านความอึดอัดนี้ไปได้ แต่อุปสรรคที่ต้องพบก็ยังไม่จบแค่นั้น ขณะที่พวกเขากำลังลงลึกไปในรูกว้าง พลังที่พวยพุ่งออกมาจากทั่วทิศทางก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลงลึกไปต่อได้สิบวินาที ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในคนหนึ่งก็เริ่มหน้าซีด ก่อนจะขึ้นสีแดงก่ำและเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ ดวงตาของเขาเหลือกถลน ร่างระเบิดออกจากความกดดันมหาศาล
หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว เขาเรียกเกราะจักรพรรดิลักอัคคีออกมาต้านทานแรงกดดัน ชี่หลินและผู้ฝึกตนบางส่วนพยายามช่วยกลุ่มผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในต้านแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก ไม่นาน ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในคนที่สองก็ร่างระเบิดตามไป!
ตามมาด้วยร่างที่สามและสี่ ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอีกสองคนเสียสติ เริ่มกรีดร้อง ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นและสิ้นหวัง ร่างของพวกเขาค่อยๆ ลอยกลับขึ้นไป
“กลับมา!” เฟิ่งชิวหรันตะโกนลั่น เสียงของนางพัดหายไปกับสายลม พวกเขาลอยกลับขึ้นไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหายวับไปโผล่ที่ปากรูกว้างด้วยแรงดูด
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นฝ่าความมืด ตามมาด้วยเสียงบดร่างทั้งสองเป็นเศษเนื้อ เสียงโหยหวนยังคงดังก้องในอากาศขณะที่สัญญาณอันตรายพุ่งตรงจากปากรูกว้างลงไปด้านใน
หวังเป่าเล่อรู้สึกเหมือนว่าดวงวิญญาณกำลังจะฉีกขาด แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก เขารีบใช้วิชาพันชีวิตที่สถิตอยู่ในกำไล
กลิ่นเน่าเหม็นพวยพุ่งลงไปในรูกว้างขณะเดียวกับที่ชายหนุ่มใช้พลังเทพ เหมือนว่ามีอสูรยักษ์กำลังพุ่งตรงมาหา
ก่อนที่อสูรจะทันเคลื่อนกายเข้าใกล้ เฟิ่งชิวหรันก็กัดปลายลิ้นและพ่นเลือดออกมาพร้อมกับตั้งผนึกมือขึ้น เลือดที่พ่นออกไปเปล่งแสงก่อนจะกลายสภาพเป็นตาข่ายสีเลือดขนาดใหญ่ผนึกบริเวณด้านหลังหวังเป่าเล่อและกลุ่มผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณเอาไว้ กันไม่ให้อสูรเข้ามาใกล้ได้
เสียงร้องคำรามดังกึกก้อง ตาข่ายสีเลือดส่องแสงจ้า ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าลึกลงไปเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นฝ่ามือเน่าเปื่อยขนาดเท่ารูกว้างกำลังตะกุยตาข่ายอยู่ ตาข่ายสามารถต้านมันไว้ได้เพียงแค่ชั่วคราว ตอนนี้ตาข่ายเบื้องหลังกำลังจางลง
ตาข่ายพังลงได้ทุกเมื่อ หลังจากนั้นก็จะไม่มีอะไรกั้นระหว่างพวกเขาและมืออสูร ทันใดนั้นปากทางออกก็ปรากฏขึ้นในสายตา ตรงทางออกมีแสงจางๆ ส่องสว่าง เหล่าผู้ฝึกตนรีบพุ่งทะยานตรงไปอย่างไม่คิดชีวิต
เหมือนว่าทางออกจะไม่ต้องการให้พวกเขาผ่านพ้นออกไปได้ มันเริ่มปิดตัวลงทันใด พวกเขามีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนทางออกจะถูกปิดสนิท!
หวังเป่าเล่อใจเต้นถี่รัวเมื่อเห็นทางออก เขาปลดปล่อยความเร็วเต็มพิกัด ทันใดนั้นตาข่ายสีเลือดก็พังตัวลง มือเน่าเปื่อยตระหนักว่าพวกเขากำลังจะหนีออกไปได้ มันสั่นไหวรุนแรงก่อนจะเร่งความเร็วแหวกอากาศส่งกลิ่นเน่าเปื่อยพัดไปตามลม มันไล่ตามไปประชิดกลุ่มผู้ฝึกตน…ก่อนจะคว้าหมับเข้า!
หลายคนหลบได้ทัน แต่ก็มีประมาณหกถึงเจ็ดคนที่หนีมืออสูรไม่พ้น ในกลุ่มนั้นมีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณอยู่คนหนึ่ง มืออสูรบีบมือแน่นทันทีที่คว้าตัวพวกเขาได้!
หวังเป่าเล่อเองก็เกือบถูกมันคว้าตัวไป แต่ก็สามารถหลุดผ่านนิ้วมือออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ลมกระโชกแรงส่งเขากระแทกเข้ากับผนัง เลือดสดกระอักออกจากปากชายหนุ่ม เมล็ดดูดกลืนเริ่มปั่นป่วนอยู่ภายใน ตรึงร่างให้ติดกับผนัง เขาปีนผนังลงไปอย่างรวดเร็วก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในรอยแตก
มือยักษ์เริ่มกวัดแกว่งอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อชายหนุ่มหลบเข้าไปในรอบแตก เสียงตึงตังดังสนั่นหวั่นไหวเคล้ากับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ลมแรงพัดผ่านร่างเขาไป ผ่านไปนานกว่าเสียงจะเงียบลง
ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดจากความตื่นกลัว เขารออยู่พักใหญ่ก่อนจะส่งหุ่นเชิดตัวหนึ่งออกไปสำรวจด้านนอก ทางออกถูกปิดสนิท ทั่วบริเวณเปื้อนเลือดและเศษเนื้อเป็นจุดๆ หวังเป่าเล่อเงียบไป
เขาไม่รู้ว่าเฟิ่งชิวหรัน เจ้าเยี่ยเหมิง กงเต๋าและคนอื่นๆ สามารถหนีออกไปได้ก่อนทางออกจะปิดสนิทหรือเปล่า รู้แค่ว่ามีใครหลายคนต้องจบชีวิตลงด้วยเงื้อมมืออสูรเมื่อครู่
หากไม่ใช่เพราะพลังเทพพันชีวิตที่ช่วยชายหนุ่มหลบการโจมตีได้อย่างอัศจรรย์และพาไปอยู่ในรอยแตก ตนก็คงจะต้องจบชีวิตลงเช่นกัน