หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 658 หมื่นภัยพิบัติและพันชีวิต!
บทที่ 658 หมื่นภัยพิบัติและพันชีวิต!
เสียงกู่ร้องนั้นดังเสียยิ่งกว่าฟ้าผ่า ทำให้อากาศภายในถ้ำระเบิดออก จนกำแพงและเสาค้ำยันเพดานสั่นไหว ลมแรงพัดผ่านผิวน้ำของทะเลสาบทองคำเกิดคลื่นเป็นระรอก ส่งให้หัวใจของหวังเป่าเล่อถูกเกาะกุมด้วยความกลัว
โยวหรันที่ดูเสียสติตาแดงก่ำพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อเหมือนสายฟ้า เขายกมือขวาขึ้นส่งพลังปราณระดับเชื่อมวิญญาณออกไป สร้างพลังร้ายกาจพร้อมเข้าปะทะ เพื่อดูดเอาพลังงานทั้งหมดที่ชายหนุ่มเอาไปเก็บสะสมเอาไว้มานำกลับไปใส่ในชุดคลุมออกศึกดังเดิม และทำลายชายหนุ่มให้ย่อยยับไปในคราวเดียว!
ความตายที่มาเยือนที่ปากประตูนี้ทำให้หวังเป่าเล่อหัวแทบระเบิด
ชายหนุ่มตาเบิกกว้าง รู้สึกได้ว่าร่างอวตารของตนเองเคลื่อนย้ายเข้าเสาค้ำไปแล้วและกำลังจะไปโผล่ที่ชั้นสอง เขาเพียงแต่ต้องสลับที่กับร่างอวตารของตน เพื่อหนีออกไปจากจุดที่สิ้นหวังนี้เท่านั้น
แต่เขาเองก็รู้ดีว่าต่อให้ตนเองหนีออกไปได้ในครั้งนี้ ตราบใดที่คลื่นรบกวนจากเรือรบยังคงไม่อ่อนกำลังลง เขาก็ยังไปไหนไม่ได้อยู่ดี สุดท้ายก็คงจบชีวิตลงไม่ต่างกัน!
มีทางเดียวเท่านั้นที่จะหนีออกไปจากที่นี่ได้ ซึ่งก็คือการทำลายคลื่นแทรกจากเรือรบ เขาต้องทำให้คลื่นนี้อ่อนแอพอให้เจ้าเยี่ยเหมิงหนีออกไปได้ด้วยยันต์เคลื่อนย้าย!
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำเช่นนั้น นอกเสียจากว่าร่างอวตารของเขาจะหาเจ้าเยี่ยเหมิงเจออย่างรวดเร็ว แต่เวลาก็แทบไม่มีแล้ว ความคิดหนึ่งวาบขึ้นในจิตของชายหนุ่ม สีหน้าของเขามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว หวังเป่าเล่อตะโกนออกมาทันทีโดยไม่ลังเลใจ ทันทีที่โยวหรันเข้ามาใกล้ ชุดเกราะจักรพรรดิลักอัคคีของเขายังเดินหน้าสูบพลังต่อไป ไขมันวิญญาณในร่างเริ่มเผาผลาญเพิ่มเป็นพลังงานให้กับเจ้าของร่าง
นี่คือสิ่งที่หวังเป่าเล่อคิดออกเป็นครั้งแรกจากการต่อสู้กับตู้กูหลิน ในครั้งที่เมล็ดแห่งการดูดกลืนของเขากลายพันธุ์และเริ่มดูดทุกอย่างเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง เขาพยายามทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นอีกหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จเนื่องจากก่อนหน้านี้ผอมเกินไป
แต่บัดนี้เขาสะสมไขมันวิญญาณเอาไว้ในร่างกายมากโข อ้วนมากเสียจนจะยืนยังแทบทำไม่ได้ เมื่อชายหนุ่มปล่อยท่าไม้ตายนี้ ไขมันวิญญาณในร่างกายเขาก็เริ่มเผาผลาญอย่างรวดเร็ว คลื่นพลังปราณระเบิดออกจากร่างของชายหนุ่มเป็นริ้วๆ !
หากมีคนนอกมาช่วยคะเนอำนาจของพลังปราณที่เขาปล่อยออกมาในตอนนี้ จะพบว่าแซงหน้าพลังของผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณไปไกล จนเทียบเท่าพลังของโยวหรันในตอนนั้นเลยทีเดียว ทว่า…พลังนี้กลับไม่ใช่พลังปราณที่สะสมผ่านการฝึกตน แต่เป็นพลังจากไขมันของหวังเป่าเล่อที่เผาไหม้
แม้ปริมาณจะได้ แต่คุณภาพก็ยังห่างชั้น หากพลังของโยวหรันเปรียบเสมือนน้ำแข็ง พลังของหวังเป่าเล่อก็เป็นเพียงหมอกบางเท่านั้น!
ไม่ว่าหมอกนั้นจะหนาเพียงใด ก็ยังทะลุผ่านได้เสมอด้วยธรรมชาติของมัน หมอกนั้นอาจใช้เป็นโล่กำบังได้หากเปลี่ยนสภาพกลายเป็นน้ำ และเมื่อแข็งแกร่งจนกลายเป็นน้ำแข็ง ก็จะสามารถนำมาใช้โจมตีได้!
นอกจากนี้ความแตกต่างของสองยังมีอยู่ในขั้นการควบคุมพลังอีกด้วย โยวหรันใช้พลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณของตนเองได้อย่างไร้ที่ติ ทำให้พลังปราณของเขาแปรเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นสิ่งใดก็ได้ ส่วนหวังเป่าเล่อนั้นไม่สามารถควบคุมพลังที่ตนเองปล่อยออกมาได้ ทำให้ปรับสภาพการโจมตีของตนเองได้ไม่คล่องมือ
ตัวชายหนุ่มเองก็รู้ความจริงข้อนี้ดี เขาจึงพยายามปล่อยพลังจำนวนมากออกจากจากไขมันวิญญาณที่ตนเองสะสมเอาไว้เท่านั้น ไม่ได้พยายามใช้เคล็ดเวทใดๆ หรือใช้ปราณป้องกันการโจมตีของโยวหรัน
สิ่งที่เขาทำก็คือ การปล่อยพลังปราณจำนวนมหาศาลนั้น…เข้าไปยังกำไลของเขา สู่ลูกประคำหกลูกบนข้อมือนั่นเอง!
พลังปราณที่หลั่งไหลเข้าไปนั้น ทำให้ลูกประคำสี่จากหกลูกดูดกลืนอย่างหิวกระหาย เหมือนหลุมดำที่ไม่ได้รับสารอาหารหล่อเลี้ยงมานานแสนนาน ลูกประคำทั้งสี่สองแสงสว่างเจิดจ้าออกมา แต่ละลูกมีสีต่างกันไป ทั้งแดง น้ำเงิน ดำ และทอง!
พลังรุนแรงเกินต้านทานอุบัติขึ้นในอากาศ!
ลูกประคำแต่ละลูกอันแน่นด้วยพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นไพ่ตายของหวังเป่าเล่อ แม้เขาจะควบคุมพลังปราณมหาศาลที่ตนเองปล่อยออกมา และใช้มันเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ไม่ได้ แต่เขาก็ยังสามารถส่งพลังนั้นเข้าไปในกำไลของตน เพื่อปล่อยพลังเทพของลูกประคำต่อกรแทนได้!
ด้วยความที่พลังเทพ…ถูกบรรจุอยู่ในกำไลของเขา แปลว่า…พลังปราณของผู้ใช้งาน จะเป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่งของพลังเทพแต่ละประเภท
กำไลเทพนี้เปรียบเสมือนตัวกลางที่ดูดเอาพลังปราณจากไขมันของหวังเป่าเล่อเอาไว้ และปล่อยออกมาเป็นพลังการโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่า เทียบเท่ากับการนำหมอกปราณนั้นมากลั่นและอัดเป็นใบมีดน้ำแข็ง!
นี่คือทางเดียวที่เขาคิดออก ในการปกป้องตนเองจากการโจมตีของโยวหรันในตอนนั้น เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเผาผลาญไขมันวิญญาณของตนเองออกให้หมด และปล่อยออกมาในรูปของพลังปราณเพื่อส่งไปยังกำไล ส่วนตัวโยวหรันเองนั้นก็กำลังพุ่งเข้าใส่เขา ด้วยโทสะถึงขีดสุดและพลังระดับเชื่อมวิญญาณทั้งหมดที่ตนเองมี ชายชราพร้อมขยี้หวังเป่าเล่อให้กลายเป็นผุยผง
ในตอนนั้นเองที่หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นและเอ่ยคำหนึ่งออกมา!
“หมื่นภัยพิบัติ!”
ทันทีที่พูดจบ ลูกประคำรูปดาวลูกหนึ่งบนข้อมือขวาของเขาก็ปล่อยแสงสีดำเจิดจ้า นกพิราบสีดำโบยบินออกจากลูกประคำนั้น!
นกสีดำนั้นขยายใหญ่ขึ้นจนขนาดเท่าเกราะจักรพรรดิ เงาของมันทะมึนเหนือทุกสิ่งและพุ่งเข้าหาโยวหรันในทันที!
โยวหรันที่กำลังโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด ไม่ได้คิดว่าหวังเป่าเล่อเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับตนเองแม้แต่น้อย แต่ทันทีที่เขาเห็นนกพิราบสีดำนั้น เขาก็พาลตัวสั่น!
ชายแก่รู้สึกราวกับว่าวิญญาณของตนเองถูกสะกดเอาไว้จนไปไหนไม่ได้ เขาขยับตัวไม่ได้ และก็หนีการโจมตีนี้ไปไม่ได้เช่นกัน โยวหรันสิ้นพลังในการตอบกลับไปโดยสิ้นเชิง ความรู้สึกมืดแปดด้านเข้าเกาะกุมจิตใจ มาพร้อมกับความเย็นเยียบที่หาต้นตอไม่เจอ
โยวหรันไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะสร้างผนึกมือชุดและชี้นิ้วออกมา ปราณมืดก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างต่อหน้าเขา แปรสภาพไปเป็นรูปปั้นผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้น หมายทำลายนกพิราบสีดำให้สิ้นซาก ภาพที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นแปลกประหลาดนัก เมื่อนกพิราบพุ่งเข้ารับการโจมตีของรูปปั้นนั้น มันกลับอันตรธานหายไปเสียเฉยๆ โดยไร้ซึ่งวี่แววการบาดเจ็บ ทว่า…นกพิราบสีดำกลับปรากฏขึ้นบนหน้าผากของโยวหรันในรูปแบบของรอยสลักแทนเสียนี่!
โยวหรันไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือระคายแม้แต่น้อย เขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก รู้สึกได้ในทันทีว่าพลังงานอันตรายแผ่ออกจากรอยสลักบนหน้าผากของตน สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือพลังต้านที่กำเนิดขึ้นจากทะเลสาบ ทั้งภายในเสาค้ำ กำแพงที่รายรอบ และแม้กระทั่งจากชุดคลุมออกศึกเต๋ามรณะที่หวังเป่าเล่อกำลังดูดพลังอยู่!
พลังรุนแรงระเบิดออกทันที พลังนั้นไม่สนใจหวังเป่าเล่อ แต่พุ่งเป้าไปที่โยวหรัน ทุกสิ่งในถ้ำแห่งนี้มองตัวเขาเป็นศัตรูในที่สุด!
ทะเลสาบทองคำระเบิดออก แขนขาซากศพเหาะออกมาพร้อมกระโจนเข้าโจมตี เสาค้ำสั่นสะท้าน นิ้วหักๆ มากมายพุ่งเข้าใส่ตัวเขาเช่นกัน
ยังไม่จบเพียงเท่านั้น กำแพงรอบกายเริ่มปริแตกกลายเป็นก้อนหินที่พุ่งเข้าหาโยวหรันอันเป็นเป้าหมาย!
ตัวเขาตกใจเป็นอันมากจนต้องล่าถอยจากอันตรายที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน สถานการณ์นี้ทั้งแปลกประหลาดทั้งไม่น่าเชื่อจนเขาสับสนไปหมด
โยวหรันปล่อยพลังปราณของตนเองออก พร้อมโบกมือและเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นพายุสีดำ ที่พัดพาเข้าใส่ชิ้นส่วนนิ้วและแขนขา รวมถึงเศษหินเหล่านั้น จากนั้นจึงกระโจนเข้าหาหวังเป่าเล่อต่อไป
การกระทำของเขาทำให้หมื่นภัยพิบัติโกรธเกรี้ยว ตราประทับนกพิราบบนศีรษะของโยนหรันทอแสงจ้า และลืมตาขึ้นในทันที พลังต่อต้านทวีความรุนแรงขึ้นและระเบิดรอบกาย พลังนั้นมาจากชุดคลุมออกศึกด้วยเช่นกัน พุ่งตรงมายังเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว โยวหรันตัวสั่นสะท้าน สีหน้าไม่อยากเชื่อสายตา ขณะที่ล่าถอยให้พ้นจากการโจมตีที่มองไม่เห็นหนี
นี่คือการปลุกอำนาจของหมื่นภัยพิบัติเป็นครั้งแรกของหวังเป่าเล่อ ตัวเขาเองก็ตกใจกับภาพตรงหน้าเช่นกัน ชายหนุ่มรีบปล่อยพลังชุดที่สองจากลูกประคำอันถัดไปออกมาทันทีโดยไม่ลังเล!
“พันชีวิต!”
ลูกประคำรูปดาวลูกที่สองทอแสงจ้า ความรู้สึกอบอุ่นที่คุ้นเคยกระจายไปทั่วร่างของหวังเป่าเล่อ นกพิราบตัวที่สองปรากฏขึ้นบนหน้าปากของเขา พลังนี้แข็งแกร่งกว่าพลังชุดแรกที่เขาปล่อยไปเป็นอันมาก!
หวังเป่าเล่ออบอุ่นไปทั้งร่างกาย ความรู้สึกได้รับการยอมรับรวมถึงไมตรีจิต เข้าโอบกอดเขาจากบรรยากาศโดยรอบ
ความเปลี่ยนแปลงนี้ปรากฏขึ้นชัดเจนที่สุดในชุดคลุมออกศึก ก่อนหน้านี้ขณะพยายามดูดพลัง หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ว่าชุดคลุมนั้นต่อต้านการกระทำของเขา เมล็ดแห่งการดูดกลืนของหวังเป่าเล่อ เดินหน้าสูบพลังจากชุดคลุมอย่างแข็งขัน แต่ในตอนนี้…แรงต้านที่เคยสัมผัสได้เมื่อก่อนหน้านั้นหายไปเรียบร้อยแล้ว ชุดคลุมไม่ได้ต่อต้านเขาอีกต่อไป แต่กลับเชิญชวนหวังเป่าเล่อให้มาสูบพลังออกจากตนเองด้วยซ้ำ!
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หวังเป่าเล่อตกใจเป็นอันมาก เขาดีใจเป็นล้นพ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จิตใจพุ่งขึ้นสู่ความปีติถึงขีดสุด!
“เจ้าโยวโยวน้อยเอ๋ย รู้ไหมว่านี่คือที่ได้ เจ้ากำลัง…อยู่ในบ้านของบิดาเจ้าอย่างไรเล่า มารับบทเรียนจากบิดาเจ้าคนนี้เสียดีๆ !”