หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 954 จงน้อมตนสู้เส้นทางแห่งเต๋าเสีย!
ตื่นเถิด…
ผู้ถูกจองจำในเต๋าสวรรค์…
เมื่อก่อนนี้ อย่างมากหวังเป่าเล่อก็ท่องถึงแค่คำว่าตื่นเถิด ส่วนประโยคสุดท้ายนั้น เท่าที่เขาจำได้ นอกจากครั้งกระโน้นในสมัยที่ยังไม่ค่อยประสีประสา พอเจอช่วงวิกฤตจึงได้ท่องไปเต็มกำลัง หลังจากนั้นมาก็เนิ่นนานเหลือเกินแล้วที่ไม่ได้ท่องถึงตรงนี้อีกเลย
ต่อมาภายหลังยิ่งไม่เคยแม้จะนึกขึ้นมาใจ จึงส่งผลให้… ดวงจิตของหวังเป่าเล่อใน ตอนนี้สั่นสะท้านหนักหน่วง แม้แต่กระดาษรูปมนุษย์เองก็ยังมีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาด้วย
เมื่อท่องประโยคที่สองออกไป ทั่วท้องทะเลกระดาษสีดำพลันคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างรุนแรง คลื่นยักษ์สาดโถมครั่นครืนอยู่ไม่หยุด กระทั่งท้องฟ้าเบื้องบนก็ยังสั่นไหวขึ้นมา หากจะบอกว่าถึงขั้นฟ้าดินแปรปรวนก็ไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด
จักรวรรดิดาวตกเองก็สัมผัสถึงความวิปริตของทะเลกระดาษสีดำได้ในทันที ทุกๆ สายตาในสุสานดาวตกจึงจับจ้องไปที่ทะเลกระดาษสีดำด้วยแววตาตื่นกลัว
“เกิดเรื่องใดขึ้น!”
“ทะเลกระดาษสีดำวิปริต!”
หลังจากเสียงอื้ออึงดังขึ้น ร่างของกระดาษรูปมนุษย์ก็หายวับไปกับตาทีละร่างๆ และมาปรากฏอีกครั้งที่กลางอากาศเหนือทะเลกระดาษสีดำ รวมทั้งกระดาษรูปมนุษย์ที่มีขีดแดงตรงหว่างคิ้วก็มาปรากฏตัวที่นี่ด้วย ยามก้มหน้าลงมองทะเลกระดาษสีดำ สีหน้าของเขาก็ตื่นตระหนกเช่นกัน เห็นได้ว่าเขามองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่ก้นทะเลในเวลานี้ แต่ก็มิได้ทำการใดบุ่มบ่าม
ในเวลาเดียวกัน ที่ก้นทะเลกระดาษสีดำก็กำลังสะเทือนไหวดังมังกรดินพลิกร่าง โดยมีจุดที่ถูกผนึกเอาไว้เป็นศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือน สิ่งที่ชวนขวัญผวายิ่งเข้าไปอีกก็คือเสาที่อยู่รายรอบก็กำลังสั่นไหวรุนแรง เช่นเดียวกับปราณมืดที่พวยพุ่งออกมาจากรอยแตกบนหน้ากระจกตราผนึกที่ตอนนี้รวมตัวเป็นเกลียวน้ำวนที่หมุนวนอย่างคลุ้มคลั่ง ดูท่าว่ามันถูกทำให้ตื่นตกใจถึงขีดสุด จนคล้ายว่ามีเสียงกรีดร้องแว่วออกมาจากในวงน้ำวนปราณมืดนั้น
เวลานี้ปราณมืดทั้งหมดล้วนกำลังหดตัวกลับอย่างรุนแรงและเข้าไปในวงน้ำวนปราณมืด พลันเกิดเป็นเค้าโครงใบหน้าผีที่เลือนราง แม้จะมองเห็นเพียงภาพรวมที่เป็นเงารางๆ ไม่เห็นเป็นตัวตนชัดเจน แต่ดวงตาสองดวงที่ปรากฏออกมาเป็นอันดับแรกกลับเด่นชัดขึ้นมาทันใด เมื่อดวงตาทั้งคู่เบิกออก บังเกิดเป็นภาพแสนสะพรึง
มันเป็น.…สีแดงสด!
ในชั่วอึดใจที่ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง เสียงคำรามเลื่อนลั่นก็แผดไปทั่วทะเลกระดาษสีดำ กระทั่งไปทั่วทั้งสุสานดาวตกและสั่นสะเทือนดังฟ้าถล่มดินทะลายเข้าไปในดวงจิตของทุกผู้ทุกคนในสุสานดาวตก
ทะเลกระดาษสีดำเกิดเสียงครั่นครืนขึ้นมาทันใด กระดาษรูปมนุษย์หลายตนถูกพลังไร้รูปที่ผิวหน้าทะเลซัดจนกระเด็น ในช่วงเวลาที่ดูคล้ายว่าท้องฟ้าถูกบดบัง กระดาษรูปมนุษย์ทุกตนที่อยู่กลางอากาศเบื้องบนผิวหน้าทะเลต่างขวัญผวาและถอยหลบไปทันใด
“นี่มัน…”
“เสียงอะไรน่ะ!!”
“เกิดเรื่องแล้ว!”
แม้พลังปราณของกระดาษรูปมนุษย์ทุกคนล้วนอยู่ในระดับไม่ธรรมดา ทว่าเสียงคำรามร้องจากภายในทะเลกระดาษสีดำก็ยังคงทำให้พวกเขาหน้าถอดสี มีเพียงกระดาษรูปมนุษย์มีขีดแดงตรงหว่างคิ้วเท่านั้นที่แม้สีหน้าจะไม่สู้ดี แต่กลับยังมีแววเด็ดเดี่ยวในดวงตา เขาคิดจะไปตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นที่ก้นทะเล จึงวับร่างพุ่งเข้าไปในทะเลกระดาษสีดำทันใด
เพียงแต่… ทะเลกระดาษสีดำในเวลานี้หาได้มีเพียงแค่พลังแห่งตราผนึก แต่ยังมีพลังของบทสวดแห่งเต๋าและพลังของกระดาษรูปมนุษย์ที่พาหวังเป่าเล่อเข้ามาด้วย ด้วยพลังทั้งหมดนี้ ต่อให้เป็นกระดาษรูปมนุษย์ที่มีขีดแดงและพลังปราณชั้นยอด แต่หากต้องการจะเข้ามายังก้นทะเลจริงๆ ก็ยังคงเป็นเรื่องยากเย็นเต็มทน
ในเวลาเดียวกัน ทุกชีวิตที่อยู่ภายในคู่เมืองแห่งจักรวรรดิดาวตกล้วนมีสีหน้าแตกตื่น เดิมทีชายหนุ่มผู้สง่างามกำลังนั่งสมาธิอยู่ เขาต้องถลึงลืมตาขึ้นทันใด คนที่อยู่ในอาการสงบมาโดยตลอดเช่นเขา ยามนี้กลับมีแววหวาดกลัวขึ้นมาในดวงตา
ฝ่ายหญิงสวมหน้ากากก็ไม่ต่างกัน ร่างของนางสั่นสะเทือนอย่างเห็นได้ชัด ดวงตามีความตื่นตระหนก รวมทั้งแม่นางกระพรวน แม่นางน้อยและชายหนุ่มเย็นชาในชุดดำด้วย ฝ่ายแรกนั้นเบิกตากว้าง ส่วนฝ่ายหลังพลันปะทุพลังรุนแรงขึ้นมาคล้ายกำลังพยายามต้านทานแรงสะเทือนนั้น
พวกเขายังเป็นดังนี้ มหาศิย์แห่งเต๋าคนอื่นๆ ก็ยิ่งพากันหอบหายใจกระชั้น โดยเฉพาะผู้ที่สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลและพื้นดินที่ค่อยๆ สั่นไหวขึ้นมา พวกเขาย่อมไม่อาจควบคุมความคิดไม่ให้คาดเดากันไปต่างๆ นานาได้
ส่วนหวังเป่าเล่อซึ่งเป็นต้นตอของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จึงยิ่งสัมผัสกับความน่าตื่นตระหนกได้โดยตรง โดยเฉพาะยามที่ถูกดวงตาสีแดงสดภายในวงน้ำวนปราณมืดจ้องเขม็งอยู่ เขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว แต่ในเมื่อขึ้นลูกธนูบนเชือกคันธนูแล้วย่อมไม่อาจไม่ยิงมันออกไปได้ จนถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเดินหน้าต่อ
ดวงตาของหวังเป่าเล่อพลันส่องประกายดุดัน แล้วท่อง…บทสวดแห่งเต๋าประโยคต่อไปในใจ!
“สรรพชีวิตย่อมต้องเผชิญภัยพิบัตินับไม่ถ้วนเป็นสรณะ…”
เมื่อท่องออกไป ทั่วอาณาบริเวณของสุสานดาวตกก็ประหนึ่งส่งเสียงโครมครามดังลั่นขึ้นมา ขุมพลังที่มาจากก้นบึ้งแห่งอวกาศนั้นมหาศาลไร้ขีดจำกัด กระทั่งทำให้หวังเป่าเล่อรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสโดยตรงว่าในวินาทีนี้คล้ายมีสายตาจากดินแดนที่ไม่รู้จักซึ่งอยู่ในส่วนลึกของอวกาศกำลัง…จับจ้องมาที่ตนเอง!!
“ตื่นแล้วหรือ?!!” เมื่อสัมผัสถึงสายตานี้ หวังเป่าเล่อพลันสะท้านขึ้นมาในใจ อดจะคร่ำครวญออกมาไม่ได้
ส่วนน้ำวนที่เกิดจากปราณมืดซึ่งพวยพุ่งออกมาจากข้างใต้ตราผนึก ณ ก้นทะเลกระดาษสีดำ และดวงตาสีแดงสดข้างในนั้น ก็ยิ่งมีปฏิกิริยาตอบรับที่รุนแรงเสียยิ่งกว่าเก่า มันคำรามร้องกึกก้องไปทั่วฟ้า ยิ่งม้วนเกลียวอยู่ภายในอย่างบ้าคลั่งเหมือนน้ำที่กำลังเดือดพล่าน ทำให้มองเห็นภาพใบหน้าได้ชัดเจนขึ้นอย่างรวดเร็ว มันยังแยกตัวออกกลายเป็นเขาสีดำข้างหนึ่ง และกำลังพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ
เขาที่ว่านี้มีสีดำมืดสนิท ดำกว่าสิ่งใดๆ ประหนึ่งความมืดมนไร้ที่สุดบนโลกนี้ และพร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งลงไป
ไม่ต้องจินตนาการใดเลยหวังเป่าเล่อก็รู้อยู่เต็มอกว่า ถ้าเขาที่กลายร่างจากปราณมืดนี้สัมผัสถูกตัว เดาว่า…ต่อให้มีตนเองอีกสักร้อยคนก็ยังตายไม่พอเลย ต่อให้ร่างจริงไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่มันก็จะต้องแตกสลายพร้อมกับร่างอวตารไปด้วย
เมื่อเห็นสภาพการณ์ดังนี้ สีหน้าของกระดาษรูปมนุษย์ที่อยู่ข้างๆ ก็เปลี่ยนไปทันใด เขากำลังจะขยับร่างจะเข้าไปขวาง ทว่าประเมินความร้ายกาจและความบ้าดีเดือดของหวังเป่าเล่อน้อยเกินไป ไม่ทันรอให้เขาลงมือ ในดวงตาของหวังเป่าเล่อก็เต็มไปด้วยแขนงเส้นเลือดแล้ว ในชั่วเวลาวิกฤตเป็นตายเช่นนี้เขากลับยอมเข้าแลกอย่างไม่คิดชีวิต
“น้องสาวเจ้าเถอะ ภายใต้บทสวดแห่งเต๋าของข้า ยังหาญกล้ามาต่อกร!!” หวังเป่าเล่อแผดเสียงลั่น แล้วท่องบทส่วนแห่งเต๋าประโยคที่สี่!
“เพียงความคิดเดียวเท่านั้นก็จะปลดปล่อยเจ้าจากคุกจองจำอันล้ำลึกนี้ได้…”
เมื่อท่องออกไป หวังเป่าเล่อก็ได้ยินเสียงดังสนั่นเข้ามาในหู เสียงนี้มิได้มาจากรอบตัวเขา หากแต่มาจากส่วนลึกในอวกาศซึ่งถ่ายทอดเข้ามาถึงข้างในจิตของเขา จนเกิดความรู้สึกว่ากำลังถูกสายตาหนึ่งจับจ้องอยู่และยิ่งรู้สึกแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังรู้สึกคล้ายว่ามีภาพภาพหนึ่งปรากฏขึ้นมาในส่วนลึกภายในหัวของเขา
ภาพที่เขามองเห็นคล้ายเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง มีผมขาวทั้งหัว สวมชุดขาวทั้งตัว ดวงตาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เดินมาจากในอวกาศ ราวกับมีทะเลแห่งดาวอยู่ภายในดวงตาของเขา มันไร้ซึ่งขอบเขตยามจ้องมองเข้าไป
ทุกแห่งที่เขาก้าวผ่าน เต๋าสวรรค์ถอยไปอย่างนอบน้อม กฎจักรวาลลงหมอบกราบ และเบื้องหลังของเขาก็มีเงาของโลกที่สลับสับเปลี่ยนไปมา คล้ายว่าร่างกายของเขาบรรจุพลังแห่งจักรพิภพอันไร้ที่สิ้นสุดภายในอวกาศแห่งนี้เอาไว้!
และในชั่ววินาทีที่ภาพภาพนี้ลอยขึ้นมาในหัวสมองของหวังเป่าเล่อ เขาสีดำที่ก่อตัวขึ้นจากปราณมืดก็สลายไปต่อหน้าเขาทันใด ภายในทะเลกระดาษสีดำกระดาษรูปมนุษย์มีขีดแดงที่กำลังรีบเดินทางมาอย่างยากลำบากก็ต้องสะเทือนไปทั้งตัว เขายังไม่ทันได้เข้าใกล้จึงมองสิ่งต่างๆ ไม่ชัดเจน ทว่าเวลานี้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง จึงทำให้ต้องถอยออกมาแล้วกลับไปบนผิวหน้าทะเลทั้งร่างที่ยังสั่นเทา
“เหนือจักรวาลคือพลังแห่งผู้สร้าง…มีพลังแห่งผู้สร้างสูงสุดจากดินแดนอื่นกำลังจะมาถึง!!!” นี่เป็นคำพูดเดียวที่เขาพูดหลังจากขึ้นมาจากทะเล เมื่อเอ่ยคำนี้ออกไป กระดาษรูปมนุษย์ที่อยู่โดยรอบทั้งหมดไม่มีตนใดที่ร่างไม่สะท้านขึ้นมา เหล่ากระดาษรูปมนุษย์ทุกตนภายใต้การนำของกระดาษรูปมนุษย์มีขีดแดงถึงกับพากันคุกเข่าลงกราบไหว้
ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น เหล่ากระดาษรูปมนุษย์ทุกตนในจักรวรรดิดาวตกก็เป็นดังนี้ทั้งสิ้น กระทั่งเมื่อเงยหน้าขึ้นมองอวกาศในพริบตานี้ก็ยังมีแสงของดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา ทุกประกายแสงล้วนคือดาวพระเคราะห์ดวงหนึ่งของสุสานดาวตก ทว่า…แสงดาวในยามนี้เพียงแค่กะพริบหนหนึ่งแล้วดับมืดลงทันตา ประหนึ่งว่าไม่ควรคู่จะมาทอประกายในช่วงเวลานี้
มีแต่เพียง…ดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้าอันมืดมิดที่ยังคงสาดแสงในยามนี้ คล้ายไม่ได้หวั่นเกรงต่อการมาเยือนของพลังอันสูงสุดจากโลกภายนอก จนถึงขั้นมีท่าทีโอหังเสียด้วยซ้ำ!
และหากมองให้ละเอียด ก็จะเห็นว่ารอบๆ ดาวดวงนั้นยังมีดวงดาวอีกเก้าดวง ที่ต่อให้ถูกทั้งดาวดวงกลางและพลังอันสูงสุดกดเอาไว้ แต่พวกมันก็ยังคงพยายามดิ้นรนส่องแสงของตนออกมา พวกมันหาได้โอหัง บางดวงก็เพียงแค่ไม่ยินยอมลดละความมุ่งมั่นเท่านั้น!
การปรากฏตัวที่เด่นชัดของพวกมัน หากเป็นเวลาอื่นๆ จะต้องทำให้เกิดความสั่นสะเทือนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ในยามนี้จะมีคนสนใจไม่มากเท่าใด ทว่าก็ยังคงทำให้ทุกสรรพชีวิตที่มองเห็นเกิดความฮึกเหิมขึ้นในใจ เพียงแต่…สิ่งที่ผู้คนกำลังสนใจมิใช่ดวงดาวทั้งเก้าดวงที่ไม่ยอมละลดความมุ่งมั่น ในสายตาของพวกเขากลับมีเพียงดวงดาวที่ทอแสงเด่นชัดที่สุดดวงนั้นเท่านั้น
“มีดาวเคราะห์เต๋าอยู่จริงๆ….” ชายหนุ่มผู้สง่างามหายใจหอบกระชั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวเพียงดวงเดียวที่ปรากฏขึ้นมากลางท้องฟ้าในยามที่มีพลังอัศจรรย์กำลังข่มมันเอาไว้ ด้วยแววตาแห่งการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อเป็นที่สุด
อีกคนที่เปี่ยมด้วยการรอคอยเช่นกันก็คือ แม่นางกระพรวน!
ในขณะที่เหล่ากระดาษรูปมนุษย์ข้างนอกกำลังตกตะลึงกันอยู่ ดวงจิตของหวังเป่าเล่อกลับกลายเป็นความเลือนราง คล้ายถูกดึงประสาทสัมผัสทั้งหมดออกไป ทำให้สิ่งเดียวที่เขามองเห็นท่ามกลางภาพสลัวนั้น คล้ายเป็นร่างร่างหนึ่งที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาทีละก้าว
เป็นเหตุให้เขาไม่อาจสัมผัสถึงตัวที่ซี่สั่นและความตื่นกลัวของกระดาษรูปมนุษย์ข้างกายเขาได้ อีกทั้งไม่อาจสัมผัสได้ว่าใบหน้าภายในน้ำวนสีดำเบื้องล่างก่อร่างขึ้นอย่างรวดเร็วจนบัดนี้มันผนึกร่างสมบูรณ์แล้ว กลายมาเป็นใบหน้าผีแสนดุร้ายที่เขาของมันหักไปและกำลังพุ่งใส่หวังเป่าเล่ออย่างเต็มแรง หมายจะกลืนกินเขาลงไป
ยามที่มันพุ่งออกมา ปราณมืดทั้งหมดที่ออกมาจากรอยร้าวของตราผนึกและพันอยู่รอบศพของสตรีผู้นั้นก็ถูกดึงเข้ามารวมกันด้วย ทำให้สีของทะเลกระดาษสีดำจางลงไปอย่างมากในทันใด กลับเป็นใบหน้าผีนี้เสียอีกที่กลายเป็นความดำมืดสุดจะพรรณนา และมันกำลังมาถึงตัวหวังเป่าเล่อแล้ว
ทว่าในเวลานี้เอง หวังเป่าเล่อที่อยู่ในอาการดวงจิตเลือนราง คล้ายถูกดึงประสาทสัมผัสไปจากกายจนหมดก็กลับเอ่ยปากออกมาอีกประโยคหนึ่ง ซึ่งประโยคนี้ก็ยังเป็นทดสวดแห่งเต๋า แต่กลับมิได้ท่องมันอยู่ในใจ หากแต่ท่องออกมาจากปาก เอ่ยออกมาบางเบา ด้วยน้ำเสียงที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนเป็นที่สุด
“…จงน้อมตนสู้เส้นทางแห่งเต๋าเสีย!”
…………………………..