หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 861 มหาศิษย์เต๋าอย่างนั้นหรือ
หลังออกมาจากนพภูมิ หวังเป่าเล่อก็รู้แค่ระดับปราณของตนเท่านั้น แต่ไม่เคยได้รู้เลยว่าตนเองแข็งแกร่งเพียงใดในการรบ เขาทำได้เพียงเดาจากประสบการณ์ที่ผ่านๆ มา ข้อสรุปที่ชายหนุ่มได้ก็คือ…ต่อให้ตัวเองจะไม่ได้อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ แต่ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ที่หวังจะฆ่าเขาก็ควรต้องคิดดีๆ เพราะคงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด!
นั่นเพราะว่า ความแตกต่างเดียวระหว่างตัวเขากับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ก็คือ…หวังเป่าเล่อไม่มีดาวเคราะห์และแรงกดดันของดาวเป็นของตนเอง ชายหนุ่มยังไม่ได้ผนึกกายรวมกับดาวเคราะห์ แปลว่าพลังวิญญาณของเขายังอยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะ พลังวิญญาณของหวังเป่าเล่อโดยพื้นฐานแล้วจะทรงพลังน้อยกว่าของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์
โดยปกติแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก้าวข้ามความแตกต่างในระดับพลังที่กว้างถึงเพียงนั้น ทว่า…หวังเป่าเล่อมีพลังวิญญาณอยู่มากจนแทบเกินจิตนาการ ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์ทั่วไปน่าจะมีพลังวิญญาณเพียงครึ่งเดียวของเขาเท่านั้น ชายหนุ่มสามารถสังหารผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์ได้โดยออกแรงแค่ร้อยละเจ็ดสิบเท่านั้น ขณะนี้เมื่อเขาได้ปล่อยพลังวิญญาณออกมาจนสุด พลังของเขาไม่เพียงได้รับการส่งเสริมจากเกราะมหาจักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังได้รับการช่วยเหลือจากพลังเทพของเขาเคล็ดวิชาดวงเนตรปีศาจอีกด้วย พวกมันต่างก็ส่งเสริมพลังปราณอันมหัศจรรย์ที่หวังเป่าเล่อมีอยู่แล้ว และช่วยให้ชายหนุ่มสามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างรุนแรงชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พลังวิญญาณที่มากจนท่วมท้นของเขา…มอบพลังในการรับมือกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังวิญญาณเหนือกว่าในขณะที่ตัวเขามีพลังวิญญาณต่ำกว่ามาให้
ทุกคนบนสนามรบจับจ้องไปยังพายุหมุนที่ก่อตัวขึ้นภายนอกกายหวังเป่าเล่อ มันมีขนาดใหญ่พอๆ กับหัตถ์ระดับดาวพระเคราะห์และทำหน้าที่เป็นม่านกำบังผู้ฝึกตน พวกเขาต่างก็พากันจ้องมอง เมื่ออาวุธเทพของชายหนุ่มฟันลงมา ส่งเอาเสียงดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วจักรวาล พลางฉีกกระชากความว่างเปล่าจนขาดวิ่น
ดวงเนตรปีศาจก็ปลดปล่อยพลังออกมาในวินาทีนั้น สอดประสานรับกับดวงวิญญาณคนตายนับล้านดวงและจักรพรรดิทั้งสิบสองที่อยู่รอบกายหวังเป่าเล่อ ทันใดนั้นดวงตาที่ปรากฏขึ้นมารอบหัตถ์ยักษ์ก็ระเบิดขึ้นพร้อมกัน ส่งให้หัตถ์นั้นสั่นไหวไปทั่ว แต่การโจมตีนี้เป็นการโจมตีระดับดาวพระเคราะห์ที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายได้ใช้กำลังทั้งหมดในการซัดออกมา แม้ว่าดวงเนตรปีศาจจะทรงพลังเพียงใด ระดับปราณของมันก็ยังไม่สูงพอที่จะใช้พลังเทพทำลายหัตถ์ระดับดาวพระเคราะห์ได้อย่างสมบูรณ์ ทำได้เพียงลดพลังของหัตถ์ลงบ้างก็เท่านั้น!
หัตถ์ยักษ์ยังคงพุ่งลงมาพร้อมเสียงดังสนั่น หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังระดับดาวพระเคราะห์ที่ซัดสาดออกมาราวกับเป็นคลื่นคลั่ง พลังนั้นพวยพุ่งเข้าใส่เขา มันเป็นคลื่นอันถาโถมที่กลืนกินทุกสิ่งที่ขวางหน้า แถมยังทำลายการโจมตีกลับของเขาไปหลายส่วน
คลื่นพลังผลักหวังเป่าเล่อกระเด็นไป แถมยังกันไม่ให้อาวุธเทพของเขาได้ฟันลงมาได้ถนัด ชายหนุ่มถูกบังคับให้ถอยหลังกลับ ขณะที่ฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ยังคงเคลื่อนที่เข้ามาหา
ช่างเป็นภาพอันน่ามหัศจรรย์ ทุกคนเฝ้ามองขณะที่หวังเป่าเล่อถูกบีบให้ต้องถอยออกจากฝ่ามือที่พุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน พวกเขามองเห็นบุรุษผู้ที่กำลังจะถูกบดขยี้!
ฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ดูคล้ายลูกไฟที่กำลังจะเผาตัวตนของหวังเป่าเล่อให้กลายเป็นจุณ
อีกด้านหนึ่ง พลังวิญญาณของหวังเป่าเล่อเองก็ไม่แข็งแกร่งพอ มันไม่อาจจะเป็นน้ำที่ช่วยดับเปลวไฟอันร้อนแรงนี้ได้ พลังวิญญาณของชายหนุ่มดูคล้ายหมอกมากกว่าน้ำ ทว่า…แม้จะไม่ใช่น้ำ แต่ก็ยังเป็นหมอกที่ทรงพลังพอประมาณ และหากกระแสหมอกอันเจือจางไม่อาจดับเพลิงได้ หวังเป่าเล่อก็สามารถเรียกหมอกอันหนาแน่นออกมาได้ และหากหมอกดังกล่าวยังทำไม่ได้ ชายหนุ่มก็ยังสามารถเรียกทะเลหมอกออกมาทั้งหมดได้เช่นกัน!
เขามีทะเลหมอกเป็นของตนเอง ชายหนุ่มปล่อยมันออกมาในบัดดลและส่งหมอกนั้นพุ่งไปยังพลังระดับดาวพระเคราะห์ที่เผาไหม้อยู่ตรงหน้าในรูปของฝ่ามือ หมอกนั้นเข้าไปปกคลุมหัตถ์เอาไว้ แม้จะไม่รุนแรงเพียงพอ และอาจสลายไปทันทีที่สัมผัสฝ่ามือ แต่หวังเป่าเล่อก็มีพลังวิญญาณปริมาณมหาศาลที่ดูราวกับว่าไร้ก้นบึ้ง เมื่อทะเลหมอกอันแรกไม่เพียงพอ ชายหนุ่มก็พร้อมที่ส่งทะเลหมอกออกไปอีกนับร้อย!
พลังวิญญาณของเขามากพอที่จะปกคลุมสรวงสวรรค์ได้ มันไหลบ่าออกมาจากกายของหวังเป่าเล่อก่อนจะระเบิดขึ้นไปสู่ท้องฟ้า!
“ทำลายมันเสีย!” หวังเป่าเล่อส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง ชายหนุ่มตัวสั่นอยู่กลางอากาศ ขณะที่มีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาในดวงตาเพราะเขากำลังใช้พลังทั้งหมดในการต่อต้านพลังของฝ่ามือ พลังวิญญาณปะทุขึ้นมาจากกายของหวังเป่าเล่ออย่างบ้าคลั่ง ทานแรงของฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์เอาไว้ด้วยพลังมหาศาล
ดูเหมือนเป็นการส่งกองทัพมดออกไปรับมือกับพญาคชสาร จำนวนอันมากมายของมดทำให้ช้างไม่อาจรับมือได้ เปลวเพลิงระดับดาวพระเคราะห์ค่อยๆ อ่อนกำลังลง และฝ่ามือก็เริ่มเลือนลาง ในที่สุด ขณะที่แววตาของชายหนุ่มลุกโชนไปด้วยจิตสังหาร ขณะที่เขากำลังคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่มือขวาของเขากำแน่นลงไปบนอาวุธเทพและเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป และขณะที่พลังปราณภายในกายเขาพุ่งขึ้นไม่หยุดยั้ง กายของหวังเป่าเล่อก็เริ่มส่องแสงสว่างจ้าออกมา
“จ้วงฟัน!” หวังเป่าเล่อพุ่งไปข้างหน้าขณะที่คำรามออกมา อาวุธเทพของเขาตัดทุกสิ่งที่ขวางหน้า เสียงฟ้าคำรามดังกึกก้องไปทั่วจักรวาล และฝ่ามือที่เริ่มจะเลือนลางลงไปทุกทีก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีก!
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นในอากาศอีกครั้งขณะที่ฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ถูกทำลายลงในที่สุด แรงทำลายส่งผลให้เกิดพลังวิญญาณพวยพุ่งออกไปภายนอก ผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่ายที่ขยับหนีห่างออกจากบริเวณการต่อสู้ไม่อาจหลีกพ้นแรงกระแทกจากการสลายตัวของหัตถ์ไปได้ พวกเขาต่างก็กระอักเลือดออกมาพร้อมซวนเซ ในเวลาเดียวกัน ตรงกลางสนามรบก็มีพื้นที่ว่างกว้างใหญ่ปรากฏออกมาในบัดดล
หวังเป่าเล่อเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงกลางพื้นที่นั้น ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาวาวโรจน์ไปด้วยความกระหายการต่อสู้ ภาพนี้ฝังเข้าไปในใจของทุกๆ คนในที่นั้น ช่างเป็นภาพที่น่าจดจำเสียจนพวกเขาไม่อาจลืมเลือนได้เลย
สีหน้าของทั้งศิษย์แห่งเต๋ากูโม่และพ่อบ้าน รวมไปถึงผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์ทั้งสองจากสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่จ้องมองไปยังหวังเป่าเล่อนั้นมีทั้งความตกใจและหวาดกลัวระคนกัน การสังหารผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์ก็ยังไม่เทียบเท่าการปัดป้องการโจมตีระดับดาวพระเคราะห์ อันแรกอาจจะน่าตกใจ แต่อันหลัง…ช่างน่าเกรงขามและน่าสะพรึงกลัว!
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่รู้สึกเช่นนั้น ปรมาจารย์มหาทัณฑ์แห่งสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ รวมไปถึงประมุขสำนักและผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เองก็ตกใจเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน พวกเขาต่างมึนงงกับสิ่งที่ได้เห็น โดยเฉพาะผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ชายชราถึงกับส่งเสียงตะโกนออกมาตามสัญชาติญาณ เปล่งเสียงเรียกชื่อตำแหน่งในตำนานจากส่วนลึกในความทรงจำ!
“มหาศิษย์เต๋าอย่างนั้นหรือ”
“มหาศิษย์เต๋าหรือ เป็นไปไม่ได้! สถานที่นี้เป็นเพียงอาณาเขตอันห่างไกลในจักรพิภพทั้งสิบเก้าของเรา ที่แห่งนี้มีเพียงอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เท่านั้น มหาศิษย์เต๋าในตำนานจะมาอยู่ในที่ด้อยพัฒนาอย่างนี้ได้อย่างไร” ประมุขสำนักแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ถึงกับอ้าปากกว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง
ชายชรารู้ดีว่าระดับดาวพระเคราะห์ไม่มียศถาที่เกี่ยวข้องกับเต๋า แปลว่ายศมหาศิษย์เต๋านั้นไม่ใช่ชื่อที่จะมอบให้ผู้ที่บรรลุขั้นปราณระดับดาวพระเคราะห์แต่อย่างใด ยศดังกล่าวสงวนเอาไว้สำหรับอัจฉริยะจากสำนักที่แข็งแกร่งจากจักรพิภพเต๋าและจากตระกูลที่เข้มแข็งเช่นตระกูลไม่รู้สิ้นเท่านั้น!
อัจฉริยะเหล่านั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สำนักหรือตระกูลเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีและลงทุนในการฝึกปรือไปมากมาย พวกเขาเป็นผู้ที่จะมาสืบทอดตำแหน่งประมุขสำนักหรือประมุขตระกูลในอนาคต ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นนั้น อัจฉริยะเหล่านั้นถูกขนานนามว่า…มหาศิษย์เต๋า!
นั่นเพราะพวกเขาถือว่าอยู่ในอีกระดับหนึ่งหากเทียมกับผู้ฝึกตนทั่วๆ ไป พวกเขามีความสามารถในการรับมือคู่ต่อสู้ที่มีระดับปราณสูงกว่า แถมยังมีพลังปราณสำรองอันเหลือล้น หากการฟูมฟักของพวกเขาสัมฤทธิ์ผล พวกเขาก็สามารถรับช่วงต่อในฐานะผู้กุมอำนาจสูงสุดในสำนักหรือตระกูลได้ เมื่อถึงเวลานั้น…พวกเขาก็จะกลายเป็นปราชญ์แห่งเต๋า ผู้จะนำสำนักหรือตระกูลไปสู่ความรุ่งโรจน์!
เป็นสาเหตุให้พวกเขาถูกขนานนามว่ามหาศิษย์เต๋า!
ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเพิ่งได้เห็นหวังเป่าเล่อปัดป้องการโจมตีของเขาได้สำเร็จ ชายชรายังสัมผัสได้อีกด้วยว่าหวังเป่าเล่ออยู่ในขั้นจุติวิญญาณชั้นปลายเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็มีพลังวิญญาณสำรองอันเหลือล้นจนกระทั่งผู้อาวุโสมือซ้ายถึงกับตะลึง ทุกสิ่งทุกอย่างบ่งชี้ไปยังชื่อตำแหน่งที่ปรากฏขึ้นมาในมโนสำนึกของชายชรา
ปรมาจารย์มหาทัณฑ์แห่งสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่เหตุผลในการตกใจของเขาต่างจากผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายอยู่สักหน่อย ในฐานะผู้ที่กำลังป้องกันแผ่นดินจากผู้รุกราน ชายวัยกลางคนกังวลเรื่องความอยู่รอดของสำนักของตนเหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นคนแรกที่หายจากอาการตื่นตะลึง ก่อนจะส่งการโจมตีออกไปทันที ประมุขสำนักและผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต้องรีบหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะหันกลับมาตั้งใจต่อสู้อีกครั้ง การโจมตีอันรุนแรงที่ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ซัดออกมานั้นทำให้ทั้งประมุขสำนักและผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่มีช่องไปโจมตีหวังเป่าเล่อได้ในตอนนั้น
แต่…หวังเป่าเล่อนั้นมีช่องจู่โจมแน่นอน ชายหนุ่มจะไม่ยอมให้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกดดันอยู่ได้ฝ่ายเดียว นัยน์ตาของเขาส่องประกายขณะที่เงยศีรษะขึ้นมองผู้อาวุโส
ไม่ว่าเราจะทำอะไร ทุกสิ่งก็มีดีและเสีย!
อย่าคิดเล่าว่าท่านบิดาของเจ้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ เพียงเพราะเจ้าอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์! มีประกายเย็นยะเยือกสะท้อนอยู่ในดวงตาของหวังเป่าเล่อขณะที่ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นในอากาศ ภายในใจของเขาสั่นไหวเมื่อฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ที่อยู่ในเปลวเพลิงดารานิรันดร์ในกายเริ่มสั่นไหวรุนแรง หนึ่งในสามนิ้วหักงอภายในเปลวเพลิงแตกกระจายและหายไปทันที ก่อนจะมาปรากฏอยู่…ด้านนอกกายหวังเป่าเล่อ ตรงเหนือศีรษะของเขานั่นเอง!
นิ้วนั้นเป็นสีแดงฉานรายล้อมไปด้วยสายฟ้าฟาด มีรัศมีของความบ้าคลั่งและโหดร้ายแผ่ออกมา เพียงพอที่จะทำให้ใบหน้าของผู้คนที่ได้เห็นนั้นซีดเผือด!
เมื่อนิ้วมาปรากฏ มันก็กลับหลังหันและชี้ไปยัง…ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทันที!
จักรวาลส่งเสียงครืนสนั่น ความว่างเปล่าสั่นไหวขณะที่พลังระดับดาวพระเคราะห์พวยพุ่งขึ้นไปยังสรวงสวรรค์ ครอบคลุมทั้งจักรวาลและทำให้ทุกชีวิตบนสนามรบตื่นตะลึงอีกครั้ง
นั่นก็เพราะ…พลังที่อยู่ในนิ้วนั้นเป็นพลังระดับดาวพระเคราะห์ที่แท้จริง ดูๆ แล้วอาจแข็งแกร่งกว่าหัตถ์ที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายซัดออกมาเสียอีก!
“มันอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์!”
“สวรรค์ หลงหนานจื่อมันไม่เจอตั๋วทองคำชนิดไหนมากัน ถึงได้บรรลุขั้นปราณได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ เขาปกปิดระดับปราณที่แท้จริงมาจนถึงตอนนี้เลยเชียวหรือ”
“เขารู้วิธีใช้เคล็ดวิชาฝึกปราณของราชวงศ์ และยังสามารถควบคุมวิญญาณคนตายของตระกูลได้อีก เขาอยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลาย แต่มีพลังพอที่จะสังหารผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์ ทั้งยังยืนหยัดรับมือกับการโจมตีระดับดาวพระเคราะห์ได้ แถมตอนนี้ ยังเรียกนิ้วระดับดาวพระเคราะห์ออกมาได้อีก!”
ผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่ายต่างพากันเสียอาการจากเหตุการณ์น่าตื่นตะลึงที่เกิดขึ้นต่อๆ กัน เทพธิดาหลิงโยวและผู้ฝึกตนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน ปรมาจารย์มหาทัณฑ์แห่งสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์รวมถึงประมุขสำนักและผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ตื่นตกใจมากกว่าใครเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ผู้ซึ่งขณะนี้มีสีหน้าตื่นตกใจ ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ ขณะที่เสียงเตือนอันตรายดังสนั่นอยู่ในศีรษะ
“สังหารเขาเสีย!” นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อฉาบสะท้อนไปด้วยจิตสังหาร ขณะที่มือขวาของเขาสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ก่อนจะชี้ไปยังผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายทันที!
…………………………..