หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 975 เคยได้ยินไหม?
เสียงนั้นดั่งสนั่นราวกับฟ้าผ่า และในพริบตาที่เอ่ยออกไปก็ดูเหมือนจะส่งผลต่อกฎจักรวาล ราวกับมันกำลังถูกบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ทำให้จักรวาลทั่วทั้งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เกิดการผันผวนรุนแรง จนก่อให้เกิดสายฟ้านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากชั้นบรรยากาศบางๆ
อีกทั้งยังส่งผลต่อดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ทำให้ดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์สว่างวาบ น่าเสียดายที่เมื่อมันสว่างวาบก็จะเห็นอักษรโบราณนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ราวกับถูกสะกดไว้
ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อกับหวังเป่าเล่อได้ และทำให้หวังเป่าเล่อไม่สามารถอาศัยดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์หายตัวกลับไปได้ รวมทั้งเศษผลึกนับไม่ถ้วนที่ห่อหุ้มด้านนอกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อีก จนอาจกล่าวได้ว่าอารยธรรมครามทองคำได้สร้างสถานที่แห่งนี้ให้เป็นป้อมปราการที่ไม่อาจทะลุผ่านได้ คนทั่วไปไม่มีทางเหยียบเข้ามาได้และไม่สามารถออกไปได้!
เว้นแต่จะเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ดาราจักรที่สามารถเพิกเฉยต่อการจัดการนี้ได้ อย่างไรก็ตามอารยธรรมครามทองคำนั้นรู้อย่างแน่ชัดว่าสำนักที่ปรารถนาดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อพวกนั้น ไม่อาจจัดการเรื่องนี้ได้สะดวกราบรื่นเท่าอารยธรรมครามทองคำ การที่สามารถเรียกให้หวังเป่าเล่อมาที่นี่ได้ในทันที ก็อาจกล่าวได้ว่าอารยธรรมครามทองคำได้เปรียบในเรื่องนี้
หากสำนักอื่นคิดจะลงมือ พวกเขาต้องตามหาหวังเป่าเล่อให้พบเสียก่อน แต่ผลึกที่ด้านนอกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์…แทนที่จะเรียกว่าป้องกันไม่ให้หวังเป่าเล่อหลบหนี ไม่สู้เรียกว่า…ปิดบังร่องรอยของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ไว้จะดีกว่า!
อย่างหลังคือบทบาทที่ใหญ่ที่สุด ถึงแม้การปิดบังนี้จะไม่สามารถทำได้นานนัก แต่เพียงพอที่จะให้พวกเขาได้ดาวเคราะห์เต๋ามาก็พอแล้ว หลังจากได้มันมาแล้วอาจตกเป็นที่ต้องการของมหาอำนาจอื่นๆ แต่อารยธรรมครามทองคำก็มีวิธีจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ถึงอย่างไรก็ถือเป็นการสละให้ อารยธรรมครามทองคำย่อมได้ผลประโยชน์มากมาย
ดังนั้นในตอนนี้ดารานิรันดร์ของอารยธรรมครามทองคำผู้นี้จึงคำรามเสียงต่ำ ขณะที่สายตาฉายแววละโมบอย่างไม่ปิดบัง ครั้งนี้อารยธรรมครามทองคำส่งดารานิรันดร์มาสองคน ดาวพระเคราะห์อีกเก้าคน อีกทั้งยังจัดวางกับดักไว้อีก เห็นได้ชัดว่าตั้งใจแน่วแน่แล้วที่จะ…ช่วงชิงดาวเคราะห์เต๋า!
อันที่จริงหลังจากได้เห็นชื่อหวังเป่าเล่อรวมถึงเครื่องหมายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ด้านหลังในรายชื่อจากสุสานดวงดารา พวกเขาก็เข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายก็คือหลงหนานจื่อ
ดังนั้นจึงเตรียมการในชั่วพริบตา ไม่ใช่แค่ตามหาเจ้าเยี่ยเหมิงและจับตัวมาเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีแผนอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงสิ่งที่พวกเขาจะทำหากหวังเป่าเล่อไม่มาตามกำหนดก็เตรียมการไว้พร้อมเสร็จ แม้แต่เรื่องสหพันธรัฐของโลกก็ถูกปรมาจารย์ดารานิรันดร์ของอารยธรรมครามทองคำคนนั้นคำนวณไว้แล้ว
อาจกล่าวได้ว่า…การช่วงชิงในครั้งนี้ พวกเขาได้เตรียมการไว้พร้อมมากและมีแผนสำรองอีกมาก แม้หวังเป่าเล่อจะไม่ทราบรายละเอียด แต่ดูจากกองทัพผู้ฝึกตนของอารยธรรมครามทองคำในตอนนี้ก็ย่อมมองออกไม่มากก็น้อย แต่สีหน้าของเขากลับดูไม่หวั่นเกรง แม้แต่ความมืดมนก็ยังสลายไป แทนที่ด้วยความสงบราวกับตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว
หลังจากได้ยินเสียงคำรามต่ำของผู้ฝึกตนดารานิรันดร์แห่งอารยธรรมครามทองคำคนนั้น หวังเป่าเล่อก็เงยหน้ามองด้วยท่าทีและแววตาสงบนิ่ง
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าไถ่บาป ปล่อยคนของข้า ออกไปจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์และกล่าวขอโทษซะ เรื่องนี้…จะถือว่าแล้วกันไป” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเรียบขณะจ้องตาผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์คนนั้น
ทันทีที่เอ่ยออกไปเช่นนั้น ผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์อย่างปรมาจารย์เต๋าใหม่และปรมาจารย์มหาทัณฑ์ต่างก็ประหลาดใจ เหล่าดาวพระเคราะห์จากอารยธรรมครามทองคำบางส่วนยังหัวเราะเย้ยหยัน
ดารานิรันดร์ทั้งสองก็เช่นกัน คนที่อยู่ด้านหลังหวังเป่าเล่อส่งสายตาดูถูก ส่วนคนที่สบตากับเขาอยู่นั้นถึงกับหัวเราะยกใหญ่ ไอพิฆาตในดวงตายิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก
“หลอมรวมกับดาวเคราะห์เต๋าแล้วทำให้เจ้ากลายเป็นคนโง่ไปแล้วหรือ หลงหนานจื่อ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะชื่อหวังเป่าเล่อหรืออะไรก็ตาม และข้าก็ไม่สนว่าเจ้าจะมาจากสหพันธรัฐของโลกหรือเป็นคนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์จริงๆ ทั้งหมดนี่…ไร้ความหมายทั้งสิ้น!”
“ข้าก็จะให้โอกาสเจ้าได้ไถ่บาปเช่นกัน ส่งดาวเคราะห์เต๋ามาแต่โดยดี มิเช่นนั้น…ไม่ใช่แค่เพื่อนของเจ้าจะต้องตาย ทั้งอารยธรรมดวงเนตรนี้ก็จะถูกทำลายไปด้วย ส่วนสหพันธรัฐของโลกอะไรนั่น…ก็จะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นต่อหน้าต่อตาเจ้าด้วย!” ขณะที่พูดผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์คนนี้ก็ยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นก็ปรากฏภาพภาพหนึ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า นั่นคือภาพระบบสุริยะที่หวังเป่าเล่อคุ้นเคย!
ในภาพนั้นนอกจากระบบสุริยะยังเห็นผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์คนหนึ่งนั่งทำสมาธิอยู่ในจักรวาลนอกระบบสุริยะ ฐานการฝึกฝนของเขากว้างใหญ่มาก จนราวกับว่าทุกการเคลื่อนไหวสามารถกระตุ้นกฎแห่งจักรวาลได้ อีกทั้งในมือเขายังมีแสงกลมลูกหนึ่งที่แผ่พลังผันผวนน่าสะพรึงกลัวออกมา มันกำลังเปล่งแสงระยิบระยับ
พลังที่อยู่ในลูกแสงทำให้หวังเป่าเล่อนิ่งงัน เมื่อเหลือบมองภาพมายานั้นเพียงแวบเดียวก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าสยดสยองที่สามารถทำลายอารยธรรมหนึ่งได้ในทันที
จากการคาดเดาของผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์คนนั้น ภาพนี้ต้องทำให้หวังเป่าเล่อหน้าเปลี่ยนสีไม่มากก็น้อย แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อหวังเป่าเล่อเหลือบมอง แล้วแววตาของเขาเพียงฉายความทรงจำบางอย่างขึ้นมาเท่านั้น แต่สีหน้ากลับไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก สำหรับการแสดงออกถึงการถูกคุกคามและหงุดหงิดนั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย
นั่นทำให้เขาแค่นเสียงในใจก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“นอกจากนี้อารยธรรมครามทองคำของข้าได้จัดเตรียมกองทัพไว้แล้ว เจ้าจะถูกสืบย้อนไปถึงพลังสารัตถะของเจ้า ในจักรวาลผืนนี้ทุกคนที่มีสายเลือดเดียวกับเจ้าจะถูกสาปและตายเพราะเจ้า!”
“เช่นนั้นเทียบกับดาวเคราะห์เต๋าที่เจ้าเพิ่งได้รับมา บ้าน ครอบครัว เพื่อนและทุกสิ่งข้างกายเจ้า รวมถึงชีวิตของเจ้าด้วยแล้ว สิ่งเหล่านี้สำคัญหรือดาวเคราะห์เต๋าสำคัญ ตอบข้ามาซิ!”
หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่บนเรือดาวตกมองไปยังจุดที่เจ้าเยี่ยเหมิงถูกผนึกไว้ และเมื่อฟังคำพูดของผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์ก็เงียบไป
ความเงียบของเขาทำให้ดารานิรันดร์แห่งอารยธรรมครามทองคำทั้งสองถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งเด็ดขาด แต่ในใจกลับมีความกังวล เนื่องจากดาวเคราะห์เต๋าต่างจากดวงดาวพิเศษอื่นๆ ดวงดาวพิเศษดวงอื่นต่อให้หลอมรวมเข้ากับผู้ฝึกตนแล้วก็ยังมีหลายวิธีที่จะดึงมันออกมาและเปลี่ยนเจ้าของ
แต่ดาวเคราะห์เต๋านั้นไม่เหมือนกัน เพราะมันเกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของกฎเพียงหนึ่งเดียวข้างในดวงดาว ในระดับหนึ่งดาวพิเศษไม่ได้ถูกประทับตราโดยกฎจักรวาล แต่ไม่ใช่กับดาวเคราะห์เต๋า วินาทีที่หลอมรวมเข้ากับหวังเป่าเล่อก็เหมือนกับการเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลแล้ว
เช่นนี้แล้วต่อให้บังคับดึงมันออกมาก็ไม่มีผลใดๆ เพียงแค่หวังเป่าเล่อคิดมันก็กลับเข้าไปที่เดิมได้แล้ว ขณะเดียวกันหากสังหารหวังเป่าเล่อก็ได้ผลเช่นเดิม ดาวเคราะห์เต๋าดวงนี้จะแตกสลายไปเองและกลับคืนสู่สุสานดวงดาราโดยไม่มีทางห้ามได้
ดังนั้นวิธีเดียวที่จะได้ดาวเคราะห์เต๋ามาก็คือเจ้าของของมันต้องเต็มใจมอบให้เองเหมือนกับการมอบกรรมสิทธิ์ดาวเคราะห์เต๋าให้แก่ผู้อื่น เช่นนี้จึงจะถือว่าได้รับมาอย่างแท้จริง
ดังนั้นขณะที่อารยธรรมครามทองคำวางกับดักหวังเป่าเล่อ จุดสำคัญก็คือการจับเป็น ยึดจุดอ่อน และใช้ทุกวิถีทางเพื่อบีบบังคับหวังเป่าเล่อให้ส่งมันมาอย่างเต็มใจ!
นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นั่นก็คือ…หลังจากหวังเป่าเล่อกลับมา เรือดาวตกก็ไม่ได้หายไป และตราบใดที่เขายังยืนอยู่บนเรือดาวตก อารยธรรมครามทองคำก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
เพราะพวกเขาไม่มีทางแน่ใจว่าเรือดาวตกจะเพิกเฉยต่อการจัดการของพวกเขา และพาหวังเป่าเล่อออกไปหรือไม่ หากอีกฝ่ายหนีไปได้จริงๆ เมื่อนั้นพวกเขาก็เหมือนเรือล่มเมื่อจอด[1] ถึงแม้อีกฝ่ายจะมาได้ก็ได้แสดงถึงปัญหาแล้ว แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่เกินไป พวกเขาจึงไม่กล้ามั่นใจเต็มร้อย
นั่นยิ่งทำให้พวกเขารอบคอบยิ่งขึ้น และได้ข่มขู่อย่างรุนแรงและตรงไปตรงมาเพื่อทำให้หวังเป่าเล่อหวาดกลัวและจำกัดความคิดไม่ให้เขารีบหนีไป
ถึงแม้หวังเป่าเล่อจะไม่ได้รู้รายละเอียดทั้งหมด แต่เขาเฝ้าดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายหลังจากที่เขามาถึงด้วยสายตาเย็นชา และเมื่อเชื่อมโยงกับความรู้เรื่องการถ่ายโอนดาวเคราะห์เต๋าก็เริ่มคาดเดาได้เกือบทั้งหมด ต้องบอกว่าจุดที่อีกฝ่ายเอามาเล่นงานล้วนสำคัญต่อหวังเป่าเล่อทั้งสิ้น หากเขาไม่ได้มีวิธีรับมืออยู่แล้วก็คงร้อนรนสุดๆ
ทว่าในเวลานี้เขาแค่ถอนหายใจเล็กน้อย
“ตอนแรกคิดว่าจะใช้ตัวตนธรรมดามาเผชิญหน้ากับพวกเจ้า…”
หวังเป่าเล่อบ่นพึมพำ สีหน้ายังคงสงบนิ่ง สายตาก็เช่นกัน เขากำลังมองดูดารานิรันดร์ตรงหน้า เมื่อคำพูดแพร่กระจายออกไป ดวงตาของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากสงบนิ่ง เป็นแววตาจนปัญญาแต่แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“ตอนแรกข้าคิดว่าจะใช้ท่าทางปกติทั่วไปมาทดสอบฐานการฝึกฝนนี้แท้ๆ…”
เหตุที่บอกว่าจนปัญญา ดูเหมือนเป็นเพราะไม่อยากทำสิ่งที่จะทำต่อจากนี้ ส่วนที่ว่าเย่อหยิ่ง ก็เป็นเพราะคำพูดที่จะเอ่ยต่อจากนี้ไป ถึงแม้จะไม่ได้แสดงถึงสถานะอันสูงสุดหาใดเปรียบ แต่ก็เป็นตัวตนที่สูงส่ง เมื่อมันลอยเข้าหูผู้ฝึกตนแห่งอารยธรรมครามทองคำโดยรอบ โดยเฉพาะดารานิรันดร์สองคนนั้น มันก็กลายเป็นดั่งฟ้าผ่า!
“ช่างเถอะๆ…ตัวตนธรรมดา ท่าทางปกติทั่วไป แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นการข่มขู่และความอัปยศ ตอนนี้ข้าจะเปิดเผยแล้ว ข้าไม่เสแสร้งแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของข้าคือศิษย์เอกของปรมาจารย์แห่งไฟ!”
“อาจารย์ของข้านามว่าปรมาจารย์แห่งไฟ พวกเจ้าเคยได้ยินไหม!” ความลำพองในสายตาหวังเป่าเล่อระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เสียงดังราวกับฟ้าผ่าดังไปทั่วทิศ!
…………………………