หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 749 ทางลัดสู่ระดับเชื่อมวิญญาณ!
ความรู้สึกนี้… หวังเป่าเล่อลอยค้างอยู่กลางอากาศ ผมของเขาปลิวไสว ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง พลังชีวิตที่ดูเหมือนไร้ขีดจำกัดจากบรรยากาศโดยรอบไหลเข้ามารวมในร่าง ก่อให้เกิดกระแสพลังเป็นริ้วๆ ที่ผลักขั้นปราณของเขาให้เข้าใกล้จุดบรรลุขึ้นเรื่อยๆ
ยังไม่พอ! ชายหนุ่มสูดหายใจเข้า ดวงตาเป็นประกายลึกล้ำ เขามองลงไปที่หลุมเบื้องล่าง ก่อนขยับตัวเคลื่อนไหวกลายเป็นเส้นสายรุ้งมุ่งหน้าสู่หลุมถัดมา
ความเร็วของชายหนุ่มแสดงให้เห็นว่าเขาปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดที่ตนเองมี จนมาปรากฏอยู่เหนืออีกหลุมหนึ่งภายในเสี้ยววินาทีไม่ต่างจากฟ้าแลบ หลุมที่สองมีขนาดเท่าหลุมแรก เบื้องล่างเต็มไปด้วยเศษเลือดเนื้อเละๆ บรรยากาศแห่งความตายที่เข้ามาใกล้ตัว ทำให้สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์หน้าตาเหมือนตะขาบพากันเงยหน้าขึ้นมอง และกรีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงออกมาพร้อมกัน
ทันทีที่เสียงกรีดร้องดังก้องในอากาศ เหล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ก็ถูกแขนอาวุธเทพของหวังเป่าเล่อกำจัดทันที ท้องฟ้าและพื้นดินสั่นสะเทือน หลุมอาบเคลือบด้วยแสงสว่างเจิดจ้าจากกระบวนเวทและอาวุธเทพของชายหนุ่ม วินาทีต่อมา หวังเป่าเล่อก็มุ่งหน้าสู่หลุมต่อไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ทุกสิ่งในหลุมถูกกำจัดเสียหมดสิ้นจนราบเป็นหน้ากลอง
สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์สิ้นชีพและกลายเป็นดวงตาปีศาจที่ลอยอยู่เบื้องหลังหวังเป่าเล่อ พวกมันลอยตามตัวเขาไป ดูเหมือนจะปกคลุมได้ทั้งท้องฟ้าและผืนดิน ขณะที่ชายหนุ่มมุ่งหน้าสู่เป้าหมายใหม่
หวังเป่าเล่อลงมือสังหารไปนับครั้งไม่ถ้วนภายในเวลาสองชั่วโมง เสียงระเบิดสะเทือนไปในอากาศ ไม่ว่าเขาจะเหาะไปแห่งหนใด หลุมก็พลันล่มสลายลง สิ่งมีชีวิตทุกชนิดถูกทำลายสิ้น ไม่ว่าจะมีปราณในขั้นกำเนิดแก่นในหรือจุติวิญญาณ ก็ล้วนไม่มีใครหลบหนีการโจมตีของชายหนุ่มไปได้
หวังเป่าเล่อไม่มีเวลามานั่งสนใจเสาะหาทรัพยากรที่สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ต้องการ สิ่งที่ชายหนุ่มกระหายในตอนนี้ไม่ใช่ทรัพยากร หากแต่เป็น…การพัฒนาระดับพลังปราณของตนเอง!
ในความคิดของหวังเป่าเล่อ ระบบดาวเคราะห์นี้เป็นที่ที่ดีที่สุดในการฝึกวิชาดวงเนตรปีศาจ เนื่องจากไม่มีผลกระทบตามมาหลังจากที่เขาสังหารผู้คน ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงกระหายปราณขั้นเชื่อมวิญญาณและพัฒนาการของพลังปราณโดยรวม รวมถึงพลังชีวิตที่ไหลบ่าเข้าร่างกายของเขาเป็นอย่างมาก
ข้าจะต้องบรรลุปราณ…ขั้นเชื่อมวิญญาณให้ได้ ที่นี่ ตอนนี้!
หวังเป่าเล่อหายใจถี่ด้วยความตื่นเต้นมีความหวัง เขากำลังจะเดินหน้าสังหารสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ต่อ แต่ก็ก้มลงมองกระเป๋าคลังเก็บและหยิบแผ่นหยกสื่อสารออกมาเสียก่อน เสียงโกรธเกรี้ยวกระวนกระวายของผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักดังลอดออกจากแผ่นหยกนั้น
“ไอ้หลงหนานจื่อ หยุดสังหารเดี๋ยวนี้!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ประกายเย็นเยียบก็วาบเข้ามาในดวงตาแดงก่ำของหวังเป่าเล่อ เขากำลังจะพูดตอบ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ดูเหมือนจะรู้สึกตัวก่อนว่าตนเองพูดจาไม่ค่อยดีกับเขา จึงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนพูดอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสหลงหนานจื่อ อารยธรรมกลายพันธุ์นี้เหมาะสมเป็นอย่างมากกับการพัฒนาสำนักของเราในอนาคต ข้ารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าและคนอื่นๆ ในสำนักไม่พอใจ แต่ในเมื่อเรามาเจอที่แห่งนี้เข้าแล้ว อีกไม่นานข้าจะออกคำสั่งให้เดินทางกลับบ้าน พวกเราจะกลับไปด้วยกันทั้งหมด!
“และถึงแม้ข้าจะดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่ทั้งหมดที่ทำ ข้าทำไปเพื่ออนาคตของสำนักเราเพียงเท่านั้น!”
หวังเป่าเล่อหรี่ตาเมื่อได้ยิน แม้เขาจะอยากบรรลุปราณขั้นเชื่อมวิญญาณในตอนนี้ แต่คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดทำให้เขาเรียกสติตนเองกลับมาได้ ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าความคิดของตนถูกความกระหายเลือดครอบงำ และก่อนหน้านี้เขาก็หย่อนยานเกินไปจึงทำให้จิตของดวงตาปีศาจเข้ามาครอบงำได้
“เจ้ากลัวสิ่งใดกัน แค่ทำลายร่างของหลงหนานจื่อนี่ ทำลายพวกมันให้หมดทุกคน จากนั้นก็ทำลายระบบดาวเคราะห์นี้ให้มันสิ้นซากไปเสีย แล้วเจ้าจะบรรลุปราณขั้นเชื่อมวิญญาณแน่นอน!” หวังเป่าเล่อหรี่ตา เสียงของจิตแห่งดวงตาปีศาจดังกังวานในหัว ดูเหมือนมันจะต้องการครอบงำจิตใจของเขาต่อไป
ไร้สาระ! ชายหนุ่มคิด แม้ว่าจิตของดวงตาปีศาจจะมีอิทธิพลต่อจิตใจเขา แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ต่อให้เขาฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้าภายใต้อิทธิพลของดวงจิตนี้ ตัวเขาเองก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรถ้าไม่ได้ทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุ
แต่เนื่องจากตัวเขาต้องอยู่ในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อีกสักพัก และหากเปลี่ยนตัวตนบ่อยเกินไปจะเสี่ยงถูกจับได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจลดจำนวนการฆ่าลงในอนาคต และสำแดงพลังปราณของตนให้อยู่ในขั้นจุติวิญญาณชั้นกลางเท่านั้น
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แต่ก็เริ่มสะสมความไม่พอใจในตัวหวังเป่าเล่อขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเวลาที่ทุกคนในสำนักนัดกันไว้ก็มาถึง ทุกคนทะยานออกจากดาวที่ตนเองอยู่เข้าสู่ห้วงอวกาศ พร้อมทรัพยากรจำนวนมากที่เก็บเกี่ยวมาได้
เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว ความกลัวหวังเป่าเล่อในดวงตาของผู้อาวุโสลำดับห้านั้นชัดเจน จิตสังหารของหวังเป่าเล่อ ประกอบกับพลังปราณที่แข็งกล้าจากร่างกายของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้อาวุโสผู้นั้นรู้ได้ว่าแม้หลงหนานจื่อจะดูเหมือนคนที่สงบนิ่งรักสันติ แต่แท้จริงแล้วแอบซ่อนความโหดเหี้ยมกระหายเลือดเอาไว้ภายใน
เห็นทีข้าจะต้องอยู่ห่างจากหมอนี่เอาไว้เสียแล้ว!
ขณะที่ทุกคนเข้ามารวมตัวกัน และขณะที่ผู้อาวุโสคนอื่นเริ่มจัดสรรทรัพยากรที่ตนเองหามาได้นั้น ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงขั้นปราณที่เปลี่ยนไปของหวังเป่าเล่อผู้มีสีหน้าเรียบเฉย สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงความอำมหิตที่ฉายออกจากร่างของชายหนุ่ม
ประกายแสงวาบเข้ามาในดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุด เขากดความไม่พอใจในตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ชั่วคราว ก่อนเอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ
“ของที่ปล้นมาในคราวนี้มากพอที่จะช่วยให้เราไถ่สำนักกลับคืนมาได้ตอนที่กลับไป นอกจากนี้ยังมีเหลือเกินให้ใช้อีกด้วย แต่หากจะกลับไปเช่นนี้คงเรียกได้ว่าเสียเที่ยว ข้าขอเสนอให้พวกเรามุ่งหน้าต่อไป!”
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนหน้า แม้จะมีบางคนที่ไม่เห็นด้วย แต่ทุกคนคงทำได้แค่จำใจยอมทำตามเนื่องจากแรงกดดันที่มาจากผู้อาวุโสสูงสุด แต่หลังจากที่ช่วงชิงทรัพยากรมาได้ไม่น้อยในคราวนี้ พวกเขาก็รีบรับคำอย่างกระตือรือร้น เรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ทิ้งหมู่ดาวอารยธรรมกลายพันธุ์ไว้เบื้องหลัง มุ่งหน้าสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
หลังจากที่ออกมาได้ไม่นานนัก หวังเป่าเล่อก็ถอดจิตออกจากร่างอวตาร ชายหนุ่มขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็หายตัวออกจากเรือบินรบในทันที กระบวนเวทสารัตถะทำให้หวังเป่าเล่อออกจากเรือบินรบมาได้โดยไม่มีใครรู้ตัว
แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ก็ยังตรวจจับไม่ได้ ว่าหวังเป่าเล่อกลายร่างเป็นหมอกสีดำที่พวยพุ่งออกจากเรือบินรบไปในห้วงอวกาศด้วยความเร็วสูง เพื่อกลับไปยัง…อารยธรรมกลายพันธุ์แล้ว!
เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทางเรียบร้อย หมอกมืดหวังเป่าเล่อก็รวมร่างกลายเป็นกายเนื้อ ประกายประหลาดวาบเข้ามาในดวงตาของชายหนุ่มที่กำลังโบกมือกวาดลงข้างล่างอย่างรุนแรง ทันใดนั้น ดวงตาปีศาจมากมายก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา แม้ดวงตาเหล่านั้นจะยังไม่ลืมตาตื่น แต่จำนวนที่มหาศาลของพวกมันก็ทำให้ดูน่าเกรงขามเป็นอันมาก เกราะจักรพรรดิปรากฏขึ้นบนกายของชายหนุ่มพร้อมแขนอาวุธเทพที่แขนขวา พลังปราณของเขาระเบิดออกมาไร้ขีดจำกัด
เมื่อรวมเข้ากับพลังจากดาวเคราะห์ของวิญญาณจุติดวงดาราแล้ว พลังของชายหนุ่มก็กระจายไปทั่วห้วงอวกาศจนทำให้บริเวณโดยรอบบิดเบี้ยว
เอาละ…ได้เวลาครอบครองปราณขั้นเชื่อมวิญญาณแล้ว! หวังเป่าเล่อยิ้มกริ่มพร้อมทะยานไปข้างหน้า ตรงไปยังดาวเคราะห์ดวงที่ใกล้ที่สุด!
เมื่อมองจากระยะไกล หวังเป่าเล่อดูเหมือนปีศาจร้ายผู้มาพร้อมเปลวไฟอเวจีที่กัดกินท้องฟ้าก็ไม่ปาน!
เขาเข้าไปยังบริเวณของดาวดวงแรกอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงฟ้าคำรามก้องที่สะท้อนสะเทือนไปทั่ว สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทุกตัวล้มลงแทบเท้า ถูกสังหารเหี้ยนหายไปในทันที!
พลังชีวิตเข้มข้นมหาศาลไหลบ่าเข้าสู่ร่างของหวังเป่าเล่อ ดวงตาปีศาจเบื้องหลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะกลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดยักษ์ในอวกาศ เมื่อดวงตานับไม่ถ้วนโผล่ปกคลุมทั่วพื้นผิวของดวงดาว พลังของมันก็ทำให้สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทุกชนิดในระบบดาวเคราะห์ตื่นตัว
เสียงกรีดร้องแหลมสูงชวนขนลุกกังวานไปทั่ว แผ่นดินไหวอุบัติขึ้นในดาวดวงที่สาม ตะขาบสายรุ้งยักษ์ลำตัวยาวอย่างน้อยสามร้อยเมตรพุ่งออกจากใต้ดิน พลังปราณที่กระจายไปในอากาศของมันอยู่ที่ขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้น ดวงตาเอ่อล้นด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต ร่างกายปกคลุมด้วยหมอกสีเทา มันหันหน้ามองไปยังดาวที่หวังเป่าเล่ออยู่ ร้องคำรามดังลั่น และกระโจนขึ้นไปในอากาศทันที กลายสภาพเป็นเส้นสายรุ้งพุ่งเข้าหาชายหนุ่ม
นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อีกสามตัวที่ตื่นขึ้นเพราะเขาเช่นกัน ตัวหนึ่งมีปราณอยู่ที่ขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้น อีกตัวอยู่ที่ชั้นกลาง ส่วนตัวสุดท้ายอยู่ที่ชั้นปลาย พวกมันกระโจนออกสู่ห้วงอวกาศพร้อมกัน พุ่งออกจากดาวของตนเองมุ่งหน้ามาหาหวังเป่าเล่อ!
หวังเป่าเล่อลอยอยู่กลางอากาศเหนือดาวของเขา ทุกสิ่งเบื้องล่างถูกสังหารราบคาบ เบื้องหลังอัดแน่นด้วยดวงตาปีศาจที่แทบจะบดบังท้องฟ้าจนมืดมิด!
ในที่สุดก็มีตัวใหญ่ออกมาเสียที! ชายหนุ่มหรี่ตา เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งสี่อยู่ลิบๆ ตรงขอบฟ้า เขาก็ฉีกยิ้มกริ่ม แทนที่จะถอยหนี หวังเป่าเล่อกลับกระโจนขึ้นในอากาศ ปลดปล่อยพละกำลังของตนเองในทันที เขาพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ทั้งสี่ พร้อมด้วยดวงตาปีศาจสีดำสนิทนับไม่ถ้วนเบื้องหลัง และแรงอาฆาตเข้มข้นที่พวยพุ่งหมายกลืนกินทุกสิ่ง!
……………………………