หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 757 ชายแดนของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์!
ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกเดาถูกจริงเสียด้วย หวังเป่าเล่อพยายามหนีเข้าไปในอาณาเขตของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ เนื่องจากรู้ดีว่าด้วยความสัมพันธ์อันตึงเครียดของทั้งสองฝ่าย สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำย่อมไม่กล้าล้ำเส้นอย่างแน่นอน
สองสำนักนี้เป็นศัตรูกัน ความบาดหมางอาจยังไม่ได้รุนแรงถึงขั้นการต่อสู้กันซึ่งๆ หน้า แต่การล้ำอาณาเขตของกันและกันก็ถือว่าเป็นความพยายามยั่วยุให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ทันทีที่ผู้ฝึกตนหญิงรู้ว่าหวังเป่าเล่อกำลังจะทำอะไร ดวงตาของนางก็วาวโรจน์ด้วยความอาฆาตมาดร้าย นางพ่นลมเยาะเย้ย ยกมือขวาขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือ ก่อนกัดปลายลิ้นตนเองและถ่มเลือดออกมา!
เลือดสีแดงสดที่กระจายออกมานั้นกระเพื่อมอยู่ในอวกาศ ก่อนแปลงสภาพไปเป็นแมลงปอสีแดงชาด!
ลำตัวและปีกของแมลงปอเป็นสีเลือด มันมาพร้อมไอกระหายเลือดท่วมท้น แมลงปอตัวนี้คือความรู้สึกนึกคิดของคนที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แมลงปอสีเลือดพุ่งไปข้างหน้าทันทีที่ก่อร่างสำเร็จไม่ต่างจากลูกศรคมกริบ ความเร็วของมันเหนือกว่าผู้ฝึกตนที่ใกล้จะบรรลุปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะ มีความใกล้เคียงกับผู้ที่บรรลุปราณขั้นนั้นอย่างแท้จริง
ทุกสิ่งเกิดขึ้นภายในพริบตา แมลงปอสีเลือดเดินทางข้ามห้วงอวกาศด้วยความเร็วเหลือเชื่อพร้อมเสียงอึกทึก พุ่งตรงเข้าหาหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อที่เคลื่อนย้ายออกไปไกลพลันหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงเตือนภัยอันตรายที่กรีดก้องอยู่ในหัว ชายหนุ่มไม่มีแม้แต่เวลาจะคิด รีบเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นหมอกและกระจายตัวไปทั่วบริเวณทันที
แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว ในวินาทีที่เขากลายเป็นหมอก แมลงปอสีเลือดก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลัง พุ่งทะลุเสียบหน้าอกของเขาทันที
แมลงปอสีเลือดหลอมละลายกลายเป็นกองเลือดที่ผสานเข้ากับร่างหมอกของหวังเป่าเล่อ ก่อนแพร่กระจายไปทั่ว เปลี่ยนหมอกให้กลายเป็นสีแดงฉาน!
เสียงอึกทึกดังลั่นไปในอวกาศ ร่างหมอกของหวังเป่าเล่อเริ่มปั่นป่วนเดือดพล่าน มันก่อตัวขึ้นเป็นร่างมนุษย์อีกครั้งในระยะไกลออกไป ร่างนั้นสั่นเทิ้ม กระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ เลือดนั้นคือพลังชีวิตที่ไหลออกจากร่าง ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือด บนหน้าอกมีบาดแผลรูปแมลงปอที่ไม่ยอมเยียวยาตนเอง!
เส้นเลือดบางสีแดงเข้มกระจายออกจากแผลรูปแมลงปอเหมือนรากฝอย แพร่สะพัดไปทั่วร่างกายของชายหนุ่ม มันดูดซับเอาพลังชีวิต ชอนไชไปในผิวหนังราวกับเนื้อร้ายที่คอยกัดกินร่างกายเขาเพื่อหล่อเลี้ยงให้ตนเองเจริญงอกงาม!
คำสาปรึ สีหน้าของชายหนุ่มมืดลง เขารีบเรียกเปลวไฟสีดำมาสะกดคำสาปให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น เนื่องจากไม่มีเวลาและทรัพยากรมากพอที่จะปลดเปลื้องตนเองออกจากคำสาปได้อย่างสมบูรณ์ เขารู้ว่าแผลนี้เป็นทั้งคำสาปและเครื่องมือในการจับพิกัดของเขา จึงยกมือขวาขึ้นโบกเพื่อหยิบวัตถุเวทจำนวนมากออกมาจากกำไลคลังเวทโดยไม่รอรี
วัตถุเวทเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาหลอมขึ้นมาสมัยยังอยู่ที่สหพันธรัฐ แต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เป็นวัตถุเวทที่ชายหนุ่มผลิตออกมาตอนศึกษาวิธีการหลอมเรือบินรบ ทุกชิ้นใช้งานแตกต่างกันออกไป หวังเป่าเล่อมีนิสัยติดตัวอยู่สองอย่างที่มักนำมาใช้ตอนหลอมวัตถุเวท อย่างแรกคือการปล่อยให้วัตถุเวทที่สร้างขึ้นพัฒนาไปตามธรรมชาติของมัน อย่างที่สองคือการติดตั้งระบบทำลายตัวเองไว้ในวัตถุเวททุกชิ้น
แรงจากการระเบิดทำลายตนเองอาจไม่แข็งแกร่งถ้าระเบิดทิ้งเพียงชิ้นหรือสองชิ้น แต่หากเขาปลุกพลังอักขระทำลายตนเองของวัตถุเวทหลายพันชิ้นให้ระเบิดในเวลาเดียวกัน แรงระเบิดย่อมทรงพลังแน่นอน
ตอนที่เขากำลังจะออกคำสั่งให้วัตถุเวททำลายตนเองนั้น ห้วงอวกาศเบื้องหลังก็ฉีกออก ผู้นำกองทหารมังกรหยดหมึกกำลังจะก้าวออกจากรอยแยกนั้น แต่สีหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนเป็นตกใจ นางรู้สึกได้ถึงกระแสพลังทำลายตนเองที่แผ่ออกมาจากวัตถุเวทของหวังเป่าเล่ออย่างรุนแรง จึงรีบสร้างผนึกฝ่ามืออย่างรวดเร็วเพื่อกันแรงระเบิด ก่อนจะรีบถอยหนี
เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่น แรงจากวัตถุเวทหลายพันชิ้นที่ทำลายตนเองพร้อมๆ กันเขย่าอวกาศให้สั่นไหว สร้างพายุหมุนรุนแรงให้อุบัติขึ้น
หวังเป่าเล่อไม่ได้หนีรอดจากพายุที่ตนเองสร้างโดยไร้รอยขีดข่วน เขากระอักเลือดที่อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตออกมาเต็มปาก ชายหนุ่มขบกรามแน่น พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ได้ลดลงเพื่อหลบหนี ก่อนจะอันตรธานหายไปอีกครั้งด้วยการเคลื่อนย้าย
สามวินาทีต่อมา ผู้นำกองทหารมังกรหยดหมึกก็ลากศิษย์ของตนเองออกมาจากใจกลางพายุ ทั้งสองกระโดดหลบระเบิดเมื่อครู่ได้ทันกาล แต่สีหน้าของนางนั้นโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด นางขบกรามแน่น ดวงตามืดมนด้วยความอำมหิตเข้ากระดูกดำ
การตอบโต้ของหวังเป่าเล่อทำให้นางตกใจถึงสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือเขาดูไม่ได้รับผลกระทบจากคำสาปของนางมากนัก แมลงปอสีเลือดอุ้มเลือดที่สกัดจากปลายลิ้นของนางเอาไว้ มันเป็นคำสาปที่ได้ผลชะงัดกับสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อ วิชานี้เป็นกระบวนเวทที่นางได้รับมาจากจักรพรรดิสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่มีขั้นปราณระดับดาวพระเคราะห์ ผู้ที่โดนคำสาปนี้เข้าไปจะถึงแก่ความตายแน่นอน นอกจากจะมีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะขึ้นไปเท่านั้น!
จากนั้นเรื่องน่าตระหนกที่สองก็ตามมา นางไม่ได้ตกใจกับการที่คำสาปของตนใช้ไม่ได้ผลกับหวังเป่าเล่อมากมายนัก แต่ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะตอบโต้กลับได้เร็วถึงเพียงนี้ นางจับพิกัดของชายหนุ่มไว้ และเคลื่อนย้ายตนเองมาหาแทบจะในทันทีที่แมลงปอสีเลือดประทับตราคำสาปลงบนกายของอีกฝ่าย แต่นางก็ยังถูกซุ่มโจมตีเสียได้ แถมเขายังทำให้นางช้าลงชั่วครู่ได้จริงเสียด้วย
จะปล่อยให้ไอ้เด็กนี่มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้! ประกายสังหารสว่างวาบออกจากดวงตาของนาง นางสร้างผนึกฝ่ามือด้วยมือขวา เตรียมตัวเคลื่อนย้ายไปยังพิกัดที่อีกฝ่ายอยู่โดยอาศัยจิตสัมผัสที่เชื่อมกับแมลงปอสีเลือด ข้างกายนางมีศิษย์รักอยู่ ชายหนุ่มที่เกือบสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือของหวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้ร่างสั่นเทิ้มด้วยความกระวนกระวายถึงขีดสุด เขาติดตามอาจารย์อย่างใกล้ชิดมาตลอด และสังเกตเห็นว่าสีหน้าโกรธเกรี้ยวของนางนั้นค่อยๆ มืดมนลงเรื่อยๆ ตลอดการไล่ล่า ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกลัวหวังเป่าเล่อมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเขาก็เห็นสีหน้าของอาจารย์มืดมนลงไปอีก ดูเหมือนว่านางจะหาตัวหวังเป่าเล่อไม่เจอเสียแล้ว เมื่อตระหนักดังนั้น รูม่านตาของชายหนุ่มก็หดแคบลงทันที
ถูกผนึกไปแล้วหรือ ผู้บัญชาการกองทหารกัดฟันกรอด นางเริ่มออกไล่ล่าอีกครั้ง แม้จะหาพิกัดที่แน่นอนของเป้าหมายไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่านางไม่รู้เสียทีเดียวว่าชายหนุ่มขยับตัวไปในทิศทางไหน ทั้งสองเดินหน้าเข้าใกล้ชายแดนระหว่างพื้นที่สาธารณะและเขตแดนของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ขึ้นเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มสูบ ตัดผ่านอวกาศมืดมิดราวกับเป็นดาวหาง
หน้าของเขาซีดเหมือนกระดาษ แม้จะผนึกแผลรูปแมลงปอได้เรียบร้อยโดยใช้เปลวไฟสีดำ แต่ตราบใดที่ตราประทับนี้ยังคงอยู่ ร่างกายของเขาก็จะยังต้องเจ็บปวดมหาศาล หวังเป่าเล่อตัวสั่นสะท้านจากความเจ็บลึก เป็นความทรมานที่ประทับตราเข้าไปยังดวงวิญญาณของเขา ทำให้ร่างจริงเริ่มได้รับผลกระทบ
โชคดีที่แม้จะมีอุปสรรคระหว่างทาง แต่หวังเป่าเล่อก็ยังรักษาความเร็วเอาไว้ได้ อัตราเร็วที่คงที่ทำให้เขาเข้าใกล้ชายแดนอาณาเขตสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นเส้นแสงสว่างเรืองรองอยู่รางๆ ตรงหน้า!
เส้นแสงสีขาวแบ่งอาณาเขตทั้งสองบริเวณออกจากกัน ที่อีกฟากหนึ่งของแสงมีเรือบินรบขนาดยักษ์นับสิบลำจอดอยู่!
หลังกองทัพเรือบินรบมีฟองอากาศอยู่มากมาย ฟองอากาศหลายร้อยฟองกระจุกอยู่รวมกันจนแน่นอวกาศ ภายในฟองอากาศแต่ละฟองมีโลกเล็กๆ อยู่ภายใน โดยมีผู้ฝึกตนผลุบโผล่ไปมาอยู่ในฟองอากาศนั้น
เบื้องหลังกระจุกฟองอากาศมีฟองอากาศสีรุ้งอยู่หนึ่งฟอง ภายในมีตัวด้วงในชุดเกราะสีดำอยู่ ด้วงตัวนั้นหลับตานิ่ง แต่ก็ยังไม่วายปล่อยพลังงานน่าขนลุกออกท่วมทั่วบริเวณ ชายชราคนหนึ่งนอนอยู่บนหัวของด้วงเกราะดำ เขานั่งเท้าคางมองไปทางหวังเป่าเล่อด้วยแววตาเย้ยหยัน!
กองทหารที่แข็งแกร่งเป็นลำดับห้าของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์…กองทหารเกราะดำ! ดวงตาของหวังเป่าเล่อสว่างวาบขณะมองฟองอากาศที่ลอยอยู่ด้านหลังเส้นแสง เขารู้เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์จากการค้นวิญญาณเต๋อคุนจื่อ และรู้ด้วยว่ากองทหารเกราะดำนั้นมีหน้าที่ลาดตระเวนชายแดนของสำนัก
นอกจากนี้เขายังรู้อีกว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ฐานที่มั่นชั่วคราวของกองทหารเกราะดำ เส้นแสงนั้นคือเส้นชายแดน มีเพียงสมาชิกของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ หรือสมาชิกของสำนักย่อยที่ขึ้นต่อสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์เท่านั้นที่จะผ่านเข้ามาได้ ส่วนบุคคลภายนอกนั้น…เข้ามาไม่ได้ในทุกกรณี!
สีหน้าของชายหนุ่มไม่ได้แสดงความโล่งใจแต่อย่างใดเมื่อเห็นเส้นชัยอยู่ข้างหน้า เขากัดฟันระเบิดพลังปราณเพื่อส่งให้ตนเองเคลื่อนที่เร็วขึ้นอีก สิบวินาทีต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากด้านหลัง ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกไล่มาทันแล้ว และในตอนนั้นเองเช่นกันที่หวังเป่าเล่อก้าวข้ามเส้นแสงผ่านไปยังอาณาเขตของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์!
ทันทีที่เขาข้ามเส้นเขตแดน ตราประจำตัวของหลงหนานจื่อที่อยู่ในกำไลคลังเวทของเขามาตลอดก็เรืองแสงสว่างวาบ ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับการยืนยันตัวตน และได้รับอนุญาตให้เข้ามาในอาณาเขตได้อย่างปลอดภัย
กองทหารเกราะดำไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้กับการข้ามเขตแดนของหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย ผู้ฝึกตนในกองทหารมองเขาสักพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เข้ามาหยุดแต่อย่างใด ราวกับพวกเขากำลังดูการแสดงที่กำลังดำเนินไปต่อหน้าเท่านั้น ในฐานะผู้ชม พวกเขาจะไม่เข้ามาหยุดหรือช่วยใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้นำกองทหารมังกรหยดหมึกภายใต้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำจำเป็นต้องหยุดอยู่นอกเส้นเขตแดนนั้น สีหน้าของนางมืดมิด ก่อนจะซีดเซียว และสลับกลับไปมืดมิดอีกครั้งตามอารมณ์ที่แปรปรวนเปลี่ยนผัน นางเงยหน้าขึ้นมองผ่านกองทหารเบื้องหน้าไปยังชายชราที่นอนอยู่บนด้วงเกราะดำในฟองสบู่สีรุ้ง เสียงของนางกระจายก้องทั่วอวกาศให้ทุกคนได้รับรู้
“สหายเต๋าสวีเฟยจื่อข้าขอแลกปลามังกรหยดหมึกหนึ่งตัวกับชีวิตของไอ้เด็กนั่น”
…………………………