หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 837 ข้าสังหารเจ้าไม่ได้!
วินาทีนั้นเองสนามรบก็เงียบสงัดลง ไม่มีใครพูดและไม่มีใครกล้าขยับตัว ทุกอย่างดูคล้ายกับว่าจะถูกแช่แข็งเอาไว้ก็ไม่ปาน
แน่ละว่า…บรรดาเรือบินรบของหวังเป่าเล่อปรากฏตัวรวดเร็วเกินไป และขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็จงใจปล่อยรัศมีของเรือบินรบทุกลำออกมาจนหมด คลื่นรบกวนขั้นจุติวิญญาณนับหมื่นและขั้นเชื่อมวิญญาณอีกนับพันทำเอากองทหารผ่าดำอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก สายตาของนางจับจ้องมาด้วยความไม่อยากเชื่อระคนตื่นตะลึง ก่อนที่ร่างกายของนางจะสั่นสะท้าน อันที่จริงแล้ว รัศมีที่หวังเป่าเล่อแผ่ออกมาก็ทำเอานางเห็นภาพหลอนไปว่ากำลังอยู่ต่อหน้าผู้ฝึกตนผู้ทรงพลัง!
พลังจุติวิญญาณนับหมื่น… เชื่อมวิญญาณนับพัน…พลังนี้… หัวใจของอดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกปั่นป่วน นางเริ่มเปรียบเทียบพลังของหวังเป่าเล่อกับพลังของกองทหารผ่าดำ และพบว่าหากทั้งผู้บัญชาการและผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะสามคน พร้อมทั้งกองทหารผ่าดำทั้งหมดโจมตีพร้อมกัน พวกเขาก็คงจะทำได้แค่เสมอกับหวังเป่าเล่อเท่านั้น!
ผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะอีกสองคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แม้แต่ผู้บัญชาการทหารผ่าดำ ชายวัยกลางคนภายในเรือบินรบเวทผู้ที่ก่อนหน้านี้พูดจาอย่างนิ่งขรึมมาโดยตลอด ตอนนี้กลับถลึงตามองชายหนุ่ม นัยน์ตาของเขาเผยให้เห็นความเคร่งเครียดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนขณะสูดลมหายใจเข้าอยู่ชั่วครู่ แม้ว่าความเกรียงไกรที่หวังเป่าเล่อแสดงออกมาจะทำให้เขาสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ชายวัยกลางคนก็อดไม่ได้ที่จะใคร่ครวญถึงผลที่จะตามมา
หากว่า…ข้าสามารถสังหารเขาได้โดยตรง หากเป็นเช่นนั้น…ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำหรี่ตาลง ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วพูดออกมาช้าๆ
เสียงของเขากระจายไปทั่วสนามรบอันเงียบสงัด ราวกับว่าจะมุ่งสลายบรรยากาศอันตึงเครียดให้หมดไป
“ทิ้งเรือบินรบของเจ้าไว้ครึ่งหนึ่ง ข้าจะปล่อยให้เจ้าไปอย่างสันติ แล้วก็จะถือว่าความบาดหมางระหว่างเจ้าและกองทหารมังกรหยดหมึกไม่เคยเกิดขึ้นด้วย”
เมื่อเสียงพูดของเขากังวานออกไป ผู้ฝึกตนในกองทหารผ่าดำที่รายล้อมอยู่ก็ทอดถอนใจอย่างโล่งอก แม้ว่าอดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกจะรู้สึกเสียหน้า แต่นางก็เข้าใจดีว่าความแข็งแกร่งของหลงหนานจื่อเพิ่มมากขึ้นกว่าครั้งที่ถูกไล่ล่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก เพราะเหตุนี้ แม้ว่านางจะยังคงเกลียดชังหลงหนานจื่ออยู่ลึกๆ แต่ก็ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น
ทว่า…หวังเป่าเล่อ ผู้ซึ่งยืนยกมือไขว้หลังจังก้าอยู่บนเรือบินรบเวท กลับเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหัวเราะหลังจากที่ได้ยิน
“หยิ่งยโสเหมือนเคยนะ แต่ข้าอยากจะถามท่านสักคำ ท่านพี่ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ ท่านมีสิทธิ์อะไรมาพูดเช่นนั้นเล่า”
“มีสิทธิ์อะไรอย่างนั้นหรือ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ประกายเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ ก่อนที่เขาจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ขณะที่หัวเราะอยู่นั้น ชายวัยกลางคนก็สะบัดร่างและมาปรากฏกายอยู่ด้านนอกเรือบินรบเวทเสือดำ!
ชายผู้นั้นอยู่ในเสื้อคลุมสีดำและมีผมสีดำขลับเต็มศีรษะ เงาที่ผอมสูงและท่าทางยโสเย็นชาทำให้ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำดูยิ่งใหญ่เป็นอันมาก โดยเฉพาะเมื่อจักรพิภพถึงกับสั่นคลอน ส่งเอาคลื่นแทรกแซงออกไปจนทั่วเมื่อเขาปรากฏกาย รัศมีขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้นระเบิดออกมา ก่อตัวกันเป็นพายุหมุนอยู่ภายนอกกาย
หากมองจากที่ไกลๆ ก็จะดูเหมือนว่า บุรุษผู้นี้สามารถดึงเอาจักรวาลทั้งหมดมาไว้รอบกายได้ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นเรือบินรบของกองทหารผ่าดำที่รายล้อมอยู่เริ่มแหวกออกเพื่อเปิดทางให้พายุหมุนนอกกายเขาได้เคลื่อนไหว อันที่จริงแล้ว กระทั่งเรือบินรบระเบิดตัวเองของหวังเป่าเล่อก็มีท่าทีว่าถูกกดเอาไว้เช่นกัน!
นี่เองคือพลังของขั้นจิตวิญญาณอมตะ!
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ วินาทีที่ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำปรากฏตัว เขาก็ยกเท้าขึ้นก่อนจะก้าวไปทางหวังเป่าเล่อ
ทันทีที่เขาวางเท้าลง พายุหมุนนอกกายก็เคลื่อนเข้าไปใกล้หวังเป่าเล่อ มันเคลื่อนที่รวดเร็วเสียจนดูคล้ายกับว่าระยะทางนั้นไม่มีผลแม้แต่น้อย หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็ยกมือขวาขึ้นก่อนจับไปทางคอของหวังเป่าเล่อ!
“ตอนนี้เจ้ารู้หรือยังว่าข้ามีสิทธิ์อะไร” ขณะที่เสียงของเขากังวานไปทั่ว มือขวาของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อและกำลังจะจับคอหอยเขาเอาไว้ แต่วินาทีเดียวกันนั้นเอง นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็สะท้อนประกายเย็นยะเยือกออกมา ก่อนที่เกราะจักรพรรดิจะห่อหุ้มกายเขาเอาไว้ทั้งหมด วินาทีต่อมา ขณะที่ปราณขั้นแสร้งอมตะของชายหนุ่มกระจายออกไป เขาก็ยังได้รับพลังเสริมจากเกราะจักรพรรดิอีกด้วย ทำให้หวังเป่าเล่อมีพลังยุทธ์เทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้นแม้จะยังไม่บรรลุขั้นก็ตาม
การจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอาจต้องใช้เวลาเนิ่นนาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา อึดใจต่อมา หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้น ก่อนจะกำเข้าไว้แน่น แล้วส่งกำปั้นออกไปหามือขวาของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ!
กำปั้นนั้นรวมเอาพลังปราณทั้งหมดของเขาและพลังของเกราะจักรพรรดิเข้าไว้ด้วยกัน ขณะที่พลังนั้นถูกปลดปล่อยออกมา จักรวาลก็บิดเบี้ยวไปทันที คลื่นแทรกแซงกระจายไปเป็นอาณาบริเวณกว้างใหญ่ อีกทั้งรัศมีในกายของชายหนุ่มยังระเบิดออกมาอีกด้วย ก่อนจะก่อร่างขึ้นเป็นพายุหมุนที่กดดันบรรยากาศโดนรอบเอาไว้ หากมองจากที่ไกลๆ จะเห็นได้ว่ามันเทียบเท่ากับรัศมีของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำเลยก็ว่าได้!
สิ่งนี้ทำเอาสีหน้าของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำเปลี่ยนไป แต่พวกเขาทั้งคู่ก็อยู่ใกล้กันเกินไปเสียแล้ว สายเกินไปแล้วสำหรับผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำที่จะถอยกลับ วินาทีถัดมา…กำปั้นของพวกเขาก็ปะทะกัน
เมื่อกำปั้นทั้งสองชนกัน คลื่นพลังแทรกที่มองเห็นด้วยตาเปล่าก็ระเบิดออกมาจากทั้งสองฝ่าย ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นเทิ้มก่อนจะถอยไปหลายก้าว จนกระทั่งไปเหยียบบนเรือบินรบเวทภายใต้เท้าเขา เรือบินรบเวทเองก็สั่นสะท้านก่อนจะดูดเอาแรงกระแทกส่วนมากเอาไว้ ส่วนของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ ร่างกายของเขาก็สั่นคลอนเช่นกัน และเพราะไม่มีสิ่งใดเบื้องหลังที่จะช่วยซับแรงกระแทกได้ ชายวัยกลางคนจึงปลิวไปไกลหลายร้อยเมตรก่อนจะหยุดลง ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำเงยศีรษะขึ้นจ้องมองหวังเป่าเล่อราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ นัยน์ตาทั้งสองของเขาแดงก่ำ
ในเวลาเดียวกันนั้น คลื่นพลังแทรกที่ก่อขึ้นจากการปะทะก็กระจายไปยังสิ่งรอบข้างทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เรือบินรบทุกลำกระเด็นถอยหลังไปสิ้น บางลำรับแรงกระแทกไม่ไหว ถึงกับระเบิดไปเลยก็มี
บรรดาผู้ฝึกตนของกองทหารผ่าดำต่างก็พากันหนีลนลานด้วยความตื่นตระหนก ดูน่าเวทนาเป็นยิ่งนัก พวกเขาส่วนมากกระอักเลือดออกมาพร้อมทั้งมีสีหน้าตื่นตะลึง แต่ผู้ที่ไม่อยากเชื่อที่สุดก็คือขั้นแสร้งอมตะทั้งสามคน รวมไปถึงอดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก ร่างกายของพวกเขาล่าถอยไปเองอย่างไม่อาจควบคุม ทั้งสามต่างก็มีสีหน้าราวกับเพิ่งเจอผีมาหมาดๆ โดยเฉพาะอดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก ผู้ที่ถึงกับตะโกนออกมาด้วยความตื่นตกใจ
“จิตวิญญาณอมตะอย่างนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้!”
หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอออกมาโดยไม่ได้สนใจบรรยากาศโกลาหลรอบข้าง หรือกระทั่งชายตามองอดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกด้วยซ้ำ หลังจากจัดการรวบรวมปราณที่หลั่งไหลไปทั่วร่างได้แล้ว สายตาของชายหนุ่มก็มาหยุดลงที่ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ ผู้ซึ่งตอนนี้มีสีหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว
“ขออภัยด้วย แต่ข้าก็ยังไม่รู้อยู่นั่นเองว่าท่านมีสิทธิ์อะไร”
ตอนนั้นเองจิตสังหารในแววตาของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำก็ฉายแสงแรงกล้าเป็นอย่างยิ่ง ชายวัยกลางคนยกมือขวาขึ้นคว้าไปในทิศทางของเรือบินรบเวทก่อนจะคำราม
“เรือบินรบเวท กลับมา!”
ขณะที่คำพูดของเขาสะท้อนออกไป เสือดำก็เงยศีรษะขึ้นก่อนจะคำรามแล้วก็พุ่งออกมาทั้งตัว ดูคล้ายกับเป็นแสงสีดำไร้จุดจบ ทันใดนั้น เรือบินรบเวทก็เข้ามาใกล้ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ หลังจากที่ครอบงำกายของเขาเอาไว้เรียบร้อย เรือบินรบเวทก็กลายมาเป็นชุดเกราะแข็งแกร่ง ทำให้ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำดูน่าเกรงขามไม่แพ้กัน อีกทั้งรัศมีของเขายังเพิ่มพูนขึ้นจนแตะถึงขีดสุดของขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้นเป็นที่เรียบร้อย กายของเขาเองก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแสงสีดำนั้นด้วยการพลิกกายเพียงครั้งเดียว แสงนั้นพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็วราวกับว่าสามารถตัดผ่านจักรวาลไปได้ก็ไม่ปาน!
“ข้าก็มีเรือบินรบเวทเช่นกัน!” หวังเป่าเล่อระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่นขณะที่กระโจนออกไปข้างหน้า ในทันใดนั้น เรือบินรบเวทตั๊กแตนใต้เท้าของเขาก็กลายเป็นลำแสงนับไม่ถ้วนที่สาดส่องกายชายหนุ่ม เขาใช้เกราะจักรพรรดิเป็นภาชนะ มันหลอมรวมเข้ากับแสงนั้นก่อนจะกลายเป็น…เกราะมหาจักรพรรดิ!
ขณะที่พลังของผลึกสีชาดภายในเกราะมหาจักรพรรดิไหลเวียนวนอยู่นั้น คลื่นพลังรบกวนขั้นจิตวิญญาณอมตะก็ระเบิดออกมาจากกายของหวังเป่าเล่อ ทำให้ชายหนุ่มเคลื่อนที่เร็วขึ้นอีก วินาทีถัดมา เขาก็ปะทะเข้ากับผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำในห้วงอวกาศ ก่อนจะปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง!
เสียงครั่นครืนดังสนั่นขึ้นพร้อมพลังที่แข็งแกร่งกว่าคราวก่อน ครั้งนี้พลังนั้นกระจายออกไปไกลกว่าเก่า แถมคลื่นพลังแทรกนั้นยังสัมผัสได้จากที่ไกลขึ้นอีกมากโข
ขณะที่คลื่นรบกวนกระเพื่อมออกไป พลังยุทธ์ที่เหนือชั้นของหวังเป่าเล่อก็แสดงให้เห็นชัดเจนออกมา แม้จะมีเรือบินรบเวทอยู่ แต่ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำก็ต้องถอยกรูดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากการจู่โจมอันรุนแรงของชายหนุ่ม!
ภาพนั้นทำเอาผู้ฝึกตนกองทหารผ่าดำพากันตัวสั่นขวัญผวา พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำถูกซัดจนลอยละลิ่วไปไกลหลายร้อยเมตรขณะที่หวังเป่าเล่อส่งเสียงคำราม ก่อนที่อาวุธเวทในมือขวาของชายหนุ่มจะพุ่งเข้าเป้า!
“หลงหนานจื่อ เจ้าหลอกลวงข้า เจ้าแสร้งทำเป็นว่าอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณ แต่อันที่จริงเจ้าบรรลุขั้นจิตวิญญาณอมตะแล้ว ไอ้คน…” ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำคำรามด้วยความโกรธเคือง แต่ไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ก็ถูกหวังเป่าเล่อขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
“กองเรือของเจ้าอ่อนแอกว่าของข้า เจ้าเองก็หน้าตาหล่อเหลาไม่เท่าข้า พลังยุทธ์ก็ไม่เทียบเท่า แถมยังร่ำรวยไม่เท่าข้าอีกด้วย ผ่าดำ เจ้ามีสิทธิ์อะไรจะมาต่อรองกับข้า
“ข้านะหรือจะขโมยความลับของกองทหารเจ้า เจ้ากล้ารังแกข้าเพราะเห็นว่ามีจำนวนคนมากกว่าใช่หรือไม่ เจ้าคิดว่าจะรับมือกับข้าได้เพราะมีระดับปราณสูงกว่าเท่านั้นไม่ใช่หรือ”
“ข้าสังหารเจ้าไม่ได้!” หวังเป่าเล่อปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ขณะยืนตระหง่านราวกับเป็นหนึ่งในบรรดาทวยเทพ ขณะที่ชายหนุ่มคำรามออกมา เขาก็พลิกหมุนกาย ฝูงชนต่างก็เฝ้ามองตาค้างด้วยความตื่นตะลึง ขณะที่หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าไปหาผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำผู้ซึ่งกำลังตื่นตะลึงอยู่เช่นกัน ซ้ำร้าย ชายวัยกลางคนขณะนี้กลับได้แต่เพียงรู้สึกขมขื่นและเกรี้ยวกราดอยู่ในใจเท่านั้น!
…………………….