หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 255
ตอนที่ 255 – ปีที่ผันผ่าน
โม่เทียนเกอไม่ได้ไปที่ถ้ำพำนักของฉินซีอีก เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว อาการบาดเจ็บยิ่งดีขึ้นมาก ไม่ต้องให้นางไปยุ่งวุ่นวายอีก
วันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ประมุขเต๋าจิ้งเหออยากจะเปรยถามนางตลอด นางไม่ว่าอะไรก็ไม่ได้พูด
ผ่านไปอีกไม่นาน โม่เทียนเกอได้ยินว่าเขากักตนจะทะลวงด่านผูกจิตวิญญาณอีกแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ นางไม่เข้าใจเอาเสียเลย เพิ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมา ไม่ใช่ว่าควรจะพักผ่อนดี ๆ สักหลายวันหรือ ทำไมถึงรีบร้อนจะเพิ่มระดับชั้นนัก
คำพูดนี้นางไม่ได้ถามออกจากปาก เพียงได้ยินประมุขเต๋าจิ้งเหอเอ่ยถึงผ่าน ๆ มาบ้าง ที่แท้เขาได้รับพลังวิญญาณหยินของตัวนางแล้วตระหนักรู้วิชาใหม่ บางทีอาจมีส่วนช่วยต่อการเพิ่มระดับชั้นของเขา ดังนั้นรีบร้อนกักตน
ได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว ในใจโม่เทียนเกออดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง จากนั้นก็ขำตัวเอง ในเมื่อทำใจแล้วไยจึงต้องเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ สุดท้ายแล้วก็มิได้สำคัญเช่นเส้นทางเซียน เหมือนกับที่เขารีบร้อนผูกจิตวิญญาณ นางก็ควรจะคิดถึงการก่อเกิดตานจึงจะถูก
เช่นนี้แล้ว หลังจากนางจึงเตรียมตัวได้หลายวันก็ได้รายงานต่อซือฟุ ตั้งใจจะกักตน
ตั้งกำแพงอาคม ปิดประตูถ้ำพำนัก บ้านพักหมิงซินไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกอีก เข้าสู่โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน กักตนนั่งสมาธิ
ฝึกตนอย่างไร้กาลเวลา ผ่านไปปีแล้วปีเล่า
วสันต์ คิมหันต์ สารท เหมันต์ กาลเวลาเคลื่อนคล้อย ไม่ทันรู้ตัว สิบกว่าปีก็ผ่านไปแล้ว
ในสิบกว่าปีนี้เกิดเรื่องราวมากมาย
เช่นว่า หันชิงอวี้ก่อเกิดตานแล้ว เสวียนอินซือซูที่นั่งบนยอดเขากานลู่ในที่สุดก็มีศิษย์ก่อเกิดตานคนแรก เริ่มมีท่วงท่าสง่างามของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่แล้ว
เช่นว่า ไป๋เยี่ยนเฟยถูกเยี่ยจิ่งเหวินเดาได้ถูก เขาสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้แต่งกับเจียงซือเม่ย ทว่าแต่งกับอู๋ซือเจี่ยที่เขาถูกแคลนมาตลอดซึ่งเป็นศิษย์ปิดสำนักของเมี่ยวอีซือซู
แล้วก็เช่นว่า หลิงซูซือป๋อท้ายที่สุดยังคงนั่งละสังขารแล้ว เจียงซือเม่ยตอนแรกผิดหวังในความรักแล้วยังได้รับการโจมตีอย่างนี้อีก ปิดตัวอยู่ในยอดเขาหลิวอวิ๋นทั้งวี่วัน ไม่ยอมพบกับผู้คนอย่างง่ายดายอีกต่อไป จุดนี้ก็ถูกหลัวเฟิงเสวี่ยเดาได้ถูกต้อง
แล้วก็เช่นว่า หลังจากหลิงซูซือป๋อนั่งละสังขาร ศิษย์หลายคนที่กำลังกักตนผูกจิตวิญญาณไม่มีสักคนที่ผูกจิตวิญญาณสำเร็จ ในนี้รวมถึงฉินโส่วจิ้ง
ปีแรกที่โม่เทียนเกอกักตน ฉินซีหลังจากหายดีเข้ากักตนผูกจิตวิญญาณอย่างเป็นทางการ สองปีให้หลังสุดท้ายก็ล้มเหลว ผ่านไปอีกสี่ปี เขากักตนจะทะลวงด่านจิตวิญญาณใหม่อีกครั้ง ยังคงเพิ่มระดับชั้นไม่สำเร็จ
สิบหกปีผ่านไปในพริบตา โม่เทียนเกอในที่สุดถึงขั้นสูงสุดของสร้างฐานพลัง ออกจากการกักตนชั่วคราว
อายุเจ็ดสิบแปดปีสร้างฐานพลังขั้นสูงสุด ถึงแม้จะมีฉินโส่วจิ้งนำอยู่ข้างหน้า แต่ยังคงเป็นอายุที่น่าเหลือเชื่อ เมฆหมอกบนยอดเขาชิงฉวนอันเกิดการการที่ฉินโส่วจิ้งผูกจิตวิญญาณล้มเหลวติดต่อกันก็กระจายหายไปหลายส่วน
ที่จริงถ้าหากมิใช่ว่าโม่เทียนเกอจงใจกดความเร็วในการฝึกตนแล้วยังได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อเนื่องหลายครั้ง ถึงตอนนี้นางก็น่าจะก่อเกิดตานได้แล้ว แต่ว่าเส้นทางการฝึกตนเดิมก็เต็มไปด้วยขวากหนาม การได้รับบาดเจ็บหนักหรือแม้กระทั่งระดับการฝึกตนถดถอยล้วนเป็นเส้นทางที่ผู้ฝึกตนหลีกเลี่ยงมิได้ ไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นกับเรื่องนี้เลยจริง ๆ
โม่เทียนเกอนั่งในห้องรับแขกเล็ก ๆ ของบ้านพักหมิงซิน ฟังข่าวซุบซิบที่หลัวเฟิงเสวี่ยเล่ากับนาง ก้มหน้าครึ่งวันไม่ส่งเสียง
หลัวเฟิงเสวี่ยขึ้นถึงระดับชั้นสร้างฐานพลังขั้นกลางแล้ว นางไม่เคยเก่งด้านการฝึกตน ดังนั้นระดับการฝึกตนในหมู่ศิษย์ชั้นนำก็เพียงถือว่างั้น ๆ แต่ก็ไม่ถือว่าย่ำแย่
“เทียนเกอ เทียนเกอ!”
“หา?” โม่เทียนเกอได้สติกลับมา
หลัวเฟิงเสวี่ยบ่น “เจ้าทำอะไรเนี่ย ทำไมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เป็นอย่างนี้อีกข้าไปแล้วนะ”
“อย่า!” ถึงจะสติหลุดลอยอยู่ โม่เทียนเกอกลับฟังข่าวที่นางเล่าอย่างตั้งใจ “ข้า…. ข้าแค่เหม่อไปเท่านั้น เจ้าไปแล้วข้าจะคุยกับใครเล่า ทั่วทั้งยอดเขาชิงฉวนข้าหาคนคุยด้วยไม่ได้เลย”
“หืม?” หลัวเฟิงเสวี่ยประหลาดใจ “ไม่มีคนคุยด้วยได้อย่างไร ซือจู่ไม่ใช่ว่ามีสาวใช้มากมายหรือ อีกอย่างข้าจำได้ว่าเจ้ายังมีหลานชาย เขาคุยกับเจ้าเสมอเลยใช่ไหม”
โม่เทียนเกอถอนหายใจ “ข้ากับสาวใช้พวกนั้นเข้ากันไม่ได้จริง ๆ ก่อนหน้านี้พวกนางกลั่นแกล้งข้า ถูกข้าทุบตีไปรอบหนึ่งก็เชื่อฟังแล้วก็กลัวข้าแล้ว เจินจีออกจากโรงเรียนไปหาประสบการณ์ เด็กคนนี้ก็มีพัฒนาการนะ รู้ว่าตัวเองกระสบการณ์ไม่เพียงพอ ส่วนซือฟุ เดิมก็สามารถคุยกันได้อยู่ แต่ว่าช่วงนี้อารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ข้าก็เลยไม่ไปแย่เขา”
“ซือจู่อารมณ์ไม่ดีหรือ” หลัวเฟิงเสวี่ยคิด ๆ ดูแล้วถามว่า “ใช่เป็นเพราะว่าโส่วจิ้งซือซูผูกจิตวิญญาณล้มเหลวหรือเปล่า”
“คงจะอย่างนั้น” โม่เทียนเกอก้มหน้าลง เอ่ยเสียงเฉื่อยชาว่า “ข้าคิดว่าซือฟุผิดหวังอย่างแน่นอน ถึงปากเขาจะพูดเสมอ ๆ ว่าโส่วจิ้งซือเกอก่อเกิดตานเร็วเกิดไป ควรจะมั่นคงหน่อยจึงจะดี แต่ตอนนี้เห็นกับตาว่าเขาผูกจิตวิญญาณล้มเหลวซ้ำ ๆ ไม่ห่วงก็แปลก”
“เป็นข้าข้าก็ห่วง” หลัวเฟิงเสวี่ยขมวดคิ้วกล่าว “โอ้ย โกรธจะตายแล้ว! เดิมก่อนที่โส่วจิ้งซือซูจะผูกจิตวิญญาณ ในโรงเรียนตั้งหลายคนบอกว่าโส่วจิ้งซือซูจะต้องผูกจิตวิญญาณสำเร็จเป็นแน่ ผลคือตอนนี้ใคร ๆ ล้วนพูดว่าผูกจิตวิญญาณสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ก่อเกิดตาน โส่วจิ้งซือซูเป็นอัจฉริยะหรือไม่ดูที่ผูกจิตวิญญาณจึงจะทราบ”
หลัวเฟิงเสวี่ยถึงจะติดตามประมุขเต๋าเสวียนอินไปยอดเขากานลู่ แต่จะอย่างไรยอดเขาชิงฉวนก็เป็นสถานที่ซึ่งนางพักอาศัยมาตั้งแต่เด็ก ได้ยินคนอื่นพูดว่ายอดเขาชิงฉวนเป็นอย่างไร ในใจก็ไม่มีความสุขเสมอเลย
โม่เทียนเกอกลับสงบนิ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเขาอยากจะพูดก็พูดไป ข้าเชื่อว่าถึงซือฟุจะมีความไม่สบายใจในใจอย่างแน่นอน แต่ก็จะไม่เอาคนพวกนี้มาใส่ใจ”
“นี่ก็ใช่” หลัวเฟิงเสวี่ยพึมพำหนึ่งคำ พูดอีกว่า “ที่จริงข้าก็รู้สึกประหลาดใจที่โส่วจิ้งซือซูถึงกับผูกจิตวิญญาณล้มเหลว แถมยังล้มเหลวต่อเนื่องสองครั้ง ถ้าหากไม่ใช่ว่าเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว ข้าจะต้องไม่เชื่อแน่ ๆ”
โม่เทียนเกออึ้งไป ถามยิ้ม ๆ ว่า “ทำไมเล่า ผูกจิตวิญญาณล้มเหลวไม่ใช่เรื่องที่ปกติมากหรือ ข้าจำได้ว่าประมุขเต๋าจิตวิญญาณใหม่ในโรงเรียนมีเพียงหัวหน้าผู้อาวุโสที่สำเร็จในครั้งแรก ท่านอื่น ๆ ล้วนต้องหลายครั้งจึงผูกจิตวิญญาณได้ใช่ไหม” รวมทั้งประมุขเต๋าเมี่ยวอีซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะเช่นเดียวกันก็ผูกจิตวิญญาณสามครั้งจึงจะเพิ่มระดับชั้นได้
“พูดอย่างนี้ก็ไม่ผิด แต่นี่คือโส่วจิ้งซือซูนะ!” หลัวเฟิงเสวี่ยเน้นคำ “เพราะว่าเป็นโส่วจิ้งซือซู ดังนั้นใคร ๆ ล้วนเชื่อว่าควรจะสำเร็จในครั้งแรกจึงจะถูก”
“….ไหนเลยจะมีเหตุผลเช่นนี้” โม่เทียนเกอส่ายหน้า ในใจบอกกับตัวเองว่าสุดท้ายแล้วก็เพราะว่าฉินโส่วจิ้งถูกเทิดทูนจนเหมือนเทพเจ้าดังนั้นจึงก่อให้เกิดข่าวลือพวกนั้นใช่หรือไม่ คิดดูด้วยคุณสมบัติรากวิญญาณคู่ของเขา ก้าวข้ามอัจฉริยะรากวิญญาณเดี่ยว เจ็ดสิบแปดปีก่อเกิดตาน หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าปีก่อเกิดตานขั้นสูงสุด อัจฉริยะขนาดไหน! แล้วก็เพราะความเป็นอิจฉริยะเช่นนี้ ดังนั้นใคร ๆ จึงคาดหวังกับเขาสูงเกินไป รู้สึกว่าถ้าไม่ได้ผูกจิตวิญญาณในหนึ่งครั้งก็ไม่สมกับชื่ออัจฉริยะที่อยู่เหนือความคาดหมายของคนทั่วไปของเขา
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เขาก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ถึงเขาจะฝึกตนอย่างหนักหน่วง ในตัวมีสมบัติพิสดาร ก็ยังคงจะเป็นอย่างผู้ฝึกตนคนอื่น พานพบคอขวดในการเพิ่มระดับชั้น การฝึกตนของเขาไม่ใช่ว่าออกมาจากความว่างเปล่า
“เจ้าอย่าพูดไปนะ ที่จริงข้าได้ยินบางอย่างมาจากซือจู่…. สาเหตุที่โส่วจิ้งซือซูผูกจิตวิญญาณไม่สำเร็จเป็นเพราะสภาวะจิตใจของเขาปรากฏช่องโหว่ขึ้น ซือจู่กังวลใจมากเพราะเหตุนี้!”
ช่องโหว่ของสภาวะจิตใจ….. โม่เทียนเกอใจกระตุก คิดถึงวันนั้นเมื่อสิบหกปีที่แล้ว…. แต่แล้วก็ส่ายหน้าหัวเราะเยาะตนเอง นางไหนเลยจะมีเสน่ห์มากขนาดนั้น มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางเลย
“นี่ก็ไม่เป็นไร…..” นางพูดช้า ๆ “คนมากมายเวลาที่ไม่ได้พบเจอก็จะไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของช่องโหว่ของสภาวะจิตใจเลย อีกอย่าง โส่วจิ้งซือเกอตอนนี้ยังไม่ถึงสองร้อยปี มีอะไรให้ต้องกังวลกันเล่า อายุต่ำกว่าสองร้อยปีผูกจิตวิญญาณ ตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์ของเทียนจี๋ก็ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน”
“พูดไปก็ใช่ แต่ว่าครั้งนี้โส่วจิ้งซือซูคล้ายกับว่ารีบร้อนมากเลยนะ ผูกจิตวิญญาณครั้งที่แล้วล้มเหลวได้แปดปีแล้ว ในช่วงแปดปีนี้พยายามทุกวิถีทางหาสมบัติได้มากมาย ได้ยินว่าตอนนี้จะกักตัวอีกแล้ว”
“เร็วเช่นนี้เชียวรึ” โม่เทียนเกออึ้งไป ถึงจะบอกว่าทะลวงด่านจิตวิญญาณใหม่ล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ แต่กักตัวบ่อยเช่นนี้ก็ผิดปกติเกินไปแล้ว เท่าที่นางรู้ ผู้ฝึกตนของเทียนจี๋เมื่อไรที่ผูกจิตวิญญาณล้มเหลวล้วนต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีจึงจะกักตัวอีกครั้ง เนื่องจากหากระยะเวลาสั้นเกินไป ช่องโหว่ของสภาวะจิตใจไม่เพียงจะไม่หายไปแต่ยังจะสาหัสยิ่งขึ้นอีกด้วย อย่างระยะเวลาในการผูกจิตวิญญาณสามครั้งของฉินซีมันสั้นเกินไปจริง ๆ ครั้งนี้แปดปี ครั้งที่แล้วยิ่งสั้นกว่า เพียงสี่ปีเท่านั้น
“เจ้าก็รู้สึกว่าโส่วจิ้งซือซูรีบร้อนเกินไปแล้วใช่รึเปล่า” หลัวเฟิงเสวี่ยส่ายหน้าถอนหายใจ “ข้าถามซือฟุข้ามา ซือฟุข้าก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเรื่องอันใด ซือจู่ก็ไม่พูด ปล่อยเขาไปตามใจ ข้าก็ประหลาดใจนะ ซือจู่ไม่กลัวว่าโส่วจิ้งซือซูจะผูกจิตวิญญาณจนเกิดปัญหาเลยหรือ”
ผูกจิตวิญญาณไม่เหมือนกับก่อเกิดตาน ระดับอันตรายของก่อเกิดตานค่อนข้างต่ำ ขอเพียงเวลาก่อเกิดตานมีคนเฝ้าป้องกัน ไม่ถูกคนอื่นรบกวน พูดกันตามปกติจะไม่มีอันตรายอะไรเลย ถึงแม้ล้มเหลวก็แค่เริ่มใหม่แต่ต้น แต่ผูกจิตวิญญาณไม่เหมือนกัน ถ้าผูกจิตวิญญาณล้มเหลวมีความเป็นไปได้มากว่าจะหลงอยู่ในจิตมาร แล้วก็เป็นไปได้ว่าตอนทำลายตานไม่สามารถผูกเป็นจิตวิญญาณได้สำเร็จ ระดับการฝึกตนก็จะหายไปเช่นนี้เลย พูดอีกอย่างคือ ผูกจิตวิญญาณล้มเหลวให้ดีที่สุดคือเป็นก่อนจะทำลายตาน ถ้าหากหลังทำลายตานไม่อาจชักนำพลังวิญญาณที่กักเก็บอยู่ในตานทองคำที่แตกหักไปแล้วกลับสู่ตานเถียนก็อาจจะสูญเสียการฝึกตนของตัวเองไปเลย ไม่เพียงไม่มีโอกาสผูกจิตวิญญาณอีก แม้แต่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานก็ยังไม่อาจสู้ได้
คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอก็ขมวดคิ้ว “ใช่ นี่ก็ประหลาดเกินไปแล้ว…..”
เมื่อได้รับการเห็นด้วยของนาง หลัวเฟิงเสวี่ยก็เอ่ยอีกว่า “ที่จริงซือจู่ก็มิใช่ไม่กังวล ทำไมถึงไม่ควบคุมเลยเล่า……”
“เกรงว่าถึงจะควบคุมก็ควบคุมไม่อยู่” โม่เทียนเกอเอ่ย “ซือฟุพูดตลอดเลยว่าเขาเอาความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่เกินไป จะเกลี้ยกล่อมก็เกลี้ยกล่อมไม่ได้…” พูดถึงตรงนี้ นางก็สับสนแล้ว เขามิใช่คนที่หุนหัน ทุกเรื่องราวต้องวางแผนให้แน่แล้วจึงกระทำ ทำไมเรื่องนี้ที่ทุกคนล้วนรู้ว่าไม่สามารถเขากลับดึงดันเช่นนี้ หรือว่าจะมีเหตุผลอะไรที่จนหนทาง
หลังจากนั้นหลัวเฟิงเสวี่ยพูดอะไรอยู่ นางเริ่มจิตใจล่องลอยอีกแล้ว สุดท้ายหลัวเฟิงเสวี่ยเบื่อหน่อยจึงบอกลา โม่เทียนเกอเอ่ยขออภัยนางแล้วก็ไม่รั้งตัวนางอีก ตอนนี้นางอารมณ์ปั่นป่วนมากจริง ๆ ไม่ใช่เวลามาคุยซุบซิบ
เพิ่งจะสร้างฐานพลังถึงขั้นสูงสุด โม่เทียนเกอเตรียมจะพักผ่อนสักหลายปีแล้วค่อยกักตนก่อเกิดตาน
สามปีให้หลัง ฉินซีผูกจิตวิญญาณครั้งที่สามยังคงจบด้วยความล้มเหลว โชคดีที่เขาไม่ได้หลงอยู่ในจิตมารแล้วก็ไม่ได้ทำลายตานแล้วสูญเสียพลังไป
เพียงแต่การโจมตีครั้งนี้กลับทำให้เขาเงียบไปเลย จนกระทั่งตอนที่โม่เทียนเกอกักตนก่อเกิดตานก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอันใดของเขาอีก คล้ายกับว่าเขาไม่ได้ออกมาจากถ้ำพำนักอีกเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น
ใคร ๆ ล้วนพูดว่าฉินโส่วจิ้งจะอย่างไรก็ยังเป็นรากวิญญาณคู่ ถึงแม้ว่าเขาก่อนจะผูกจิตวิญญาณฝึกตนเพิ่มระดับได้เร็วอีกแค่ไหนก็ไม่ใช่อัจฉริยะอันแท้จริง ลืมสิ่งที่เคยพูดก่อนหน้านี้ไปโดยสิ้นเชิงว่าด้วยคุณสมบัติรากวิญญาณคู่ของฉินโส่วจิ้ง อายุเจ็ดสิบแปดปีก่อเกิดตาน เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะเรียกว่าอัจฉริยะได้แล้ว
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์เต๋าหลิงซีผู้ฝึกตนรากวิญญาณเดี่ยวในรุ่นนี้ขอโรงเรียนเสวียนชิงก่อเกิดตานถึงขั้นสูงสุด เริ่มกักตนผูกจิตวิญญาณ
ดังนั้นเอง หลี่หลิงซีที่ถูกฉินโส่วจิ้งปิดบังประกายมาโดยตลอดก็เริ่มถูกยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะอย่างที่เขาควรจะได้รับแล้ว
นามของอัจฉริยะรุ่นใหม่ของโรงเรียนเสวียนชิงในที่สุดก็เปลี่ยนมือ
สำหรับเรื่องเหล่านี้โม่เทียนเกอไม่มีโอกาสได้ยินแล้ว หลังจากที่ฉินซีผูกจิตวิญญาณล้มเหลว นางก็ปิดถ้ำพำนักอีกครั้ง ตั้งกำแพงอาคม แม้แต่ประมุขเต๋าจิ้งเหอก็ถูกขวางอยู่ที่นอกประตู เข้าสู่โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน พุ่งทะลวงด่านก่อเกิดตาน
…………………………..
ตอนที่ 256 – ก่อเกิดตาน