หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 687 ทะเลดวงดาว!
การทำลายตัวเองของร่างอวตารก่อให้เกิดแรงกระแทกหนักหน่วงที่สร้างรูขนาดใหญ่ไว้ในอวกาศ ลมหมุนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและดูดทุกสิ่งเข้าไปหา แม้ว่าจะมีพลังปราณอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณ แต่เมี่ยเลี่ยจื่อก็ต้องชะลอการติดตามลงเพราะการระเบิดที่ต่อเนื่องจากทั้งหอกดำและร่างอวตารของหวังเป่าเล่อ
แรงกระแทกจากการระเบิดไม่เพียงกระจายไปเป็นวงกว้างแต่ยังกระทบกับพื้นที่โดยรอบอีกด้วย การเคลื่อนย้ายในระยะสั้นไม่อาจทำได้ ชายวัยกลางคนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอยหนีเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
มนุษย์เรืองแสงเป็นร่างรวมของดวงจิตนับแสน แม้จะมีพลังเทียบเท่าขั้นเชื่อมวิญญาณ แต่ก็ยังต้องใช้ดวงจิตจำนวนมากมารวมกัน แรงระเบิดส่งผลกับมันเช่นกัน ร่างนั้นหลบแรงระเบิดไม่พ้น ตัวของมันสั่นเทาเพราะแรงสั่นสะเทือนรุนแรง มีผู้ฝึกตนร่วมๆ สองหมื่นคนภายในวงแหวนปราณพันตาบนดาวพุธที่อาเจียนเอาเลือดออกมาพร้อมๆ กัน บ้างก็เสียชีวิตคาที่เพราะร่างกายแหลกเหลวไป
แรงสะท้อนกลับอันรุนแรงหยุดยั้งการติดตามเอาไว้ ซื้อเวลาให้หวังเป่าเล่อได้หลบหนี!
แต่ชายหนุ่มอาจไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น หลังจากที่หลบแรงระเบิดของร่างอวตารของหวังเป่าเล่อได้ เมี่ยเลี่ยจื่อก็เริ่มต้นไล่ตามอีกครั้ง ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยังคงอยู่ภายในเรือบินรบของตระกูลไม่รู้สิ้น ไม่อาจออกไปร่วมต่อสู้ด้วยได้ แต่สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่สนามรบไม่ห่าง
หวังเป่าเล่อ เฟิ่งชิวหรัน พวกเจ้าไม่มีทางหนีพ้นหรอก! ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันหรี่ตาก่อนจะยกมือขวาขึ้น แผ่นหยกหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ก่อนจะส่งคำสั่งออกไปทันที
คำสั่งนั้นไม่ได้ส่งไปยังผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลบนดาวพุธ หากแต่เป็นสหายร่วมตระกูลไม่รู้สิ้น ผู้ซึ่งตื่นขึ้นและซ่อนตัวอยู่ภายในร่างกายของผู้ฝึกตนสำนักเต๋าไพศาลนั่นเอง!
พวกเขาส่วนมากอยู่ในอวกาศ กำลังนำกลุ่มผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลในเรือบินล่องไปทั่วจักรวาล และเตรียมตัวรบกับสหพันธรัฐครั้งต่อไป นัยน์ตาของผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นส่องประกายเย็นเยียบเมื่อได้รับคำสั่ง
เรือบินอวกาศที่อยู่ภายนอกดาวพุธล้อมรอบดวงดาวเอาไว้ ป้องกันไม่ให้ใครหลบหนีไปได้
ขณะเดียวกันนั้นเอง ผู้บริหารระดับสูงของสหพันธรัฐกลุ่มใหญ่ก็รวมตัวกันอยู่ด้านหลังแนวป้องกันบนดาวศุกร์ พวกเขามาจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า กลุ่มไตรจันทรา ตระกูลนภาห้าสมัย และกลุ่มอำนาจการเมืองที่มีอิทธิพลอื่นๆ
ผู้ฝึกตนเหล่านี้ไปประจำอยู่ที่นั่นตามคำสั่งของต้วนมู่ฉีและหลี่ซิงเหวิน พวกเขาได้รับทรัพย์สมบัติและอำนาจจากสหพันธรัฐไม่น้อย ดังนั้นเมื่อสหพันธรัฐตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็ต้องต่อสู้และปกป้องมันเอาไว้!
สีหน้าของพวกเขาต่างจริงจัง ทุกคนรวมตัวกันอยู่บริเวณห้องสั่งการหลัก สายตาจับจ้องไปยังจอใหญ่เบื้องหน้า
จอนั้นฉายแผนที่ของระบบสุริยะ วงแหวนปราณระบบสุริยะกำลังทำงานอยู่ หมายความว่าแผนที่นี้เป็นภาพตามเวลาจริง ภาพของดาวพุธบนแผนที่ดูพร่าเลือน การที่ดาวพุธตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูและคลื่นรบกวนจากวงแหวนปราณบนดาวทำให้พวกเขาไม่อาจรับข้อมูลจากดาวพุธได้
อาณาเขตรอบๆ ดาวพุธเป็นสีดำสนิทจนกระทั่งสามสิบนาทีก่อน ตอนนั้นเอง ภาพที่พร่าเลือนก็เข้ามาแทนที่ความมืดมิดในตอนแรก มีบางอย่างทำให้คลื่นแทรกในบริเวณนั้นอ่อนแรงลง
“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับวงแหวนปราณดาวพุธ เหมือนว่าจะถูกโจมตีด้วยพลังบางอย่างขอรับ!”
“ตามข้อมูลที่เราเก็บมาจากวงแหวนปราณระบบสุริยะ เรือบินของสำนักวังเต๋าไพศาลภายนอกดาวพุธดูเหมือนกำลังแปรขบวน…”
“เราได้รับรายงานจากแนวหน้าว่าเรือบินรบของสำนักวังเต๋าไพศาลที่อยู่รอบนอกกำลังถอนตัว…เหมือนว่ากำลังจะตั้งแนวเพื่อขวางอะไรบางอย่าง!”
“ตามข้อมูลที่เรามี น่าจะสรุปได้ว่า…มีบางอย่างเกิดขึ้นที่สำนักวังเต๋าไพศาล ใครบางคนพยายามจะหนี หากดูตามรูปแบบการแปรขบวนของเรือบินรบ คาดว่าคนผู้นี้กำลังหนีจากดาวพุธออกไปสู่อวกาศ!”
ผู้ฝึกตนจากกรมที่รับผิดชอบกลยุทธ์ทางการทหารของสหพันธรัฐ ซึ่งเชี่ยวชาญการศึกสงคราม ยืนจังก้าอยู่หน้าจอยักษ์ในฐานและแจ้งข้อมูลให้ทุกคนในนั้น พวกเขาอธิบายข้อสรุปซึ่งมาจากข้อมูลที่เก็บมาได้ในช่วงสามสิบนาทีนั้น
ทุกคนมีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยิน พวกเขาไม่มีเวลาพูดคุยเรื่องนี้กันต่อ หลี่ซิงเหวิน ซึ่งยืนอยู่ข้างต้วนมู่ฉีที่มีสีหน้าเกรี้ยวกราด กระแอมกระไอออกมา ทั้งคู่ยืนอยู่ด้านหน้าฝูงชน
“อย่างที่ทุกท่านได้เห็นแล้ว นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันของเรา เวลาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ข้าอยากให้ทุกคนฟังข้อความเสียงนี้สักหน่อย” เมื่อชายชราพูดจบ ก็เปิดข้อความของหวังเป่าเล่อจากแหวนสื่อสารด้วยเสียงอันดัง
“ตาเฒ่า เป่าเล่อของท่านกลับมาแล้ว! ข้าพาภรรยาท่านกลับมาด้วย!”
เสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดีและอบอุ่น มันดังก้องสะท้อนไปในห้องโถงใหญ่ที่ผู้บริหารระดับสูงของสหพันธรัฐนั่งอยู่ ดวงตาของพวกเขาเบิกโพลง บ้างก็ถึงกับหายใจสะดุดด้วยความตกใจ
“หวังเป่าเล่อหรือ”
“เจ้าเด็กที่ไปเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่สำนักวังเต๋าไพศาลน่ะหรือ”
“เขายังไม่ตายหรือ แล้วภรรยาที่ว่านี่คือ…”
อารมณ์หลากหลายพลุ่งพล่านอยู่ในฝูงชนเมื่อพวกเขาจำเสียงของหวังเป่าเล่อได้ ทุกคนให้ความสนใจกับสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูดในตอนท้าย แล้วจึงนึกได้ว่าผู้ที่หวังเป่าเล่อกล่าวว่าเป็นภรรยาของหลี่ซิงเหวินคือใคร
“ผู้อาวุโสสูงสุดเฟิ่งชิวหรันแห่งสำนักวังเต๋าไพศาล!”
หลี่ซิงเหวินไม่ได้มีท่าทีเขินอายต่อความตื่นตกใจนั้น ชายชราดูเหมือนจะภูมิใจเอาเสียด้วยซ้ำ ใบหน้าของต้วนมู่ฉียังคงกราดเกรี้ยว เขาตกใจที่ได้รู้ว่าหลี่ซิงเหวินได้รับข้อความเสียงจากหวังเป่าเล่อ แต่หลี่ซิงเหวินได้พูดต่อเรื่องการหาตัวแทนตำแหน่งผู้นำ ทำให้ต้วนมู่ฉีกังวลใจเป็นที่สุด ศีรษะก็ปวดตุบเพียงแค่คิดเรื่องนี้ แม้กระทั่งสงครามก็ยังไม่ทำให้เขาวุ่นวายใจได้ถึงเพียงนี้
“เอาละ สหายร่วมสำนักเต๋าทั้งหลาย ข้าขอเสนอว่าเราควรไปรับหวังเป่าเล่อและเฟิ่งชิวหรันมาทันที ข้ารู้ดีว่าพวกท่านอาจจะยังข้องใจว่าเป็นพวกเขาจริงหรือแค่หลอกลวง แต่จากข้อมูลที่เราได้รับมา ขณะนี้ เมี่ยเลี่ยจื่อกำลังถูกควบคุม แถมยังมีเรื่องการแฝงตัวของสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นในร่างมนุษย์ด้วย แต่พวกเราไม่อาจทิ้งพวกเขาทั้งสองเพียงเพราะความสงสัยได้ ข้าเสนอว่าพวกเราควรไปช่วยพวกเขามาก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจว่าจะทำเช่นไรต่อไป!” หลี่ซิงเหวินพูดอย่างเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะพูดในเชิงเสนอ แต่ความมุ่งมั่นในแววตาของเขาก็เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนดี
“ข้าเห็นด้วย!”
“ข้ายังคงไม่วางใจนัก แต่หวังเป่าเล่อก็มีคุณต่อสหพันธรัฐมากนัก แม้นี่จะเป็นกับดักก็ตามแต่ พวกเราก็ต้องลองดู!”
สหพันธรัฐขณะนี้อยู่ท่ามกลางสงครามที่จะชี้ชะตาความอยู่รอดของพวกเขา และธรรมชาติอันน่ารังเกียจของมนุษย์ก็มักจะเผยตัวออกมาพร้อมสงคราม แต่ถึงกระนั้น การที่มีศัตรูคนเดียวกันก็ทำให้ทุกคนวางความโกรธเคืองครั้งเก่าและร่วมมือกัน ดังนั้นตระกูลนภาห้าสมัยจึงเห็นด้วยกับการตัดสินใจของหลี่ซิงเหวิน
ต้วนมู่ฉีรีบส่งคำสั่งในฐานะผู้นำของสหพันธรัฐ ให้ส่งกองเรือบินของสหพันธรัฐออกไป และเปิดใช้แนวป้องกันของดาวศุกร์ ดูคล้ายกับว่าสหพันธรัฐกำลังจะบุก วงแหวนปราณระบบสุริยะก็เดินเครื่องเต็มกำลังเช่นกัน มันสร้างคลื่นแทรกที่สะท้อนไปไกลถึงดาวพุธ ส่งผลให้ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลและตระกูลไม่รู้สิ้นไม่อาจตั้งแนวขัดขวางได้สำเร็จ
ขณะที่กองกำลังถูกปล่อยออกไป หลี่ซิงเหวินก็นำกลุ่มของตนเองเดินทางไปยังดาวพุธอย่างลับๆ ชายชราใช้พลังของวงแหวนปราณระบบสุริยะและมุ่งตรงออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
กลุ่มของเขาประกอบไปด้วยต้นไม้ยักษ์ ประมุขสำนักสวีจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ และยังมีผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอีกหลายคนจากกลุ่มอำนาจการเมืองอื่นๆ หากสู้กันตัวต่อตัว พวกเขาอาจไม่ใช่คู่ปรับของศัตรู แต่เมื่อมีวิทยาการของสหพันธรัฐคอยช่วยเหลือ เมื่อรวมความรู้ด้านวิทยาการและด้านพลังวิญญาณเข้าด้วยกัน ทำให้พวกเขามีวิธีการปรับพลังตนเองมากมาย หนึ่งในอาวุธหลักของพวกเขาก็คือระเบิดต้านทานวิญญาณนั่นเอง!
กองกำลังสหพันธรัฐเคลื่อนที่จากดาวศุกร์ พร้อมๆ กับหลี่ซิงเหวินที่ออกเดินทางไปอย่างลับๆ ขณะเดียวกัน บนท้องฟ้าเหนือดาวพุธ หวังเป่าเล่อและเฟิ่งชิวหรันต่างก็กำลังง่วนกับการหลบหนี และต่อสู้กับดาวพุธที่พยายามจะดึงรั้งพวกเขากลับไปบนพื้น
หัวใจของหวังเป่าเล่อยังคงเจ็บปวดไม่หายจากการสูญเสียหอกดำไป ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจกับการเสียร่างอวตารไปสักเท่าใดนัก…หอกดำนั้นเป็นวัตถุเวทที่ไม่เหมือนใคร ในขณะที่ร่างอวตารถูกสร้างขึ้นจากไขมันวิญญาณที่มีอยู่มากมายในกายเขา ร่างอวตารที่ระเบิดไปก็เปรียบได้กับการใช้พลังวิญญาณหมดไปเท่านั้นเอง
อันที่จริง มีปัญหาหนึ่งที่รบกวนใจหวังเป่าเล่อมาตลอดตั้งแต่การสลับตำแหน่งกับร่างอวตารเพื่อพยายามจะหนี
แรงระเบิดจากร่างอวตารของข้าดูจะแรงไม่ใช่เล่น…ทำไมข้าไม่ลองใช้วิธีนี้จู่โจมเรือบินรบของตระกูลไม่รู้สิ้นดู หากข้าสามารถสังหารศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันได้อีกครั้ง ข้าจะจบสงครามได้ด้วยตัวเอง และข้าก็จะกลายเป็นวีรบุรุษ!
ความคิดนั้นช่างล่อใจเป็นอย่างมาก หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัวเพียงแค่คิดเท่านั้น แต่ก็ต้องตัดใจอย่างรวดเร็ว การฟื้นคืนชีพของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยังมีปริศนาอยู่มากเกินไป และด้วยนิสัยของเฟิ่งชิวหรัน นางจึงไม่อาจเป็นที่พึ่งให้เขาได้เช่นกัน อีกอย่างหนึ่ง ชายหนุ่มจำสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นที่เขาพบภายในเรือบินรบ ซึ่งกำลังหลับไหลและรักษาตัวอยู่ได้ พลังที่แผ่ออกมาจากกายของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้นแข็งแกร่งเพียงใด
โอกาสที่เขาจะรอดชีวิตกลับไปเป็นวีรบุรุษมีเพียงน้อยนิด แต่โอกาสที่จะตายกลายเป็นอนุชนให้กับสงครามนั้นมีมากยิ่งกว่า
อีกอย่างหนึ่ง หวังเป่าเล่อไม่ควรใช้กลเม็ดนี้อย่างโจ่งแจ้งเกินไปนัก ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่มีท่าไม้ตายเดียว ซึ่งอาจทำให้เขาเสียเหลี่ยมในการต่อสู้ได้ เขาจึงตัดสินใจไม่ทำตัวเป็นวีรบุรุษ
อีกอย่าง นิสัยนี้ก็ไม่ควรส่งเสริม ข้าอาจเคยชินจนเผลอทำลายร่างจริงของตัวเองเอาก็เป็นได้…หวังเป่าเล่อคิดไปก็ขนลุกขนชันไป ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นอีก พวกเขาใกล้จะหลุดจากดาวพุธออกสู่อวกาศขึ้นทุกขณะ
น้ำหนักที่ดึงรั้งเขาไว้จางหายไปในวินาทีต่อมา ชายหนุ่มพุ่งตัวขึ้นไปอีกหลายร้อยเมตร ความรู้สึกอันเหลือเชื่อค่อยๆ หลั่งไหลออกจากวิญญาณจุติดวงดาราของเขา
ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในสามารถอยู่ในอวกาศได้ชั่วขณะหนึ่ง ผู้ที่อยู่ในขั้นจุติวิญญาณแม้ไม่สามารถอยู่ในอวกาศได้เหมือนดวงดาว แต่ก็ยังใช้คาถาและเหาะเหินได้อย่างไร้ปัญหา แม้จะไม่นานนัก ส่วนผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย
ทุกๆ อย่างเป็นไปได้ ขอแค่เพียงมีปราณวิญญาณเพียงพอ!
แน่นอนว่า สำหรับผู้ฝึกตนทั่วไปเรื่องนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่ แต่หวังเป่าเล่อนั้นต่างออกไป ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรงทันทีที่ออกจากบรรยากาศของดาวพุธและเข้าสู่อวกาศ วิญญาณจุติดวงดาราในกายก็รู้สึกแปลกแปร่ง ราวกับว่า…เขาได้จมลงไปในมหาสมุทรของดวงดาว และวิญญาณจุติดวงดาราก็เป็นปลาตัวหนึ่งในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นี้!
ข้าคิดอยู่เสมอว่าตัวข้าเป็นคนพิเศษ เป็นผู้ที่โชคชะตากำหนดให้ขึ้นปกครองสหพันธรัฐ และนำสหพันธรัฐยึดครองจักรวาลทั้งหมด ดูเหมือนว่าวิญญาณจุติของข้าจะเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีทีเดียว! ความพิเศษของวิญญาณจุติทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจชื้น เขาหันไปมองเฟิ่งชิวหรัน ผู้ซึ่งออกมาถึงอวกาศแล้วเช่นกัน จากนั้นจึงหันไปมองดวงดาวห่างไกล และด้วยการเร่งความเร็วอย่างฉับพลัน หวังเป่าเล่อก็พุ่งทะยานออกไปไกลลิบ!
……………………………