หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 867 ปฏิบัติการนกนางแอ่นดำหรือนี่
ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนเดียวที่ตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ความจริงแล้ว…เมื่อหวังเป่าเล่อหยิบเรือบินรบสองร้อยลำออกมาและระเบิดทิ้งนั้น กองทหารอันดับหนึ่งของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และบรรดาศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต่างนิ่งงันกันไปหมด โดยเฉพาะฝ่ายหลังถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยซ้ำ
หากเป็นพวกเขาที่เป็นฝ่ายมาให้ความช่วยเหลือ ก็คงต้องให้ความสำคัญกับการเอาชีวิตตนเองรอดเป็นอันดับแรก พวกเขาคงไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือคนอื่นเป็นแน่ และพวกเขาก็คงไม่ระเบิดเรือบินรบล้ำค่าทิ้งเล่นๆ ด้วย
แต่หวังเป่าเล่อทำทั้งสองอย่าง การกระทำของชายหนุ่มทำเอาบรรดาศิษย์ประทับใจเป็นอย่างมาก บางคนไม่ได้สนใจแรงระเบิดอันอ่อนแอของเรือบินรบเวทมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ จากนั้น…เมื่อหวังเป่าเล่อโบกมือดึงเรือบินรบเวทออกมาอีกสี่สิบลำ ก็ทำเอาคลื่นความรู้สึกอันเอ่อท้นไหลท่วมใจของศิษย์ทุกคน ในวินาทีนั้น ทุกอย่างช่างดูเกินจริงไปหมด
เพราะอย่างไรเสีย…ต่อให้สามสำนักใหญ่รวมพลังกัน พวกเขาก็คงหาเรือบินรบเวทมาได้แค่สี่สิบลำเท่านั้น หวังเป่าเล่อดึงเรือบินรบเวทออกมาสี่สิบลำในคราวเดียวแถมยังระเบิดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี แม้ว่าพลังทำลายจะไม่รุนแรงเท่าที่คาดหวังไว้ แต่ก็ถือว่ารุนแรงพอประมาณ…แต่ถึงอย่างไร ทุกคนก็แทบไม่เชื่อสายตา พวกเขาต่างพากันคิดว่าตนเองประสาทหลอนไป
และขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยอยู่นั่นเอง หวังเป่าเล่อก็…ดึงเรือบินรบเวทออกมาอีกสองร้อยลำ ขณะนั้น ความเกินจริงของสถานการณ์ทำเอาทุกคนสับสนจนออกมาทางสีหน้า กระทั่งผู้ที่รู้สึกตัวเร็ว ซึ่งรู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลและเจ้าหวังเป่าเล่อน่าจะกำลังวางแผนอะไรสักอย่างอยู่ก็ยังงงงวย เพราะ…แม้ว่าพลังทำลายตนเองของเรือบินรบเวทจะเบากว่าที่คาดไว้ แต่มันก็ไม่ได้ลดความน่าเหลือเชื่อของการที่ชายหนุ่มดึงเรือบินรบเวทออกมาสองร้อยลำในทีเดียวไปได้ นี่นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ผู้ที่ตกตะลึงที่สุด มากไปกว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังหนีตายลนลาน ก็คือปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ดวงตาของชายชราแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ความคิดปั่นป่วนเสียงดังสนั่น แถมยังมีสีหน้าลนลานเสียจนต้องกระโจนออกมาพร้อมตะโกนว่า
“หลงหนานจื่อ พอแล้ว…”
ชายชราพูดช้าเกินไป เพราะในวินาทีเดียวกันนั้น เรือบินรบเวทสองร้อยลำที่หวังเป่าเล่อหยิบออกมาก็พุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะระเบิดขึ้นพร้อมกัน แรงระเบิดนั้นรุนแรงเท่ากับการโจมตีจากเรือบินรบเวทยี่สิบลำพร้อมๆ กัน แม้ว่าผู้อาวุโสจะอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ก็ไม่สำคัญ การโจมตีนั้นส่งเขาลอยละล่องออกไป เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากปาก ความคับแค้นและเดือดดาลแผดเผาอยู่ในแววตาขณะที่ชายชราพยายามโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อลดแรงกระแทกจากการระเบิด พลางส่งเสียงคำรามลั่นพร้อมถอยหนีไปด้วย
ปรมาจารย์สำนักเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็วขณะที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาล่าถอย เขาเองก็โกรธเกรี้ยวอยู่ในใจเหมือนกัน ความคิดเรื่องสัญญาที่ให้ไว้กับหวังเป่าเล่อและการที่ชายหนุ่มดึงเรือบินรบเวทจำนวนมหาศาลออกมาหลังจากนั้นทำให้โทสะในใจชายชราพลุ่งพล่าน แต่กระนั้นเขาก็ยังเป็นปรมาจารย์ของสำนัก ขณะนี้เมื่อมีโอกาส เขาจึงเก็บงำความโกรธเคืองเอาไว้ในใจ ก่อนจะปล่อยพลังเทพออกมาและส่งการโจมตีไปใส่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทันที
การที่ชายชราตัดสินใจปล่อยศัตรูไปนั้นเป็นเพราะเขาไม่อยากให้การต่อสู้นี้ยืดเยื้อออกไป และเพราะเขาไม่มั่นใจในความสามารถของตนเองว่าจะสังหารหรือทำให้ศัตรูบาดเจ็บสาหัสได้ ดังนั้นแทนที่จะลากการต่อสู้ออกไป ปรมาจารย์สำนักจึงต้องการจบมันเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าตอนนี้…สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
มีเสียงดังก้องจักรวาล สายฟ้าฟาดอยู่เปรี้ยงปร้าง และสายลมหวีดเสียงดังลั่นขณะที่ชายชราโจมตี ผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่จนตรอกกระอักเอาเลือดออกมาอีกคำรบหลังจากที่รับการโจมตีเข้าไป เขานึกโกรธเกรี้ยวอยู่ภายใน ชายชราไม่เคยบาดเจ็บถึงเพียงนี้แม้ว่าจะปะทะกับปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำอยู่ก่อนหน้านั้น การปรากฏตัวขึ้นของหวังเป่าเล่อนั่นเองที่ทำให้เขาต้องมาบาดเจ็บอยู่เช่นนี้
“ข้าขอสาบานว่าจะฆ่าเจ้าให้ได้!” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาคำรามลั่นชนิดที่แทบจะคุมโทสะเอาไว้ไม่อยู่ เขายังคงถอยหนีอย่างสิ้นหวังเพราะเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บ โทสะแรงกล้าฉายชัดอยู่บนแววตา ชายชราไม่ได้เกลียดชังอะไรปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเป็นการส่วนตัว ความเกลียดแค้นของเขาในตอนนี้มุ่งไปยังหวังเป่าเล่อเท่านั้น
“เจ้าน่ะหรือจะฆ่าข้า มาลองดูหน่อยเป็นไร!” หวังเป่าเล่ออารมณ์เสียขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มจ้องอีกฝ่ายเขม็งก่อนจะยกมือขวาขึ้นโบก สนามรบทั้งหมดเงียบงันไปทันที
เรือบินรบเวทกว่าเจ็ดร้อยลำปรากฏขึ้นทันที เรือบินรบเหล่านั้นบดบังจักรวาลเอาไว้จนทั่ว ภาพอันน่าประทับใจทำให้ผู้คนทั้งสนามรบส่งเสียงฮือฮาดังสนั่น
ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังถอยหนีอยู่นั้นชะงักงันกันไปสิ้น ผู้ฝึกตนจากกองทหารอันดับหนึ่งของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ก็ตื่นตะลึงเช่นกัน ทุกคน รวมทั้งพ่อบ้านและเทพธิดาหลิงโยวล้วนมีสีหน้าว่างเปล่า ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็นิ่งสนิทอยู่กับที่ นัยน์ตาเบิกโพลง…
ทุกคนต่างก็ยืนนิ่งอึ้งมองดูภาพของเรือบินรบเวทกว่าเจ็ดร้อยลำนั้น!
“เรือ…เรือบินรบ…เหล่านี้ หากรวมเข้ากับกองเรือเมื่อครู่… ก็ร่วมๆ หนึ่งพันลำแล้วไม่ใช่หรือ”
“นี่ต้องเป็นภาพลวงตาที่ศัตรูสร้างขึ้นเป็นแน่…”
“นี่มันเรือบินรบเวทแน่หรือ”
ความเงียบงันเข้าปกคลุมสนามรบอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะถูกกลบด้วยความโกลาหลขนานใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เริ่มขนหัวลุกซู่ และไม่อาจหยุดเสียงหึ่งๆ ดังอยู่ในศีรษะได้ ราวกับว่าถูกสายฟ้านับแสนเส้นผ่าลงมาพร้อมๆ กัน ชายชราไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะต้องมาพบสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้…
มีความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในใจ นั่นก็คือการวิ่งหนี!
เขารู้ดีว่าแม้เรือบินรบเวทแต่ละลำจะไม่ได้ทรงพลังนัก แต่ในสภาพบาดเจ็บเช่นนี้ พลังทำลายร่วมของเรือบินรบเวทกว่าเจ็ดร้อยลำอาจจะทำให้ทั้งกายและวิญญาณของผู้อาวุโสถูกทำลายได้หากไม่ระวังตัว ไหนจะยังมีปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำให้รับมืออีก สัญญาณอันตรายส่งเสียงดังสนั่นขึ้นในใจของผู้อาวุโสเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มต่อสู้มา ชายชราปลดปล่อยพลังปราณออกมาทั้งหมดแล้วหันหลังหนีโดยทิ้งศิษย์ร่วมสำนักเอาไว้เบื้องหลัง
“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อคิดอย่างย่ามใจ ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงลั่น ชายหนุ่มคงจะวิ่งไล่ตามไปหากไม่ใช่เพราะใครบางคนที่ตอนนั้นตื่นกลัวเสียยิ่งกว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ใครคนนั้นรู้สึกราวกับว่าถูกผ่าด้วยสายฟ้าจำนวนนับล้านเส้น คนผู้นั้นก็คือ…ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ หากไม่ใช่เพราะมีจิตใจอันมั่นคง ชายชราคงทรุดตัวลงร้องไห้ไปแล้ว
ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำคำรามออกมาก่อนที่หวังเป่าเล่อจะได้จู่โจม
“หลงหนานจื่อ ได้โปรดหยุดไล่ตามทีเถิด ผู้บัญชาการกองทหารทุกหน่วย ปกป้อง…ปกป้องหลงหนานจื่อเอาไว้!” ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำตะโกนคำสั่งออกมาดังลั่น จากนั้นจึงเร่งความเร็วเต็มฝีเท้าตามผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปราวกับเป็นคนบ้า เขากลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว หวังเป่าเล่ออาจระเบิดเรือบินรบเวทเพิ่ม…หากเป็นเช่นนั้น ชายชราก็คงไม่สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายให้ชายหนุ่มได้ต่อให้ต้องขายสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำทั้งสำนักก็ตาม
ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ส่งกำลังเสริมอะไรมากันแน่ เจ้าบ้านี่พยายามจะทำลายข้าหรืออย่างไร ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำสบถอยู่ในใจ ขณะที่เร่งความเร็วขึ้นไปอีกเพื่อไล่ตามผู้อาวุโสฝ่ายขวาไป ชายชราทำกระทั่งวิ่งตัดหน้าหวังเป่าเล่อเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มมีโอกาสไล่ตามผู้อาวุโสฝ่ายขวาไปด้วยตนเอง
ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเริ่มฟื้นตัวกันแล้วในตอนนั้น จากความตื่นตะลึงในตอนแรก พวกเขาก็เข้าไปล้อมหวังเป่าเล่อเอาไว้เพื่อพยายามปกป้อง อันที่จริงแล้ว พวกเขาต่างก็ตัวสั่นด้วยความกลัวและตื่นตระหนก การต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือดเกินไป เคลื่อนไหวพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้สำนักถูกทำลายหรือล้มละลายได้
“สหายร่วมสำนักเต๋าหลงหนานจื่อได้โปรดออมมือด้วย ข้าขอขอบคุณที่ท่านให้ความช่วยเหลือ!”
“สหายร่วมสำนักเต๋าผู้ทรงเกียรติแข็งแกร่งยิ่งแล้ว ผู้อาวุโสฝ่ายขวาตอนนี้ทำได้เพียงวิ่งหนีหางจุกก้น เราไม่ควรจะลดตัวลงไปไล่ตาม”
“ใช่แล้วขอรับ สหายร่วมสำนักเต๋าหลงหนานจื่อ บุญคุณต่อสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก พวกเราติดหนี้ท่านแล้ว!”
หวังเป่าเล่อแอบหดหู่และเศร้าใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินผู้คนรอบกายพูดเช่นนั้น ชายหนุ่มจ้องมองออกไปไกล ขณะที่ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำและผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หายไปจากคลองจักษุ ก่อนจะทอดถอนใจ จากนั้นหลังจากที่ฝูงชนเกลี้ยกล่อมอยู่นาน ชายหนุ่มก็เก็บเรือบินรบเวทกลับไป
“ช่างเล็กน้อยนัก กับแค่เรือบินรบเวทไม่กี่ลำ พวกเจ้าจะโวยวายไปทำไมกัน ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือ อีกอย่างหนึ่ง ข้าช่วยพวกเจ้าเอาชนะสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ มีความชอบใหญ่หลวงนัก” หวังเป่าเล่อพึมพำกับตนเอง บรรดาผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะรอบกายพากันจ้องมองขณะที่ชายหนุ่มเก็บเรือบินรบเวทเข้ากระเป๋า ในระหว่างที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์วิ่งหนีไปไกล เมื่อนั้นเองที่พวกเขาพากันถอนใจด้วยความโล่งอก บ้างก็ยกมือประสานคารวะแล้วเดินจากไป แต่สงครามก็ยังคงดำเนินต่อ แม้ว่าศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากจะล่าถอยไปแล้วก็ตาม คนเหล่านี้ไม่มีผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์นำทัพแล้วจึงสูญเสียจิตใจที่จะต่อสู้ เป็นโอกาสอันดีให้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำในการโจมตีกลับ
สนามรบกลายมาเป็นโรงเชือด กองกำลังสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ล่าถอยเป็นการใหญ่ขณะถูกโจมตีและสังหารล้มตายเป็นใบไม้ร่วง
หวังเป่าเล่อทอดถอนใจก่อนจะเลิกสนใจผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ที่หนีไป นัยน์ตาของชายหนุ่มส่องประกายก่อนจะหรี่ลงขณะที่จ้องมองศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บนสนามรบ ประกายแห่งการเข่นฆ่าฉายวาบขึ้นในแววตาขณะที่ชายหนุ่มคิดจะใช้โอกาสนี้พัฒนาวิชาดวงเนตรปีศาจ แต่จู่ๆ ก็มีประกายตาหนึ่งปรากฏขึ้นบนดวงตาเขา หวังเป่าเล่อหันศีรษะไปยังปลายด้านหนึ่งของสนามรบอย่างปุบปับ
ตำแหน่งนั้นมีศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งชายและหญิงอยู่หลายสิบคน ทุกคนบาดเจ็บและกำลังล่าถอยอย่างสิ้นหวัง รอบกายพวกเขาคือศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่กำลังไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด
ในบรรดาศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นมี…ร่องรอยพลังวิญญาณที่แม้จะเจือจางแต่ก็คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง!
พลังนั้น…อยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณเท่านั้น แต่กลับมีต้นกำเนิดคล้ายคลึงกับหวังเป่าเล่อยิ่งนัก มันคือ…ดวงจิตเทพร่างอวตารของชายหนุ่ม ซึ่งได้มอบให้เหล่าสหายเอาไว้ก่อนที่ตัวเขาจะจากโลกมนุษย์มา และเมื่อพวกเขาจะจากไปเพื่อเริ่มปฏิบัติการนกนางแอ่นดำนั่นเอง!
……………………….