หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 881 สำแดงพลังเทพ!
จังหวะการโจมตีนั้นแม่นยำเป็นอย่างมาก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาพยายามกดต้านหวังเป่าเล่อ ทำให้เขาไม่สามารถกันได้ทันท่วงที ระหว่างที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวามีสีหน้าเหยเก นิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์นิ้วที่สองก็ระเบิดทำลายตัวเอง พลังจากแรงระเบิดส่งผ่านรอยแยกที่กำลังฟื้นฟูและพุ่งออกไปอย่างบ้าระห่ำ ตรงไปหา…ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายที่กำลังหรี่ตา พยายามตอบโต้โดยการถอยหนี!
เขาคือเป้าหมายของหวังเป่าเล่อ ถึงจะใช้ทั้งบทสวดแห่งเต๋าและการระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ ชายหนุ่มก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำลายฟองอากาศสีรุ้งและหลบหนีออกไปได้ ดังนั้น แผนตั้งต้นของเขาคือ…ใช้โอกาสจากการปะทะครั้งนี้ในการส่งนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ไปสังหาร…ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย!
ไม่ว่าจะทำให้บาดเจ็บหนักหรือสังหารอีกฝ่ายลงได้ ฟองอากาศสีรุ้งก็จะสูญเสียการเสริมพลังจากฝั่งหนึ่งไป ส่งผลให้พลังของมันลดทอนลง ขณะเดียวกัน เป้าหมายอีกอย่างของชายหนุ่มคือสังเกตว่าผู้อาวุโสหลบหนีไปทางใด!
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ชั่วครู่ต่อมา แม้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะขัดขวางสุดกำลังที่มี ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็ยังต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจากแรงระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ ร่างกายของผู้อาวุโสโดนแรงระเบิดปะทะจนกระอักเลือดสดๆ ออกมา กายเนื้อที่สร้างขึ้นใหม่พังทลายลงอีกครั้ง ครั้งนี้ส่งผลไปถึงดวงวิญญาณเทพ ระดับพลังปราณลดจากขั้นจิตวิญญาณอมตะเป็นขั้นเชื่อมวิญญาณ แม้จะถอยหนีและหลบได้อย่างฉิวเฉียด แต่ก็ยังโดนคลื่นความร้อนบนดารานิรันดร์เล่นงานจนดวงวิญญาณพร่าเลือน ระหว่างที่กรีดร้องลั่นอย่างเจ็บปวด เขาก็ถอนหนีไปยังจุดสูงสุดทางด้านซ้ายบน
ขณะเดียวกันนั้นเอง ฟองอากาศสีรุ้งก็คลายตัวและอ่อนพลังอย่างเห็นได้ชัด ขนาดของฟองอากาศขยายใหญ่ขึ้นมาก แรงกดดันที่ร่างกายหวังเป่าเล่อต้องแบกรับคลายลงไปเล็กน้อย
“หลงหนานจื่อ!” เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อสามารถหลุดจากกับดักได้ ความกราดเกรี้ยวก็ฉายวาบขึ้นในดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ระหว่างที่ร้องคำรามลั่น ผู้อาวุโสก็ปลดปล่อยพลังปราณอีกครั้ง พยายามกดต้านหวังเป่าเล่อที่อยู่ในฟองอากาศเอาไว้
แต่ก็สายไป…
“ตะโกนเรียกหาบิดาทำไม!” หวังเป่าเล่อหันไปยังทิศทางที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายหลบหนีไป แววสังหารฉายวาบขึ้นในดวงตา ฟองอากาศอ่อนพลังลงระหว่างที่พูด ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นโบกอย่างรุนแรง…เรือบินรบมากมายพลันปรากฏขึ้นรอบๆ จากนั้น…เหล่าเรือบนรบก็ระเบิดทำลายตัวเองด้านนอกฟองอากาศ!
ข้าไม่เชื่อว่าจะทำลายฟองอากาศโง่ๆ นี่ไม่ได้! ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแววดุดันเพราะการระเบิดทำลายตัวเองจากภายในนั้นแม้จะส่งผลต่อฟองอากาศได้ดีเยี่ยม แต่ก็ส่งผลต่อหวังเป่าเล่อเช่นกัน
อย่างไรเสีย แม้เขาจะสามารถคุมเรือบินรบเวทและปลดปล่อยพลังได้ถึงร้อยละเก้าสิบในการระเบิดทำลายตัวเองด้านนอก ก็ยังมีแรงปะทะบางส่วนส่งมาถึงเขา ยิ่งมีเรือบินรบเวททำลายตัวเองมากเท่าใด แรงปะทะหลังจากระเบิดก็มากขึ้นเท่านั้น
แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้สนใจ ชายหนุ่มปล่อยเรือบินรบเวทออกมากว่าห้าสิบลำพร้อมร้องคำรามสั่งการให้เรือบินรบเวทระเบิดทำลายตัวเองในจังหวะที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาพยายามจะกดต้านเขาไว้อีกครั้ง
แม้เรือบินรบเวทระเบิดตัวเองแต่ละลำจะมีพลังเพียงร้อยละสิบของเรือบินรบเวทปกติ แต่พลังระเบิดรวมจากเรือรบห้าสิบกว่าลำนั้นแข็งแกร่งมาก เสียงสั่นสะเทือนดังกึกก้อง ฟองอากาศสีรุ้งสั่นไหว และนั่นเป็นเพียงแค่ระลอกแรกเท่านั้น…
ระลอกที่สอง สาม และสี่ตามมาอย่างรวดเร็ว…ชายหนุ่มส่งเรือบินรบออกมาระเบิดเรื่อยๆ เหมือนว่ามีเรือบินรบเวทระเบิดตัวเองเก็บอยู่ในกระเป๋าคลังเก็บไม่จำกัด แม้ร่างกายจะแทบแหลกสลาย แต่ความดุดันของหวังเป่าเล่อก็ทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาสั่นกลัวไปถึงขั้วหัวใจ
ไม่ว่าจะพยายามกดต้านไว้อย่างไร ผู้อาวุโสก็ไม่สามารถหยุดยั้งรอยแยกมากมายไม่ให้ปรากฏขึ้นบนฟองอากาศสีรุ้งได้! ฟองอากาศนั้นต้องทานทนพลังจากบทสวดแห่งเต๋าและการระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ ซึ่งเท่านี้ก็ยากเกินกว่าจะรับไหวแล้ว ทำให้ไม่สามารถฟื้นฟูได้ทันเวลา
รอยแยกปรากฏขึ้นเรื่อยๆ ทำท่าเหมือนจะพังทลายลงขณะที่หวังเป่าเล่อส่งเรือบินรบเวทระเบิดตัวเองออกมาเป็นระลอกที่แปด ดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวาจากสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ฉายแววคลุ้มคลั่งขณะจ้องมองหวังเป่าเล่อ จากนั้นจึงถอยหนี ราวกับว่าพร้อมจะล้มเลิกการขัดขวางชายหนุ่ม
การกระทำของผู้อาวุโสทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ลดลง แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็ดูมืดมนขณะก่นด่าอยู่ในใจ
เจ้านี่รู้แผนที่แท้จริงของข้า… หวังเป่าเล่อหรี่ตา รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็เพิ่มจำนวนเรือบินรบและสั่งระเบิดอย่างรวดเร็ว จริงๆ แล้ว…ชายหนุ่มเหมือนไม่ได้สนใจว่าจะเสียเงินไปเท่าไหร่ภายใต้สีหน้าดุดัน การแสดงออกเมื่อครู่นั้นเป็นการแสร้งทำเกินจริงไปกว่าครึ่ง เพราะหวังเป่าเล่อรู้อยู่แล้วว่าตนไม่สามารถทำลายฟองอากาศสีรุ้งได้ในทันที พื้นที่ด้านในฟองอากาศนั้นไม่สามารถรองรับเรือบินรบเวทจำนวนมากเกินไปได้ ถ้ายังฝืนส่งเรือรบออกมา ร่างกายของเขาจะไม่สามารถทนพลังจากการระเบิดของเรือรบได้
ดังนั้นสิ่งที่ชายหนุ่มต้องทำคือการถ่วง ไม่ใช่ถ่วงเวลา…แต่เป็นถ่วงรั้งผู้อาวุโสฝ่ายขวาเอาไว้ หวังเป่าเล่อจะปล่อยให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาออกจากบริเวณฟองอากาศไม่ได้ เพราะจะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายสร้างผนึกเพิ่มได้!
หากเขารั้งผู้อาวุโสไว้กับตนเอง ก็จะสามารถหลบออกไปได้ตอนที่ฟองอากาศแตก จากนั้นก็จะปล่อยความเร็วเต็มพิกัด ทะยานหนีออกไปนอกดารานิรันดร์โดยให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาคอยไล่ตามมา
เขารู้ทิศทางที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายหลบหนีออกไปแล้ว พื้นที่ตอนบนซ้าย…น่าจะเป็นจุดอ่อนของพลังธรรมชาติ!
และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อโจมตีผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไป
แต่แผนการทั้งหมด…กลับต้องเปลี่ยนไปเมื่อผู้อาวุโสฝ่ายขวาล่วงรู้แผนการของเขาเข้า
“เจ้าเล่ห์นัก!” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาถอยหนีไปพร้อมแววสังหารที่ฉายวาบขึ้นในดวงตา ตอนนี้เขารู้ข้อผิดพลาดของตนเองแล้ว จริงๆ แล้วเขาจะตอบให้เร็วกว่านี้ก็ได้ แต่ก็เจอการกระทำต่างๆ ของหวังเป่าเล่อเข้ามาขวาง ทั้งพลังจากบทสวดแห่งเต๋า การที่ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเป็นหรือตาย และการระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์รวมถึงเรือบินรบเวทที่ตามกันมาอย่างต่อเนื่อง พอผสานเข้ากับการที่หวังเป่าเล่อจะหลุดออกมาได้ ก็ยิ่งทำให้ชายชราทำตามแผนของชายหนุ่มตามสัญชาตญาณโดยพยายามเสริมพลังให้กับฟองอากาศอย่างบ้าคลั่ง
แต่เขาก็มีทางเลือกอื่นนอกจากการเสริมพลังผนึก ตัวเลือกที่ว่าคือ…สร้างผนึกเพิ่มรอบๆ ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังทำลายฟองอากาศสีรุ้ง ซึ่งจะทำให้สามารถขังชายหนุ่มไว้ได้ไม่จำกัดครั้ง!
ทว่า…ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ตอบโต้ช้าเกินไปเล็กน้อย ผู้อาวุโสไม่มีเวลาเพียงพอที่จะตั้งผนึกที่สองขึ้น ดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ฉายแสงวาบขณะตั้งผนึกมือด้วยมือขวาระหว่างที่กำลังถอยหนีและชี้รอบๆ เจ็ดครั้ง!
ผู้อาวุโสปล่อยไอร้อนจัดจากดารานิรันดร์ออกมาเล็กน้อยทุกครั้งที่ชี้ หากมองดารานิรันดร์ว่าเป็นอสูรร้าย การกระทำของผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นการปลุกอสูรที่ว่า เขาตั้งใจจะยั่วอสูรร้ายให้โกรธ แต่จะยั่วให้โกรธจัดไม่ได้เพราะต้องคุมมันให้อยู่ในระดับที่ตนเองสามารถทนได้ไหว
พลังรุนแรงพลันพัดกระจายไปทั่วหลังจากผู้อาวุโสชี้ผนึกมือออกมา สร้างความปั่นป่วนให้พื้นที่โดยรอบ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมพลังลมสุริยะที่เกิดจากความร้อนสูงจัดด้วย
เมื่อเขาชี้ผนึกมือครั้งที่เจ็ด แรงสั่นสะเทือน เปลวเพลิง และไอความร้อนสูงก็เริ่มก่อตัวรวมกันก่อนจะระเบิด ส่งผลถึงพายุที่พัดอยู่ด้านบน สร้างความปั่นป่วนให้ที่แห่งนี้หนักขึ้นไปอีก จุดอ่อนเดิมที่พวกเขาสามารถใช้หนีได้รับการเสริมพลังไปด้วยเช่นกัน!
ผู้อาวุโสฝ่ายขวารู้ว่าตนเองไม่มีเวลาตั้งผนึกให้สมบูรณ์ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจใช้ไอความร้อนและความปั่นป่วนบนดารานิรันดร์เพื่อขัดขวางการเคลื่อนไหว นอกจากจะทำให้หวังเป่าเล่อไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้แล้ว ยังลบจุดอ่อนตรงขอบสุดของดารานิรันดร์ที่มีอยู่ได้ด้วย นอกจากนี้สัมผัสสวรรค์ยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากพายุสุริยะทำให้ไม่สามารถขยายออกไปได้ ส่งผลให้…การหลบหนีออกจากดารานิรันดร์เป็นไปได้ยาก
อย่างไรเสียดารานิรันดร์ก็ไม่ใช่ดาวเคราะห์ทั่วไปที่ขอแค่ทะยานขึ้นไปสูงจนหลุดจากระบบสุริยะก็จะเข้าสู่ห้วงจักรวาลได้ ดารานิรันดร์นั้นมีชั้นป้องกันจากพลังธรรมชาติ ต้องรอให้เวลาผ่านไป จุดอ่อนจึงจะปรากฏขึ้นและเปิดโอกาสให้เหาะออกไปจากพื้นที่ได้ สำหรับพื้นที่อื่นๆ นั้น…หากสัมผัสเข้าก็จะตายทันที!
แน่นอนว่ายังมีอีกทางหนึ่งที่สามารถใช้ออกจากดารานิรันดร์ได้ นั่นคือการใช้วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายกับดารานิรันดร์อีกดวงเป็นรากฐาน ซึ่งจะทำให้ออกจากดารานิรันดร์ได้โดยไม่ต้องสนใจชั้นป้องกันจากพลังธรรมชาติ
การกระทำของผู้อาวุโสฝ่ายขวาจึงเป็นการตัดช่องทางหลบหนีของหวังเป่าเล่อ นอกจากนั้น ถึงดารานิรันดร์จะเป็นสถานที่อันโหดร้าย แต่เขาก็เป็นผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ ทุกสิ่งยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ แต่หวังเป่าเล่อไม่ได้มีระดับการฝึกตนอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ ชายหนุ่มจึงจะได้รับผลกระทบในจุดนี้มากกว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวา
ขอแค่เจ้านั่นออกไปไม่ได้ ข้าก็มั่นใจว่าจะสังหารไอ้ระยำนั่นได้ ดูแล้วมันน่าจะใช้ไพ่ตายไปเกือบหมดแล้วด้วย!