หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 651 เจ้าเยี่ยเหมิงผู้น่าสะพรึงกลัว!
บทที่ 651 เจ้าเยี่ยเหมิงผู้น่าสะพรึงกลัว!
สายฟ้าเปล่งประกายอยู่ในแววตาของหวังเป่าเล่อขณะที่เขาพุ่งตัวออกไปหากองเสื้อผ้าเก่าขาดเปื้อนโลหิต ชายหนุ่มเรียกหุ่นเชิดออกมารอบกายและออกคำสั่งให้พวกมันค้นในบริเวณนั้นให้ทั่ว
ขณะที่หวังเป่าเล่อค้นหาไปทั่วบริเวณอย่างบ้าคลั่ง เจ้าเยี่ยเหมิงก็อยู่ในหุบเขาที่ห่างจากเขาไปประมาณห้าสิบกิโลเมตร นางเพิ่งจะกระอักเอาโลหิตออกมากองใหญ่ ใบหน้าของนางซีดเซียว ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง มือทั้งคู่กำเข็มทิศเอาไว้อย่างแน่นหนา
เข็มทิศนั้นส่องแสงสว่างจ้าที่ประกอบตัวกันเป็นเกราะป้องกันที่ล้อมรอบกายนางเอาไว้ แสงนั้นอ่อนแรงลงทุกที ดูราวกับว่าเกราะนั้นจะอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน
เปลวไฟสีฟ้าลุกไหม้อยู่ด้านนอกเกราะป้องกันนั้น ขังเจ้าเยี่ยเหมิงเอาไว้ด้านใน ใบหน้าจำนวนมหาศาลผุดออกมาจากในเปลวไฟนั้น ก่อนจะพุ่งเข้าชนเกราะกำบังอย่างต่อเนื่องพลางส่งเสียงร้องโหยหวนไปที่นาง
เกราะป้องกันนั้นกันพวกมันเอาไว้ได้ในตอนนี้ แต่ว่าแสงของมันก็จางลงทุกทีๆ อุณหภูมิภายนอกพุ่งสูงขึ้นขณะที่เปลวไฟสีฟ้ายังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง ผู้อาวุโสคนหนึ่งยืนอยู่กลางเปลวเพลิง เขาสวมใส่เสื้อคลุมของสำนักวังเต๋าไพศาลและเป็นผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณจากฝ่ายของเมี่ยเลี่ยจื่อ นัยน์ตาของเขาส่องประกายกล้าขณะที่จับจ้องไปยังเจ้าเยี่ยเหมิงผู้ซึ่งติดอยู่ภายในเกราะกำบังนั้น ก่อนที่จะหัวเราะด้วยเสียงแหบพร่า
“ไม่เลวเลย ที่ยังเก็บซ่อนวิธีเอาตัวรอดมาไว้จนป่านนี้” ผู้อาวุโสหัวเราะ เขาไม่ได้ดูกลัดกลุ้มกับเกราะกำบังแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาทั้งคู่จับจ้องไปที่เจ้าเยี่ยเหมิงอย่างพินิจพิเคราะห์และหิวโหย
“แม่นางน้อย ข้ามองเห็นความสามารถของเจ้าตั้งแต่การทดสอบแย่งชิงใบต้นไฮยาซิน เจ้าไม่ได้ใช่สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติธรรมดาๆ ทวารทั้งเจ็ดของเจ้าเปิดออกหมดแล้ว ไม่เลวเลยทีเดียว เจ้าจะเป็นวัตถุชั้นเลิศในการหลอมโอสถโพรงวิญญาณ ช่างหายากเสียจริง!” ผู้อาวุโสฉีกยิ้ม ความหิวกระหายใจแววตาทวีคูณขึ้น ก่อนจะยกมือทั้งสองประสานกันเป็นผนึกฝ่ามือจำนวนมาก ส่งผลให้เปลวไฟสีฟ้ายิ่งเผาไหม้อย่างรุนแรงยิ่งขึ้น เปลวไฟโลมเลียเกราะป้องกันที่มีเจ้าเยี่ยเหมิงอยู่ด้านใน ผู้อาวุโสโจมตีต่อเนื่องโดยการลอยตัวไปรอบๆ เจ้าเยี่ยเหมิงก่อนจะทุบผนึกฝ่ามือลงกับแผ่นดิน
อักขระเวทโบราณจำนวนมหาศาลปรากฎออกมาล้อมรอบหญิงสาวเอาไว้ และเปลวไฟก็พุ่งสูงตามไปด้วย เจ้าเยี่ยเหมิงตัวสั่นและกระอักเอาโลหิตออกมาอีกเต็มปาก แขนทั้งสองข้างของนางสั่นเทาจนกระทั่งเข็มทิศแทบจะหลุดมือ
นางไม่ได้พยายามเช็ดโลหิตออกจากริมฝีปาก กลับกัน เจ้าเยี่ยเหมิงเงยหน้าขึ้นจ้องเยือกเย็นไปทางผู้อาวุโสที่กำลังยิ้มเผล่ แววตาของเขาดูน่าสะพรึงกลัวขึ้นเรื่อยๆ ชายชราติดตามนางมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว เจ้าเยี่ยเหมิงมองไม่เห็นใครตั้งแต่นางฟื้นคืนสติมา นางเดินทางอย่างระมัดระวังโดยไม่ได้พบเจอกับอันตรายมากมาย กระทั่งมาพบกับผู้อาวุโสคนนี้
ศัตรูของนางมีเป้าหมายชัดเจน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตำแหน่งที่อยู่ของนางมาโดยตลอด ก่อนจะเข้าปรากฎตัวและจู่โจมนางทันที หากไม่ใช่เพราะได้วัตถุเวทล้ำค่าที่ได้รับมอบมาจากบิดาที่ช่วยปัดป้องการโจมตีของเขาออกไป เจ้าเยี่ยเหมิงก็คงจะตายไปแล้ว
แต่ทว่าถึงแม้จะมีวัตถุเวทดังกล่าวในครอบครอง ตอนนี้นางก็ติดกับ เจ้าเยี่ยเหมิงรู้ดีว่าผู้อาวุโสจะไม่สังหารนางทันที เพราะเขาต้องการใช้นางเป็นวัตถุดิบในการหลอมโอสถโพรงวิญญาณ!
เจ้าเยี่ยเหมิงกัดริมฝีปาก นางไม่โกรธและก็ไม่ได้จะพูดอะไรกับคู่ต่อสู้ พลังปราณของนางหมุนวนอยู่ภายในกาย และแม้ว่ากำลังจะหมดแรง แต่นางก็ไม่ได้หยุดปล่อยพลังงานเข้าไปในเข็มทิศ เข็มทิศนั้นเป็นอาวุธเวทระดับแปดที่นางพกติดตัวมาด้วยจากสหพันธรัฐ อาวุธเวทนี้ควรจะช่วยรักษาชีวิตนาง เจ้าเยี่ยเหมิงได้สร้างผนึกขึ้นมาอันหนึ่งหลังจากได้รับวิชาวงแหวนปราณเอื้อชางโบราณมาและสลักผนึกนั้นเอาไว้บนเข็มทิศนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มพลังให้มันอีกต่อหนึ่ง
เข็มทิศตอนนี้กำลังทำงานอย่างเต็มที่ ร่วมกับพลังของจี้ที่ห้ออยู่บนคอนาง เจ้าเยี่ยเหมิงจึงสามารถต้านทานการโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณได้ แต่ทว่า นางรู้ดีว่าพลังของจี้นั้นกำลังลดถอยลงไป เมื่อใดก็ตามที่มันหมดไป นางก็คงไม่อาจจะป้องกันต่อไปได้ด้วยวงแหวนปราณเพียงอย่างเดียว
เจ้าเยี่ยเหมิงทำทุกทางเพื่อจะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ตลอดเวลาสามวัน นางทิ้งร่องรอยโลหิตของตนและกองเสื้อผ้าขณะที่หลบหนี เพื่อเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่กระนั้น นางก็ไม่ได้พบกับใครเลยในโลกนี้ กำลังใจของหญิงสาวกำลังเสื่อมถอย ไม่ว่านางจะมีความอดทนสักเพียงใดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เจ้าเยี่ยเหมิงก็ยังไม่หมดหวัง!
นางไม่ใช่คนอ่อนแอ นางมีความทะเยอทะยาน มีความฝัน และความเชื่อเป็นของตนเอง ภายใต้ใบ้หน้าที่สงบนิ่งเรียบเฉยมีเปลวไฟร้อนแรง ที่อาจจะแผดเผาทั้งผู้อื่นและตัวนางเอง!
เจ้าเยี่ยเหมิงรู้ดีว่า ณ จุดนี้คงไม่มีใครมาช่วยนางได้ ความมุ่งมั่นฉาบเคลือบอยู่ในแววตาเมื่อนางพยายามส่งสัญญาณให้ผู้อาวุโสมองเห็นนางใช้ผนึกฝ่ามือ เข็มทิศของนาง ที่น่าจะทนได้อีกสักหน่อย จู่ๆ ก็สั่นไหวอย่างรุนแรงและเกิดระเบิดขึ้น!
แรงระเบิดจากอาวุธเวทระดับแปดไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เจ้าเยี่ยเหมิงได้สลักผนึกแห่งวงแหวนปราณโบราณเอื้อชางลงไปบนเข็มทิศนั้น ทำให้แรงระเบิดยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก เสียงกัมปนาทดังสนั่นปะทุขึ้น ก่อนจะก่อตัวเป็นลมหมุนที่พวยพุ่งออกไปทั่วทุกสารทิศ
เปลวไฟสีน้ำเงินหดตัวลงและสั่นไหวจนเกือบจะดับสลาย มวลหมู่ภูเขาส่งเสียงร่ำร้องและหดตัวถอย การโจมตีนั้นคงจะฝากรอยแผลไว้ให้กับผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณได้เลยหากใช้ได้ตอนไม่ทันตั้งตัว แต่แววตามุ่งมั่นจนน่ากลัวในตาของเจ้าเยี่ยเหมิงแสดงให้เห็นชัดเจนเกินไป คู่ต่อสู้สัมผัสได้ถึงการโจมตีของนาง และมีเพียงเสียงหัวเราะเยาะที่ดังสะท้อนมาในอากาศ ขณะที่ตัวผู้อาวุโสถอยหนีและหลบแรงกระแทกจากการระเบิดที่กระจายออกไปพร้อมลมพายุ ชายชรายกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ เปลวไฟสีฟ้าที่ดูจะอ่อนแรงลงไปเมื่อครู่นี้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งอย่างรุนแรง ก่อนจะแปรสภาพเป็นหัตถ์ลุกไหม้ขนาดยักษ์ที่เอื้อมคว้าออกไปทางเจ้าเยี่ยเหมิง!
เจ้าเยี่ยเหมิงมีท่าทีสงบแม้ว่าความพยายามของจะล้มเหลวและทำให้ตอนนี้นางตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่าเดิม แต่ทว่า นัยน์ตาของนางก็มีประกายแห่งความตื่นตระหนกและสิ้นหวังฉายอยู่ขณะที่นางถอยหนีและปล่อยพลังปราณออกมาจนถึงขีดสุด หญิงสาวไม่อาจจะหลบหนีการจับกุมได้ด้วยพลังปราณของนางที่อยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในและอาการบาดเจ็บในขณะนี้ หัตถ์ขนาดยักษ์จับตัวเจ้าเยี่ยเหมิงได้แทบจะในทันที และดึงตัวนางไปอยู่ตรงหน้าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณทันที
“แม่สาวน้อย แผนการของเจ้ายังอ่อนหัดนัก…” ผู้อาวุโสฉีกยิ้ม แล้วจู่ๆ ก็ยกมือขวาขึ้นอย่างปุบปับ ก่อนจะคว้าเอาจี้ห้อยคอของเจ้าเยี่ยเหมิงก่อนจะขว้างออกไปไกล จี้หอยคอระเบิดออก ส่งคลื่นกระแทกอันรุนแรงยิ่งกว่าการระเบิดของเข็มทิศออกไปทั่วทุกทิศทาง ใบหน้าของเจ้าเยี่ยเหมิงซีดขาวลงถนัดตา
“การระเบิดครั้งก่อนหน้าก็เพื่อจะหลอกให้ข้าตายใจ โดนหวังว่าการระเบิดครั้งที่สองจะได้ผล แม่นางเอ๋ย เจ้านี่ช่าง…” เจ้าเยี่ยเหมิงขัดจังหวะผู้อาวุโส โดยการซัดเข็มเหาะเหินออกมาจากปากด้วยสีหน้าเรียบเฉย!
“แผนหลอกเด็ก!” ผู้อาวุโสคำรามออกมาพร้อมส่งสายตาจงเกลียดจงชัง ก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นจับเข็มที่พุ่งตรงไปยังหน้าผากของเขาเอาไว้ได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนสีไปทันทีที่สัมผัสโดนเข็ม มันสลายกลายเป็นฝุ่นสีเทาที่ล่องลอยพุ่งไปยังดวงตาทั้งสอง
ผู้อาวุโสหลับตาลงตามสัญชาตญาณ ใบหน้าของเจ้าเยี่ยเหมิงยังคงซีดเผือด แต่ความตื่นตระหนกและสิ้นหวังในแววตาบัดนี้มลายหายไปสิ้น ถูกแทนที่ด้วยความดุร้าย หญิงสาวยกมือขวาขึ้น จรดปลายนิ้วชี้เข้ากับนิ้วหัวแม่มือก่อนจะกดลงอย่างแรง!
มีวัตถุเล็กๆ ฝังตัวอยู่ตรงปลายนิ้วหัวแม่มือของเจ้าเยี่ยเหมิง ดูเหมือนว่ามันจะถูกปลุกขึ้นด้วยการกดอย่างแรงนั้น ลำแสงแรงกล้าสองสายปรากฏขึ้นมาจากปลายนิ้วนั้น อันหนึ่งเป็นสีแดง อีกอันเป็นสีขาว!
แสงสีขาวห้อมล้อมกายเจ้าเยี่ยเหมิงเอาไว้ก่อนจะกลายเป็นเกราะลูกโป่งอากาศ ขณะที่แสงสีแดงนั้นพุ่งตรงเข้าหาผู้อาวุโสขั้นจุติวญญาณทันที หากจ้องมองให้ลึกเข้าไปยังแสงสีแดงแล้ว ก็อาจจะเห็นผลึกขนาดจิ๋วที่ถูกบีบอัดมานับครั้งได้ถ้วน!
คลื่นพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากผลึกเล็กจิ๋วนั้น ก่อนที่มันจะพุ่งชนผู้อาวุโสก่อนที่เขาจะตั้งรับได้ทัน เกิดเป็นการระเบิดดังสนั่น!
มีเกราะกำบังปรากฏขึ้นในวินาทีเดียวกัน เกราะนั้นดูเหมือนว่าจะสามารถจับปราณวิญญาณได้ และทำหน้าที่ปิดผนึกพลังปราณของเป้าหมาย แรงสะท้อนกลับอย่างรุนแรงจากปราณวิญญาณนั้นก่อตัวเป็นหลุมดำขนาดเท่ากำปั้นที่มีแรงดูดอันทรงพลัง ราวกับว่าสามารถจะฉีกทึ้งทำลายทุกสรรพสิ่ง!
สิ่งนี้ก็คือ…การผสานรวมระหว่างวิทยาการที่ก้าวหน้าที่สุดของสหพันธรัฐเข้ากับพลังวิญญาณ…หรือระเบิดต้านทานวิญญาณนั่นเอง!
ผู้อาวุโสส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดท่ามกลางแรงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัว กายเนื้อของเขาสลายเป็นเศษเนื้อขณะที่ปลิวกระดอนถอยหลังไป เจ้าเยี่ยเหมิงเอง แม้ว่าจะเจ็บหนัก แต่ก็ถอยหลังกลับมาภายใต้เกราะกำบังจากแสงสีขาวได้สำเร็จ แต่กระนั้น เกราะกำบังก็ยังไม่อาจคุ้มครองนางได้เต็มที่ หญิงสาวกระอักเอาโลหิตออกมากองใหญ่ ขณะนี้ร่างกายของนางอ่อนล้าถึงขีดสุด แต่ประกายแสงในแววตานั้นไม่ได้จางหายไป ในแววตาของเจ้าเยี่ยเหมิงนั้นไม่แสดงอาการอ่อนแอหรือสิ้นหวังออกมาแม้แต่นิดเดียว
ไม่ใช่ความอ่อนด้อยประสบการณ์แต่อย่างใดที่นำพาให้เจ้าเยี่ยเหมิงแสดงความอาฆาตมาดร้ายหรือความตื่นกลัวออกมาทางแววตา การระเบิดเข็มทิศและจี้ห้อยคอก็เพื่อเป็นนกต่อ นางต้องการจะให้อีกฝ่ายมั่นใจในความสำเร็จ มากพอที่จะไม่ทันระวังตัว เพื่อที่นางจะได้ใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดได้อย่างเต็มที่!
เจ้าเยี่ยเหมิงรู้ดีว่ามีโอกาสเพียงครังเดียวเท่านั้น นางจึงได้วางแผนนี้มาอย่างรัดกุมถึงขีดสุด!