หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 902 เข้มแข็งจนถึงหยดสุดท้าย!
เสียงดังสนั่นก้องกังวานไปทั่ว สะเก็ดดาวที่ระเบิดแตกออกมาเป็นเศษเล็กเศษน้อยจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกชิ้นฉาบเคลือบไปด้วยพลังของวงแหวนปราณและพุ่งเข้าใส่ผู้ฝึกตนทั้งสองราวกับเป็นห่าฝนรุนแรง
หากพลังของบทสวดแห่งเต๋าไม่ได้ลงมาก่อนหน้านี้ ด้วยพลังปราณระดับดาวพระเคราะห์ของตันโจวจื่อ เขาย่อมปัดป้องเศษสะเก็ดดาวเหล่านี้ออกไปได้ แต่เพราะพลังของบทสวดแห่งเต๋าและการระเบิดตัวเองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของสะเก็ดดาว ทำให้ถึงแม้ว่าตันโจวจื่อจะเคลื่อนไหวปัดป้องได้ทันเวลา แต่เพราะวิญญาณยังไม่คงที่ เขาจึงปัดสะเก็ดดาวออกไปได้ไม่หมด
เป็นไปตามแผนของหวังเป่าเล่อ…
ในพริบตานั้น ร่างเงาของชายหนุ่มก็พุ่งตัวออกไป ก่อนจะโบกมือซ้ายสร้างผนึกฝ่ามือแล้วชี้ออกไป เศษสะเก็ดดาวที่ยังหลงเหลืออยู่พุ่งเข้าไปหาชานหลิงจื่อทันที สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปขณะพยายามจะหลบ ทว่าเศษเหล่านั้นก็เข้ามาห้อมล้อมตัวเขาเรียบร้อย เกิดเสียงดังตูมหนึ่งก่อนที่ชานหลิงจื่อจะถูกขังเอาไว้ในเศษสะเก็ดดาวเหล่านั้น
แม้ว่าชานหลิงจื่อจะอยู่เพียงขั้นจิตวิญญาณอมตะ แต่ก็เคยเป็นระดับดาวพระเคราะห์มาก่อน แถมยังเป็นเจ้าของแหวนคลังเก็บอีกด้วย ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงตัดสินใจจะไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้แสดงฝีมือ หลังจากที่ผนึกชานหลิงจื่อแล้ว หวังเป่าเล่อก็พลิกกายเรียกเกราะมหาจักรพรรดิมาคลุมตัวเอาไว้ เรือบินรบเวทปรากฏขึ้นและผสานเข้ากับกายเขาเช่นกัน ขณะที่ชายหนุ่มซึ่งได้รับพลังเสริมเหล่านี้กำลังพุ่งเข้าไปหาตันโจวจื่อ เขาก็ดูประหนึ่งเป็นดาวหางที่พุ่งเข้าใส่ อีกฝ่ายถึงกับหน้าถอดสีนัยน์ตาเบิกโพลง เพราะยังตะลึงกับพลังของบทสวดแห่งเต๋าก่อนหน้านี้อยู่!
หวังเป่าเล่อเข้าประชิดตัวในพริบตาก่อนจะฟันใส่ด้วยอาวุธเทพในมือขวา!
การฟันนั้นรวมเอาคลื่นพลังรบกวนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์และความเร็วอันน่าทึ่งของชายหนุ่มเอาไว้ พลังของมันจึงสั่นคลอนไปถึงสวรรค์และน่าหวั่นเกรงอย่างยิ่ง
การโจมตีดังกล่าวเปิดความว่างเปล่าให้แยกออก ทำให้จักรวาลรอบกายหวังเป่าเล่อแผ่ความเย็นเยียบจนถึงกระดูกออกมาจากรอยแยกที่เกิดขึ้น
แม้ว่าตันโจวจื่อจะอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ แต่ก็ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังนั้น เขาไม่มีเวลาคิดใคร่ครวญ เพราะในขณะนั้น ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากหวังเป่าเล่อนั้นไม่ใช่ขั้นจิตวิญญาณอมตะแน่นอน!
แต่ถึงอย่างนั้นตันโจวจื่อก็ผ่านมาหลายสนามรบ ขณะที่ประสบอันตราย นัยน์ตาของเขาก็หดเล็กลง ก่อนที่มือจะสะบัดเป็นผนึกฝ่ามือและสร้างเกราะแสงเพชรขึ้นมาตรงหน้า พร้อมๆ กับร่างกายที่ถอดกรูดอย่างรวดเร็ว ขณะที่ร่างกายขยับถอยหลังไปนั้น หวังเป่าเล่อก็เข้าถึงตัวแล้ว อาวุธเทพของชายหนุ่มสร้างสายรุ้งงดงามทอดยาวที่กระแทกเข้าใส่เกราะแสงเพชรของตันโจวจื่อ
เสียงครืนสนั่นสะท้านสวรรค์สะท้อนออกไป เกิดเป็นเสียงแตกดังลั่นขึ้นครั้งหนึ่ง เกราะแสงเพชรทนแรงกระแทกได้เไม่กี่ลมหายใจก็ถล่มก่อนจะสลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยที่กระจายไปทั่วบริเวณ
แต่ด้วยเวลาเพียงเท่านั้น ตันโจวจื่อก็สามารถถอยออกไปได้ไกลพอสมควร ทว่าถึงอย่างนั้น พายุที่เกิดจากการฟันของหวังเป่าเล่อและรัศมีอันรุนแรงของมันก็ทำให้วิญญาณของตันโจวจื่อสั่นคลอน จนไม่อาจหยุดตัวเองไม่ให้ตะโกนออกมาได้
“เจ้าไม่ใช่ขั้นจิตวิญญาณอมตะ แต่เป็นระดับดาวพระเคราะห์ชัดๆ!”
ที่ถูกผนึกก็ตื่นตะลึงพอๆ กัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สายตาเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ผสมปนเปกับความตื่นตะลึงและสิ้นหวัง!
ความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในใจชานหลิงจื่อก็คือ…เขาถูกหลอก ทุกสิ่งล้วนเป็นแผนของหวังเป่าเล่อที่จะล่อให้เขาปรากฏตัว!
“บัดซบ!” ชานหลิงจื่อตื่นตระหนกสุดขีด เขาปล่อยพลังออกมาเต็มที่ พยายามจะทำลายผนึกออกมา แต่เพราะพลังปราณที่ร่วงหล่นมาอยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะ แม้จะสามารถพังผนึกออกมาได้ก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควร
แน่นอนว่าหวังเป่าเล่อมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคนทั้งคู่ นัยน์ตาของชายหนุ่มส่องประกายก่อนจะหัวเราะออกมา
“ในที่สุดข้าก็ล่อพวกเจ้าทั้งสองออกมาได้สำเร็จ สงสัยว่าแผนของข้าคงไม่สูญเปล่าแล้ว” หลังจากที่คำพูดของชายหนุ่มสะท้อนก้องออกไป ชานหลิงจื่อก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเก่า กระทั่งตันโจวจื่อก็ยังวิตกกังวล แม้ว่าจะกวาดสัมผัสสวรรค์ไปรอบๆ และไม่พบใครอื่น เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะแบ่งสมาธิไปมองสิ่งรอบกายอีกครั้ง
แต่นั่นกลับเข้าทางหวังเป่าเล่อ เมื่อตันโจวจื่อแบ่งสมาธิออกไปนั้น ชายหนุ่มก็พุ่งตัวไปราวกับเป็นศรที่ออกจากแล่ง มุ่งหน้าตรงเข้าหาตันโจวจื่ออีกครั้ง
ขณะที่ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไปนั้น เกราะมหาจักรพรรดิก็ปล่อยพลังออกมาเต็มที่ หวังเป่าเล่อกำมือซ้าย พายุขนาดใหญ่ก่อกำเนิดขึ้นทันที ขณะที่แรงดึงดูดของมันเริ่มก่อตัว มันก็แปรสภาพเป็นระเบิดกำเนิดดวงดารา
แม้ว่ากระบวนท่าดังกล่าวจะเป็นเพียงพลังเทพธรรมดาๆ เมื่อครั้งอยู่ในสหพันธรัฐ แต่ด้วยระดับปราณของหวังเป่าเล่อและพลังสารัตถะของเขาในตอนนี้ ผนวกกับพลังเสริมจากเกราะมหาจักรพรรดิ ทำให้พลังของมันยิ่งใหญ่ผิดธรรมดา ในแง่หนึ่ง สิ่งที่เขาสร้างขึ้นนี้ใกล้เคียงกับระเบิดกำเนิดดวงดาราของจริงก็ว่าได้!
ระเบิดนี้อาจทำลายดาวเคราะห์จำนวนมากให้แหลกเป็นผุยผงได้เลยทีเดียว!
ตันโจวจื่อรู้สึกกังวลและฉงนใจทั้งยังมีสีหน้าบูดเบี้ยว เห็นได้ชัดว่าผู้ที่กล้าหาญจะกำชัยชนะในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาไม่พยายามสลายรัศมีของศัตรูก็คงต้องตายลงตรงนี้เป็นแน่ ดังนั้นแม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนเพียงใด จิตวิญญาณการต่อสู้ก็ปะทุขึ้นมาในแววตา เมื่อหวังเป่าเล่อพุ่งเข้ามาหา เขาก็ส่งเสียงคำรามลั่น
“กายาเต๋าไม่รู้สิ้น!” สิ้นเสียงนั้น ก็เกิดเสียงที่ดังพอจะสั่นคลอนสวรรค์ออกมาจากกายตันโจวจื่อ แขนสี่ข้างและศีรษะอีกสองศีรษะงอกออกมาจากกาย ทำให้ชายวัยกลางคนตอนนี้มีหกแขนและสามศีรษะ!
นี่คือร่างกายที่แท้จริงของสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นทุกคน เมื่อร่างจริงปรากฏขึ้น ทั้งพลังปราณและพลังยุทธ์ก็รุดหน้าขึ้นไปอีก มีพายุปรากฏขึ้นนอกกายเขา ก่อนจะซัดเข้าหาหวังเป่าเล่อ
ทั้งสองคนว่องไวราวสายฟ้าฟาด หากมีผู้ฝึกตนธรรมดาอยู่บริเวณนั้น พวกเขาคงมองเห็นร่างกายของคนทั้งคู่ได้ไม่ชัดเจนนัก คงจะมองเห็นเพียงแสงวิบวับสองสายพุ่งเข้าปะทะกันเท่านั้น
มีเสียงกัมปนาทดังสนั่นสะท้อนไปทั่ว ระเบิดกำเนิดดวงดาราของหวังเป่าเล่อถูกแขนสองข้างของตันโจวจื่อปัดป้อง แม้ว่ากำปั้นของหวังเป่าเล่อที่มีระเบิดกำเนิดดวงดาราอยู่ภายในจะไม่ได้ผลักตันโจวจื่อกระเด็นไป แต่แขนทั้งสองก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
เมื่อคลื่นกระแทกที่เกิดจากการปะทะของทั้งคู่กระจายออกไป นัยน์ตาของตันโจวจื่อก็ส่องประกายเยือกเย็น ขณะที่ใช้สองแขนป้องกัน อีกสองแขนก็ยกขึ้นหมายจะทุบใส่ศีรษะของหวังเป่าเล่อทันที
พลังจากการทุบนั้นหนักหนา หากว่าการโจมตีเข้าเป้า ศีรษะของหวังเป่าเล่อต้องบุบสลายแน่นอน แต่การจู่โจมกลับของชายหนุ่มก็รวดเร็วและรุนแรงเช่นกัน อาวุธเทพในมือขวาของเขาแปรสภาพไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มไม่ได้หลบการโจมตีแต่กลับฟันไปที่คอของตันโจวจื่อ!
การโจมตีแลกกันเช่นนี้ทำให้จิตใจของตันโจวจื่อสั่นไหว เขารู้สึกเหมือนได้เจอคนบ้าที่โจมตีอย่างดุเดือด แต่ชายวัยกลางคนก็ยังตอบสนองได้ว่องไวเทียมกัน ตันโจวจื่อกัดฟัน นัยน์ตาส่องประกายแรงกล้า มือทั้งสองยังคงพุ่งไปที่ศีรษะของชายหนุ่มก่อนจะยกมืออีกสองข้างขึ้นบังการโจมตีจากอาวุธเทพของหวังเป่าเล่อ
พลังของอาวุธเทพไม่อาจถูกหยุดยั้งได้ด้วยสองมือ แต่ตันโจวจื่อก็ระเบิดพลังออกมาอีก เขาระเบิดแขนทั้งสองข้างทิ้งอย่างไม่รอช้าเพื่อจะส่งแรงต้านไปหยุดการโจมตีเอาไว้
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับเป็นภาพช้า แต่ในความเป็นจริง มันเกิดขึ้นพร้อมกันในวินาทีที่ทั้งคู่เข้าปะทะกัน การโจมตีทุกครั้งดูราวกับจะตัดสินได้ว่าใครจะอยู่หรือตาย อย่างไรเสียตันโจวจื่อก็อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์และยังปล่อยกายาเต๋าไม่รู้สิ้นออกมา ด้วยเหตุนี้เขาจึงค่อนข้างได้เปรียบอยู่ และเมื่อชายวัยกลางคนสกัดการโจมตีของพลังเทพจากทั้งมือซ้ายและมือขวาของหวังเป่าเล่อได้แล้ว แขนทั้งสองข้างก็มุ่งเข้าหาศีรษะของหวังเป่าเล่อราวกับเป็นภูเขาสองลูก…
ภาพนี้ทำเอาชานหลิงจื่อที่ถูกผนึกอยู่ต้องหยุดมองด้วยความตื่นเต้น ในวินาทีต่อมา…ภาพที่เขาหวังจะได้เห็นก็เกิดขึ้นจริงๆ!
ขณะที่เสียงดังก้องสะท้อนออกไป นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็บ้าคลั่งขึ้นมา แต่ก็ไม่มีประโยชน์ แม้ว่าชายหนุ่มจะปล่อยพลังทั้งหมดออกมาเพื่อพยายามถอย แต่ตันโจวจื่อก็ไม่ยอมปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ในพริบตานั้น แขนทั้งสองข้างของเขาก็เข้าปะทะกับศีรษะของหวังเป่าเล่อขณะที่ชายหนุ่มส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูง ศีรษะของเขาระเบิด ร่างกายที่ไม่อาจทานทนการโจมตีอันรุนแรงของตันโจวจื่อก็ระเบิดเช่นกัน เหลือเพียงเลือดและเศษเนื้อที่กระจายออกไปโดยรอบ
ความตายของหวังเป่าเล่อเกิดขึ้นกะทันหันเสียจนตันโจวจื่อตะลึงกับความสำเร็จของตนเอง ในใจเขายังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทันทีที่รู้สึกเช่นนั้นและก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อไป เลือดและเศษเนื้อที่กระจายไปก็สลายกลายเป็นหมอกในบัดดล
เพราะเลือดและเศษเนื้อกระจายตัวออกไป หมอกจึงดูเหมือนไปปกคลุมรอบกายตันโจวจื่อ ทันทีที่เลือดและเศษเนื้อแปรสภาพกลายเป็นหมอก และวินาทีที่ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกนัยน์ตาหดแคบ หมอกก็พุ่งทะลักเข้าใส่ร่างของเขาทันที!