หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 922 มหันตภัยสายฟ้าฟาดดำเนินต่อไป!
หลังจากหวังเป่าเล่อคำนวณและกำลังเศร้ากับหนึ่งพันห้าร้อยล้านผลึกสีชาดที่เสียไป มหาศิษย์แห่งเต๋าคนอื่นบนเรือต่างก็ตาเป็นประกาย ก่อนที่จะแย่งกันพูดขึ้น
“สหายเซี่ย ข้ายินดีจ่ายสามล้านผลึกสีชาดแลกกับผลไม้วิญญาณหนึ่งลูก!”
“สหายต้าลู่ ข้าให้สามล้านห้าแสน ผลไม้นี้ให้ผลเต็มที่ตอนกินผลแรกเท่านั้น ที่กินต่อไปก็แทบไม่มีผลอะไรแล้ว อีกอย่างเจ้าก็กินไปเยอะแล้ว ขายให้ข้าเถอะ!”
“สี่ล้าน สหายเซี่ย ข้าให้ราคาสูงเสียดฟ้าแล้ว ถึงในตัวข้าจะมีไม่ถึง แต่ข้าใช้เทพวัตถุแลกได้!”
คำพูดของแต่ละคนยิ่งทำให้หวังเป่าเล่อเสียใจมากขึ้นไปอีก หลังถอนหายใจ หวังเป่าเล่อก็ค่อยๆ หรี่ตาลง แม้จะมีคนเสนอราคาให้มากถึงสี่ล้าน แต่หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าแม้หญิงสวมหน้ากากผู้นั้นจะมีท่าทีเย็นชามาตลอด แต่ก็ไม่เคยเยาะเย้ยถากถางเขา และยังไม่ปิดบังเรื่องผลไม้วิญญาณ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกดีกับนางขึ้นมาบ้าง แล้วมันก็ทำให้เขาเข้าใจว่าตัวเองยังหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่ว่าจะบนเรือลำนี้หรือจะเป็นสุสานดวงดาราที่กำลังมุ่งหน้าไป
“จะสี่ล้านหรือสามล้านล้วนเป็นลาภก้อนโตสำหรับข้า ไม่จำเป็นต้องโลภ…” คิดได้ดังนี้ สายตาหวังเป่าเล่อก็ฉายแววประหลาด เขายกมือขวาขึ้นหยิบผลไม้ที่เหลืออยู่เพียงลูกเดียวบนแท่นบูชา แล้วโยนให้หญิงสวมหน้ากาก พร้อมกับพูดขึ้นเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด
“จะทำการใดมาก่อนย่อมได้ก่อน สำหรับคนที่เกิดในตระกูลเซี่ย หลักการคือการเจรจา!”
แทบจะในชั่วพริบตาที่หวังเป่าเล่อโยนผลไม้วิญญาณและพูดออกไป ร่างของหญิงสวมหน้ากากก็มาปรากฏอยู่ด้านนอกแท่นบูชาโดยไม่ต้องรอให้เกิดการแย่งชิง นางยกมือขวาคว้าผลไม้วิญญาณที่หวังเป่าเล่อโยนให้
หญิงสวมหน้ากากถือผลไม้และเงยหน้ามองหวังเป่าเล่ออย่างลึกซึ้ง สายตาเย็นชาของนางอ่อนลงมาก หลังจากพยักหน้าให้เล็กน้อย นางก็กลับไปนั่งที่เดิมโดยไม่สนสายตาคนรอบข้างที่มองมาด้วยความละโมบ ก่อนจะกลืนผลไม้วิญญาณเข้าไปในคำเดียว
“ทุกท่าน ผลไม้ที่อยู่ในมือข้าถูกข้ากัดไปแล้วคำหนึ่ง มันแหว่งไปนิดหน่อย…หากไม่รังเกียจ ลูกสุดท้ายนี้ก็เอามาประมูลกันเถอะ ผู้ที่ให้ราคาสูงสุดจะได้มันไป!” หลังจากหวังเป่าเล่อกระแอมไอเรียกสายตาจากทุกคน เขาก็ชูผลไม้วิญญาณที่มีรอยฟันของเขาอยู่ขึ้นและพูดอย่างคาดหวัง
แม้ผลไม้วิญญาณในมือเขาจะมีรอยฟันชัดเจน แต่เหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าต่างก็มองด้วยสายตาร้อนแรง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงเสนอราคาก็หลั่งไหลออกมาทันที
ราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จากสามล้านไปถึงห้าล้านหวังเป่าเล่อที่ยืนดูอยู่ยังตกใจ จู่ๆ ความมั่งคั่งก็เข้ามาหาเขาจนรับมือไม่ทัน
แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าพวกนี้รวยแต่โง่ ความจริงแล้วในฐานะมหาศิษย์แห่งเต๋าของตระกูลรวมถึงอำนาจบารมี การได้รับคุณสมบัติดวงดาราในครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาถูกคาดหวังขนาดไหน เรื่องเงินนั้นตราบใดที่ไม่ได้สูงเกินจริง พวกเขาล้วนรับได้หมด
ในความคิดของพวกเขา ตราบใดที่มีประโยชน์กับตัวเอง โอกาสและสมบัติที่สามารถซื้อได้นั้นก็คุ้มค่าหมด โดยเฉพาะผลไม้วิญญาณที่ไม่เพียงเพิ่มโอกาสพัฒนาถึงระดับดาวพระเคราะห์ แต่ยังเพิ่มโอกาสในการผนึกกายเข้ากับดาวเคราะห์อมตะและดาวเคราะห์พิเศษได้ด้วย เช่นนี้แล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร
เช่นนี้แล้ว หลังจากประมูลกันพักหนึ่ง ในที่สุดผลไม้วิญญาณที่มีรอยฟันของหวังเป่าเล่อก็ถูกซื้อไปโดยหลี่หลินจื่อ…ราคาที่เขาให้สูงมากจนแทบจะเกินจริง
“เก้าล้าน!!” หลี่หลินจื่อคำราม ดวงตาแดงเล็กน้อย เขากลัวว่าหวังเป่าเล่อจะไม่ขายให้ตัวเองจึงได้เสนอราคาสูงเสียดฟ้าออกมา
หลังจากได้ยินราคา คนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ลังเล และในที่สุดก็เงียบไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็สว่างขึ้น อันที่จริงหลี่หลินจื่อคิดมากเกินไป หากเขาเสนอราคาปกติก็ย่อมได้ แต่ราคานี้ก็ทำให้หวังเป่าเล่อใจเต้นทันที
“คนพวกนี้ร่ำรวยกันเสียจริง!” หวังเป่าเล่อกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันใด เขาตระหนักได้ว่าบางทีการเดินทางไปสุสานดวงดาราในครั้งนี้ โชคของเขาอาจไม่ใช่การได้ดาวพระเคราะห์ดีๆ มาผนึกกาย แต่เป็น…การสร้างลาภลอยที่นี่!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หวังเป่าเล่อไม่เห็นคนอื่นพูดอะไรอีกจึงกำลังจะพยักหน้า แต่คิดขึ้นมาได้ว่าถึงอย่างไรตัวเขาก็เป็นคนที่มีตัวตนจึงกระแอมไอหนึ่งทีก่อนจะแสร้งสงบจิตใจและมองของในมือราวกับมันเป็นมูลสัตว์แล้วโบกมือเบาๆ
“ในเมื่อไม่มีใครต่อ เช่นนั้นก็ขายให้เจ้า”
หลี่หลินจื่อทั้งประหม่าทั้งตื่นเต้น ความขุ่นเคืองยังคงอยู่ แต่ตอนนี้เขาต้องกดมันลงไป ก่อนจะรีบส่งบัตรผลึกสีชาดสามใบให้หวังเป่าเล่อเพื่อสิ้นสุดการค้าขายอย่างรวดเร็ว
พอได้ผลไม้วิญญาณมาแล้ว เขาก็กลืนมันเข้าไปในคำเดียวโดยไม่สนใจรอยฟัน ก่อนจะนั่งทำสมาธิทันที ก่อนหน้านี้ถึงจะมีคนบอกว่าหวังเป่าเล่อทำลายสมบัติสวรรค์จนสิ้น แต่นั่นก็เป็นเพราะอิจฉามากกว่า หากเป็นคนอื่นคงไม่เล่นแร่แปรธาตุ แต่กินมันเข้าไปตรงๆ ถึงอย่างไรการกินลงท้องไปก็นับได้ว่าเป็นของตัวเองอย่างแท้จริง
ผลึกสีชาดสิบสองล้านเม็ดนั้นได้มาอย่างง่ายดาย มีความมั่งคั่งมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้แต่ในฝันก็ยังไม่เคยคิดว่าตัวเองจะร่ำรวยได้ สมองหวังเป่าเล่อมึนงงเล็กน้อย หลังจากผ่านไปนานถึงได้สติ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“ข้าจะไปซื้อวิญญาณอัสนีสวรรค์ยี่สิบเก้าดวงที่เมืองเซี่ยเจียฟาง!”
“ซื้อไอน้ำสายธารศักดิ์สิทธิ์สิบสองจิน!”
“ข้ายังต้องการซื้อเรือวิญญาณสวรรค์และโลกมูลค่าหลายล้านนั่นด้วย!!”
เมื่อคิดเช่นนี้ ขณะที่กำลังตื่นเต้น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเงินเป็นสิบล้านก็ไม่ได้มากอะไร…ดังนั้นเขาจึงมองไปรอบๆ แท่นบูชาก่อนจะพบว่าไม่มีอะไรให้ขายแล้ว แต่เขาก็ยังกวาดตามองอีกครั้ง
“ไม่มีแล้ว…” พอแน่ใจแล้วว่าไม่มีสิ่งของบนเรือลำนี้ที่เขาสามารถขายได้อีกแล้ว หวังเป่าเล่อก็ถอนหายใจด้วยความเศร้าและกำลังจะก้าวออกจากแท่นบูชา แต่ในตอนนั้นเอง ณ ที่ไกลออกไป จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็เห็นลำแสงที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นบนจักรวาลดวงดาราราวกับภาพเขียนสีน้ำมัน
“นี่มัน…” หวังเป่าเล่อเบิกตาโพล่ง ลำแสงนั้นสว่างจนตาพร่าในพริบตาและมันพุ่งมายังเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลำนี้พร้อมเสียงหวีดหวิว
มันเร็วมาก พริบตาเดียวที่คนอื่นๆ รับรู้ถึงมัน แสงนั่นก็มาถึงตัวแล้ว มันกลายเป็นสายฟ้าขนาดมหึมายาวสามจั้งพุ่งเข้าใส่เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!
เสียงดังกึกก้องขึ้นในทันใด ถึงจะไม่ได้ขัดขวางเรือ แต่ก็ทำให้ทุกคนบนเรือตื่นตระหนก แม้แต่หญิงสวมหน้ากากก็ยังลืมตามองอย่างระแวดระวัง และคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน
“ศัตรูโจมตีหรือ”
“ทำไมจู่ๆ ก็มีสายฟ้าฟาด!”
“ฟ้าร้องครั้งใหญ่นี้เปรียบได้กับความทุกข์ยากของสวรรค์แล้ว!!”
เมื่อทุกคนตกอยู่ในความหวาดหวั่นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าแม้ตอนนี้หวังเป่าเล่อจะมีสีหน้าตกใจเหมือนคนอื่นๆ แต่สายตาของเขากลับเผยให้เห็นความกลัวว่าจะถูกจับได้
คนอื่นไม่รู้ว่าสายฟ้านี้มาจากไหน แต่หวังเป่าเล่อรู้ นี่คือผลข้างเคียงของขวดปรารถนา และเห็นได้ชัดว่ามันน่ากลัวกว่าครั้งก่อนเสียอีก โดยเฉพาะเมื่อคิดได้ว่าเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลำนี้แล่นด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ แต่ยังถูกสายฟ้าไล่ตามมาได้ เห็นชัดว่าความเร็วของสายฟ้านี้น่าทึ่งเพียงใด
และขนาดที่ใหญ่มหึมาของมันก็ทำให้หวังเป่าเล่อกังวลเช่นกัน เพราะจากประสบการณ์แล้ว เกรงว่าหลังจากนี้สายฟ้าฟาดจะปรากฏออกมาอีกนับไม่ถ้วน
“ข้าเชื่อว่าเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลำนี้จะต้านทานมันได้!” หวังเป่าเล่อรีบปลอบตัวเอง และยิ่งกังวลว่าจะถูกคนอื่นจับสังเกตได้จึงรีบทำท่าทางให้เหมือนคนอื่นๆ แต่…เขาเพิ่งปลอบใจตัวเองไปหยกๆ วินาทีต่อมาสายฟ้าครั้งที่สองก็ฟาดลงมาและตามด้วยครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า…
ในช่วงเวลาสั้นๆ ลำแสงจ้าปรากฏขึ้นบนจักรวาลหลายสิบครั้ง และไม่หยุดเพียงเท่านั้น ในชั่วพริบตาต่อมาก็พุ่งขึ้นเป็นหลายร้อยครั้ง ดังกึกก้องไปทั่วทั้งเรือ
มหาศิษย์แห่งเต๋าทั้งหลายบนเรือตกตะลึง มีเพียงกระดาษรูปมนุษย์ที่พายเรืออยู่เท่านั้นที่เคลื่อนไหวตามปกติ สายฟ้าหลายร้อยครั้งฟาดใส่เรือจนเกิดเสียงดัง แต่เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แค่สั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เรื่องนี้ทำให้หวังเป่าเล่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก และยิ่งภูมิใจกว่าเดิม เขาแอบคิดว่าตนฉลาด มีเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายไม่ได้นี้อยู่ ไม่ว่าผลข้างเคียงของขวดปรารถนาจะรุนแรงเพียงใด เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาคิดเช่นนี้จึงทำให้สายฟ้าโกรธเกรี้ยวหรือไม่ ครู่ต่อมาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็สว่างขึ้นทันที หากมองจากที่สูงลงมาจะเห็นว่ารอบๆ เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่แล่นเร็วได้กลายเป็นทะเลสายฟ้าขนาดเทียบได้กับอารยธรรมหนึ่งเลยทีเดียว!
ฟ้าแลบจำนวนนับไม่ถ้วนเปลี่ยนเป็นสีแดง ราวกับงูเหลือมตัวแดงพุ่งเข้าหาเรือจากทุกทิศทาง ราวกับการผลักภูเขาพลิกทะเลอย่างบ้าคลั่ง!
มหาศิษย์แห่งเต๋าทั้งหมดบนเรือรวมถึงหวังเป่าเล่อถึงกับหน้าเปลี่ยนสี แม้แต่ใบหน้าไร้อารมณ์ของกระดาษรูปมนุษย์ที่พายเรืออยู่ยังกระตุก แล้วมือที่จับไม้พายก็หยุดลง
……………………………