หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 256
ตอนที่ 256 – ก่อเกิดตาน
ตอนที่ก่อเกิดตาน โม่เทียนเกอเข้าสู่โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน จงใจทิ้งหุ่นเชิดหินสลักเอาไว้ข้างนอกหนึ่งตัวปลอมเป็นตัวเอง
ตอนที่ฝึกตนในเวลาปกติ นางสามารถใช้ม่านพลังสร้างความสับสนให้จิตหยั่งรู้ของประมุขเต๋าจิ้งเหอ จะอย่างไรเสียเขาก็จะไม่ใส่ใจจนเกินไป แต่ตอนก่อเกิดตาน จิตหยั่งรู้ของประมุขเต๋าจิ้งเหอจะต้องเพ่งเล็งมาที่ตรงนี้เป็นแน่ เพื่อการรักษาความลับของโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนยังคงทำให้มันสมจริงหน่อยดีกว่า
โชคดีที่นางได้รับหนังสือม่านพลังเสวียนจีมา ซึ่งมันเป็นศาสตร์แห่งม่านพลังที่เหนือธรรมดาอย่างลิบลับ หุ่นเชิดหินสลักเองเดิมทีก็มีการแผ่พลังวิญญาณระดับสร้างฐานพลังขั้นปลายอยู่แล้ว นางลงมืออีกนิดหน่อยปลอมเป็นตนเองไม่ใช่ปัญหาเลย
แต่ทว่าหลังจากก่อเกิดตานออกจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนกลับจะต้องสร้างกลอุบายบางอย่างก่อเป็นมายาสวรรค์ของการก่อเกิดตานจึงจะได้
จากนั้น ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน โอสถที่หลอมกลั่นด้วยตนเองทั้งหมดในยามปกติและสมบัติบางส่วนที่ประมุขเต๋าจิ้งเหอเตรียมให้นางสำหรับก่อเกิดตานล้วนจัดเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ
อันดับแรกคือยาไร้ธุลี ตัวยานี้มิใช่ยาสร้างฐานพลังตอนที่สร้างฐานพลังเลย พูดให้แน่ชัดมันคือโอสถป้องกันจิตมารประเภทหนึ่ง เพราะว่าในกระบวนการก่อเกิดตาน จิตมารเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงที่สุด ดังนั้นมันจึงเป็นโอสถที่สำคัญอันดับหนึ่งในการก่อเกิดตาน จุดนี้เป็นมาตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน และโอสถที่ใช้ป้องกันจิตมารในการก่อเกิดตานยุคโบราณก็เป็นเพียงยาไร้ธุลีเหมือนกัน
จากนั้นคือยาใสกระจ่างยิ่งยวด โอสถนี้บรรจุพลังวิญญาณปริมาณมาก บทบาทคล้ายคลึงกับยาสร้างฐานพลัง เมื่อกินยานี้จะปลดปล่อยพลังวิญญาณปริมาณมากออกมาในร่างกายภายในพริบตา อาศัยความช่วยเหลือจากพลังวิญญาณเหล่านี้จะสามารถเริ่มทะลวงด่านระดับชั้นก่อเกิดตานได้
สุดท้ายคือน้ำยาวายุเซียน น้ำยานี้เป็นโอสถที่เป็นของเหลว ใช้น้ำของบัวใจม่วงเจ็ดใบและหญ้าใจหยกผสมกับหญ้าวิญญาณรากเซียนหลายสิบชนิดจึงสำเร็จ มันเป็นเทียบโอสถที่หาเจอจากในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน โม่เทียนเกอเห็นว่ายาวิเศษนี้ช่วยในการก่อเกิดตานและวัตถุดิบหลักมีอยู่ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนจึงได้ตั้งใจเสาะหาส่วนผสมที่ขาดหายไปจากภายนอก ก่อนหน้านี้เพิ่งจะผสมสำเร็จ
ทำทุกสิ่งนี้เสร็จแล้ว โม่เทียนเกอเริ่มนั่งสมาธิ ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ทำให้ตนเองคืนสู่สภาวะจิตนิ่งดั่งสายน้ำ
ที่จริงแล้วนางไม่เคยมีความเชื่อมั่นในตนเองเท่ากับในวันนี้เลย นางไม่ได้เป็นศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณที่ถึงจะครอบครองร่างหยินบริสุทธิ์แต่กลับมีคุณสมบัติรากวิญญาณห้ารากที่แทบจะเหมือนเศษสวะอย่างในปีนั้นอีกแล้ว พรสวรรค์ไม่ธรรมดา มียาวิเศษจำนวนมาก แล้วยังมีม่านพลังเหนือธรรมดา อีกทั้งสภาพแวดล้อมในการฝึกตนที่ไม่ต่างจากยุคปฐมกาล จะกังวลว่าจะเพิ่มระดับไม่สำเร็จไปไยกัน
ปรับลมหายใจช้า ๆ เคลื่อนพลังวิญญาณช้า ๆ ให้ตนเองจมลงไปในวงการโคจรพลังวิญญาณที่ขึ้น ๆ ลง ๆ
ภายในตานเถียนมีพื้นที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ไม่เพียงมีพลังวิญญาณหยินแต่มีพลังวิญญาณหยางด้วย พวกมันไม่คล้ายกับคนทั่วไปที่หยินหยางผสมปนเป ทว่ารวมตัวและเชื่อมต่อกัน ก่อเกิดเป็นวัฏจักรหนึ่งวัฏจักร
เมื่อหยิบหยางโคจรจนถึงสมดุล ห้าธาตุยิ่งครอบครองสภาวะหยินหยางทั้งสองประเภท เป็นทั้งหยินแล้วก็เป็นทั้งหยาง สภาวะแห่งต้นกำเนิดในที่สุดก็ก่อตัวขึ้นสำเร็จ
ถึงแม้พลังวิญญาณหยางในร่างจะน้อยมาก แต่กลับเพียงพอที่จะยึดครองมุมหนึ่งในส่วนลึกของตานเถียน
โม่เทียนเกอเริ่มต้นจากวัฏจักรเล็กของต้นกำเนิดนี้มาชักนำพลังวิญญาณหยินทั่วร่าง ค่อย ๆ หายใจเข้าออกช้า ๆ ….. ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน พลังวิญญาณอันบริสุทธ์นับไม่ถ้วนหมุนวนรอบตัวนาง อย่างช้า ๆ นางเข้าสู่สภาวะไร้ตัวตน……
ปฐมกาลป่าเถื่อน ฟ้าดินก่อตัว เหล่าเทพจุติสู่หล้า…..
บรรพกาลไพศาล เหล่าเทพสร้างมนุษย์ มนุษย์ปรากฏ……
เหล่าเทพจากโลกหล้า เซียนปีศาจแบ่งแยก ท้องทะเลกลายเป็นไร่นา……
โบราณกาลยากแค้น มนุษยชาติก่อกำเนิดใหม่ ตรงเข้าสู้รบกับปีศาจ…..
ช่วงเวลาหลายล้านปีไหลผ่านไปต่อหน้าต่อตา ประสบกับลมพัดพาเมฆเคลื่อนคล้อยของจากปฐมกาลเป็นต้นมา นี่คือลมหายใจของยุคปฐมกาลอันเป็นเอกลักษณ์ของโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน
คล้ายกับว่าตนเองเป็นเพียงผงธุลีเม็ดหนึ่งของปฐมกาล ล่องลอยไปมาในช่วงเวลาหลายล้านปี
โม่เทียนเกอลืมตาขึ้น รู้สึกเพียงจิตใจเป็นเสมือนฝุ่นผง ลมพัดก็ปลิวขึ้น ลมสงบก็ตกลง ถึงจะขึ้นลงอย่างเสรีแต่กลับไม่เกิดคลื่นลม
นางกินยาใสกระจ่างยิ่งยวด, น้ำยาวายุเซียน, ยาไร้ธุลี ติดต่อกัน
ไม่เหมือนกับตอนที่กินยาสร้างฐานพลังซึ่งพายุพลังวิญญาณระเบิดขึ้นมา ยาใสกระจ่างยิ่งยวดเป็นสิ่งที่อ่อนโยน มันค่อย ๆ ไหลลงคอของนางเข้าสู่ท้อง ความอบอุ่นคล้ายดวงอาทิตย์อันอบอุ่นแทรกซึม ค่อย ๆ ท่วมท้นคนทั้งตัว
นี่ทำให้นางหวนคิดถึงเมื่อครั้งยังเยาว์ ทุกครั้งเมื่อถึงฤดูหนาว มารดามักจะนั่งอยู่นอกบ้านกับนางอาบแสงแดด อย่างเกียจคร้าน อย่างอบอุ่น เช่นเดียวกับอ้อมกอดของมารดา
สติสัมปชัญญะเลือนหายไปในชั่วขณะนี้ พลังวิญญาณทั้งร่างเริ่มควบแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ และในเวลาเดียวกันพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนพุ่งโถมใส่ แย่งชิงกันโถมสู่ร่างของนาง
ตาหูปากจมูก รูขุมขนทุกขุมบนผิวหนังล้วนเปิดออกรับพลังวิญญาณเหล่านี้ ขัดขวางสิ่งไม่บริสุทธิ์ในนั้น มีเพียงพลังวิญญาณหยินอันบริสุทธิ์ที่สุดจึงถูกรับเข้าไปภายใน
กระบวนการนี้คงอยู่นานมาก แต่สติสัมปชัญญะของโม่เทียนเกอละลายอยู่ในลมหายใจของปฐมกาลนี้ เวลาหนึ่งปีก็รู้สึกเพียงว่าเป็นหลายวัน
วันเวลาไหลผ่านไปวันแล้ววันเล่า…..
จู่ ๆ ในวันหนึ่งโม่เทียนเกอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เหมือนกับมีระเบิดปะทุขึ้นในร่าง จากตานเถียนถึงชีพจรปราณถึงอวัยวะภายใน นางมีสติแจ่มใสขึ้นมาแต่กลับทำอันใดไม่ได้ ปล่อยให้พลังวิญญาณหยินเหล่านี้ทุบทำลายอยู่ในร่างกายของตนเอง
ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนกับการที่พลังวิญญาณหลุดจากควบคุมคือพลังวิญญาณหยินเหล่านี้บีบอัดอยู่ทั่วร่างของนาง ชีพจรปราณและตานเถียนกลับบรรจุพวกมันได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่าความเร็วในการเพิ่มขึ้นของพวกมันเร็วเกินไป ดังนั้นชีพจรปราณและตานเถียนที่พยายามจะสะกดพวกมันอยู่ตลอดจึงเกิดการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรง
การกระทบกระทั่งเช่นนี้สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว โม่เทียนเกอกัดฟันอดทน ทำตามคำสั่งสอนของประมุขเต๋าจิ้งเหอ พยายามหายใจเข้าหายใจออกเต็มกำลัง ให้พลังวิญญาณทั่วร่างกลับคืนอยู่รูปแบบประเภทหนึ่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ร่างกายในที่สุดก็ปรับเข้ากับความเจ็บปวดของการที่พลังวิญญาณขยายตัว ในที่สุดนางก็สามารถควบคุมก้อนพลังวิญญาณต้นกำเนิดก้อนเล็ก ๆ นั้นในร่าง นางนำก้อนพลังวิญญาณต้นกำเนิดก้อนนี้ไปวางไว้ตรงปากทางเข้าห้วงมหรรณพแห่งความรู้ในตานเถียน ปกป้องพื้นที่ที่สำคัญที่สุดเอาไว้
พอทำเรื่องนี้เสร็จแล้ว พลังวิญญาณที่ไม่สามารถบรรจุอยู่ในชีพจรปราณอีกแล้วก็ถาโถมเข้าสู่ตานเถียน
โม่เทียนเกอเกาะกุมก้อนพลังวิญญาณต้นกำเนิดเอาไว้อย่างมั่นคง ปล่อยให้ตานเถียนดูดกลืนพลังวิญญาณเหล่านี้ หลังจากที่ตานเถียนถูกพลังวิญญาณเติมจนเต็มเปี่ยม ภายนอกยังคงมีพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนโถมเข้ามา
ความเจ็บปวดนี้จึงได้รุนแรงยิ่งขึ้น นางแทบจะเชื่อว่าตานเถียนและชีพจรปราณของตนเองจะถูกฉีกกระชากเนื่องจากไม่อาจรองรับพลังวิญญาณได้ไปแล้ว
แต่ว่าไม่เป็นเช่นนั้น ตอนที่พลังวิญญาณบรรจุเข้ามาไม่ได้แล้วก็เริ่มบีบอัดกันแน่น ก่อนหน้านี้พวกมันก็คงอยู่ในสถานะอย่างของเหลวแล้ว หลังจากผ่านการบีบอัดยิ่งหนาแน่นขึ้นจนแทบไม่มีช่องว่าง
โม่เทียนเกอรู้ว่าช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดมาถึงแล้ว
นางหลับตาลง ความเจ็บปวดของการที่ตานเถียนถูกพลังวิญญาณบีบอัด นางสามารถปรับตัวได้โดยสิ้นเชิงแล้ว แต่ในลำดับถัดไปยังต้องดูว่ากระบวนการบีบอัดพลังวิญญาณจะสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่
หายใจอย่างสม่ำเสมอ ชีพจรปราณเปิดออก ตานเถียนกลับหดตัว
มีบางครั้ง บรรจุภัณฑ์ชิ้นหนึ่งเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเต็มแล้วแต่ยังสามารถอัดสิ่งของเข้ามามากขึ้นไปอีกเสมอ
ตานเถียนของโม่เทียนเกอในขณะนี้ก็เป็นเช่นนั้น พลังวิญญาณเติมจนเต็มแต่กลับยังคงหลั่งไหลเข้ามา พลังวิญญาณที่เป็นเช่นของเหลวเหล่านี้ค่อย ๆ ยิ่งมายิ่งข้นจนแทบจะเหนียวหนืด
ตานเถียนขยายตัว ชีพจรปราณก็ขยายตัว ความเจ็บปวดของการบีบอัดนี้โม่เทียนเกอปรับตัวได้โดยสิ้นเชิงแล้ว ร่างกายคล้ายกับจะฉีกกระชาก พลังวิญญาณเหล่านี้ถ้าหากรุนแรงขึ้นอีกสักหน่อยนางคงจะร่างระเบิดตายไปแล้ว แขนขาทั้งสี่ไม่คงอยู่ แต่พลังของยาใสกระจ่างยิ่งยวดกลับเป็นสิ่งที่อ่อนโยน พลังวิญญาณเหล่านี้ค่อย ๆ บีบอัดอย่างช้า ๆ อยู่ตลอดเวลา
น้ำยาวายุเซียนก็มีบทบาทขึ้นมา ของเหลวเซียนอันอ่อนละมุนสร้างความชุ่มชื่นให้ชีพจรปราณและตานเถียนของนาง ช่วยให้พวกมันยืดขยาย ซ่อมแซมความเสียหายที่ได้รับในกระบวนการยืดขยายและบีบอัด
ในเวลานี้ ข้อดีของการที่ชีพจรปราณและตานเถียนผ่านการฝึกฝนร่างห้าวิญญาณก็ได้เปิดเผยออกมาแล้ว
โม่เทียนเกอไม่เหมือนกับคนพวกนั้นที่ตอนก่อเกิดตาน ชีพจรปราณตัดขาด ไม่ทันระวังเพียงเล็กน้อยก็จะล้มเหลวไปเลย ชีพจรปราณของนางยืดหยุ่นมาก แม้ว่าจะถูกบีบอัดจนเจ็บปวดยิ่งแต่กลับโอบล้อมพลังวิญญาณเหล่านี้อย่างมั่นคงตั้งแต่ต้นจนจบ มีความเสียหายเล็กน้อย น้ำยาวายุเซียนก็จะรักษาไปทีละเล็กละน้อย
เมื่ออยู่ต่อหน้าชีพจรปราณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ พลังวิญญาณก็ได้แต่ล่าถอย พวกมันจึงบีบอัดกันและกัน ลดระยะห่างระหว่างกัน
ในที่สุด ที่ปากทางของห้วงมหรรณพแห่งความรู้ ณ ที่ซึ่งก้อนปราณต้นกำเนิดวางอยู่ได้ปรากฏอนุภาคสีขาวเล็ก ๆ เม็ดหนึ่ง
มันมีขนาดเพียงเท่ากับเมล็ดข้าว แต่กลับมีพลังที่แทบไม่อาจควบคุมได้ ทันทีที่มันปรากฏขึ้น พลังวิญญาณทั้งหมดก็โถมเข้าหามันอย่างบ้าคลั่ง เข้าปกคลุมมันทีละเล็กทีละน้อย
พลังวิญญาณปกคลุมมันทีละชั้น ๆ จนแทบจะกลายเป็นลูกกลมของเหลว แต่นี่ยังไม่เพียงพอ เมล็ดข้าวนี้ปลดปล่อยแสงสีขาวออกมา แบกพลังดึงดูดอันมหาศาลไร้ที่เปรียบกลืนกินพลังวิญญาณเหล่านี้ทั้งหมดลงไป
ถึงเมล็ดข้าวนี้จะเป็นอนุภาคเล็ก ๆ แต่ไม่รู้ว่าบรรจุพลังวิญญาณได้มาน้อยแค่ไหน พลังวิญญาณที่เป็นของเหลวแล้วเหล่านี้ถูกบีบอัดเข้าไป มันกลับขยายขนาดขึ้นเพียงนิดเดียว ดังนั้นนอกโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนจึงถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
ชีพจรปราณและตานเถียนได้รับแรงกดดันมหาศาลอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เพียงมีแรงบีบอัดของพลังวิญญาณ ยังมีพลังดึงดูดของอนุภาคสีขาวนี้ — ไม่ใช่สิ อนุภาคสีขาวนี้ขณะนี้ได้กลายเป็นลูกกลมเล็ก ๆ ขนาดเท่าหัวแม่โป้งแล้ว
ลูกกลมเล็กนี้ยังขยายขนาดอยู่ กลืนกินพลังวิญญาณ ขยายขนาดตัวเอง
กระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างยาวนาน อาจจะหลายเดือน อาจจะหลายปี โม่เทียนเกอคุมตนเองให้นิ่งอยู่ตลอดเวลา ไม่ถูกความเจ็บปวดครอบงำ
พร้อมกับเวลาที่ไหลผ่าน ความเร็วที่ลูกกลมเล็กนี้กลืนกินพลังวิญญาณยิ่งมายิ่งช้าลง จากความบ้าคลั่งในตอนเริ่มแรกจนถึงเสถียรภาพในตอนจบ
มันคล้ายกับจะกินจนอิ่ม สีขาวอ่อนจางแต่เดิมกลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้า มันในขณะนี้มีขนาดเท่ากับกำปั้นเด็กแล้ว เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าสดใสออกมา
กระบวนการดูดกลืนพลังวิญญาณหยุดลง ก้อนพลังวิญญาณต้นกำเนิดที่หมุนวนรอบก้อนกลมเล็กนี้มาตลอดรัดพันมันอย่างหนาแน่น ดังนั้นจึงกลายเป็นสีทองอ่อน ๆ
ตานทองคำ ก่อเกิดสำเร็จแล้ว!
แต่การก่อเกิดตานไม่ได้สิ้นสุดลงที่ตรงนี้ บททดสอบที่แท้จริงมาแล้ว
พริบตาที่ตานทองคำก่อเกิดสำเร็จ สติสัมปชัญญะของโม่เทียนเกอหลงเข้าไปในห้วงมหรรณพแห่งความรู้อันไร้ที่สิ้นสุดแล้ว
นอกโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ในห้องโถงใหญ่ของวังซ่างชิงยอดเขาชิงฉวน คนสองคนนั่งนิ่งไม่พูดจา
หนึ่งปีสารทไปเหมันต์มา ร้อยบุปผาเหี่ยวเฉา แต่กลับมีกลิ่นหอมของเหมยขาว สาวใช้ของวังซ่างชิงตัดกิ่งเหมยเหมันต์หลายกิ่งมาวางไว้ในห้องโถง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ปกคลุมไปทั่วห้องโถง
“สามปีแล้ว….” ประมุขเต๋าจิ้งเหอพึมพำออกมา สายตากวาดไปด้านหลังของตนเอง จิตสัมผัสทะลุผ่านศาลาวิหารไปถึงที่แห่งหนึ่งในภูเขา แต่กลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอันใด มีเพียงการแผ่พลังวิญญาณในระดับสร้างฐานพลังเท่านั้น
ดอกเหมยเหมันต์ร่วงหล่นลงมาจากกิ่ง ฉินซียื่นมือไปรับ กลีบดอกแตกกระจายทันทีแล้วลอดผ่านนิ้วมือเขาเขาลงไป “นางสร้างฐานพลังให้เวลาสองปีกว่า คิดว่าก่อเกิดตานต้องใช้เวลาหลายปี ไม่เป็นไร”
ประมุขเต๋าจิ้งเหอกลอกสายตาแต่กลับยิ้ม “เจ้ามั่นใจในตัวนางมากนะ เชื่อว่านางจะต้องก่อเกิดตานสำเร็จแน่ ๆ หรือ บางทีนางอาจจะติดอยู่ในจิตมารก็ได้นะ”
“ไม่” ฉินซีสายตาสงบนิ่ง ใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ “นางจะไม่ติดอยู่ในจิตมาร ไม่อย่างแน่นอน”
ความจริงแล้วนางกับเขาไม่เหมือนกันเลย ชีวิตการฝึกเซียนของเขาราบรื่นจนเกินไป ดังนั้นพอเกิดอุปสรรคจึงล้มจนลุกไม่ขึ้น ทว่านางกลับผ่านความยากลำบากมา เดินผ่านหนทางอันตราย พอเห็นความเป็นจริงก็ละทิ้งได้อย่างเด็ดเดี่ยว
………………………………………..
ปวดหัวสุดตอนหาคำแปล ปฐมกาล บรรพกาล โบราณกาลนี่แหละ กว่าจะหาคำที่แปลว่า “สมัยโบราณ” มาสามคำแล้วให้มันดูโบราณไม่เท่ากันได้นี่แทบเหงื่อตก
สารภาพบาปว่าตอนที่เราอ่านตอนนี้ในภาษาอังกฤษอ่านแบบลวก ๆ มาก ก็มันน่าเบื่ออะ แต่พอมาแปลถึงได้รู้ว่ามันยากแค่ไหน แถมคนแปลจะลวก ๆ มั่วข้ามก็ไม่ได้ด้วยสิ….. ต่อไปจะตั้งใจอ่านนิยายทุกตอนเป็นอย่างดีเลยค่ะ TT
ตอนที่ 257 – ก่อเกิดตานสำเร็จ