หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 258
ตอนที่ 258 – พิธีฉลองก่อเกิดตาน
เวลาของพิธีฉลองก่อเกิดตานกำหนดออกมาอย่างรวดเร็ว
ฉินโส่วจิ้งและหลี่หลิงซีสองคนพากันผูกจิตวิญญาณล้มเหลว ความกระตือรือร้นในการฝึกตนของศิษย์โรงเรียนเสวียนชิงถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง โม่เทียนเกอเผอิญก่อเกิดตานในเวลานี้ พอดีเป็นจังหวะเวลาอันดีที่จะกระตุ้นกำลังใจของศิษย์ ดังนั้นโม่เทียนเกอที่เดิมตั้งใจจะทำตัวสงบเสงี่ยมสุดท้ายจึงพบว่าพิธีฉลองก่อเกิดตานของตนเองยิ่งใหญ่เกินว่าที่จินตนาการเอาไว้
แน่นอนว่าพิธีฉลองก่อเกิดตานกับพิธีใหญ่จิตวิญญาณใหม่เทียบกันไม่ได้ ไม่เพียงไม่ได้เชื้อเชิญผู้ฝึกตนกลุ่มอื่นเข้าร่วม แม้แต่ศิษย์ของโรงเรียนก็เพียงเชิญผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังขึ้นไปมาชมพิธี ส่วนศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณอยากจะมาย่อมมาได้ ไม่มาก็ไม่เรียกร้อง
แต่ว่าในอดีตพิธีฉลองประเภทนี้ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่จะปรากฏตัวเพียงคนสองคน ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอย่างมากที่สุดก็มีเพียงครึ่งเดียว ทว่าครั้งนี้ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ห้าท่าน นอกจากประมุขเต๋าหัวเหยียนที่กำลังกักตนอยู่ ทั้งหมดล้วนปรากฏตัว ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานสี่สิบกว่าคนนอกจากที่กำลังเดินทางอยู่ภายนอกหรือว่ากักตนก็มากันครบถ้วน มันย่อมจะดูยิ่งใหญ่มาก
พิธีฉลองก่อเกิดตานแต่เดิมมาผู้ฝึกตนออกมาจากยอดเขาไหนในหกยอดเขาก็จะจัดขึ้นที่ยอดเขานั้น พิธีฉลองของโม่เทียนเกอย่อมอยู่ที่ยอดเขาชิงฉวน
เพื่อการนี้ ผู้ดูแลยอดเขาชิงฉวนได้เลือกห้องโถงหนิงซินที่ใหญ่ที่สุด ประดับประดาโคมไฟธงทิวพยายามให้ยิ่งใหญ่สุดความสามารถ
พอถึงวันนั้น ยอดเขาชิงฉวนที่อยู่ในฤดูหนาวเกิดหิมะโปรยปราย หิมะปกคลุมทั่วแผ่นฟ้าคล้ายจะเป็นการแสดงความยินดีอีกรูปแบบหนึ่ง
โม่เทียนเกอเปลี่ยนชุดเป็นชุดเต๋าที่โถงผู้ดูแลส่งมาแต่แรกแล้ว ชุดขาว ชุดชั้นนอกติดกระดุมสีฟ้าอ่อน ชุดคลุมสลับน้ำเงินขาว คอเสื้อและแขนเสื้อปักลวดลายผังก่อนฟ้าและเมฆไท่จี๋ สวมมงกุฎพุดตานอีก ไม่ต้องใช้เครื่องประดับเกินจำเป็นก็มีท่าทางเหมือนเทพเซียนอันภูมิฐานและสง่างามแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากก่อเกิดตาน ถึงหน้าตาของนางกับในอดีตจะไม่ได้แตกต่างเลย แต่เห็นได้ชัดว่าดูสดใสงดงามกว่าตอนที่หลอมรวมพลังวิญญาณและสร้างฐานพลัง ตอนที่ถูกนางถามไถ่ ประมุขเต๋าจิ้งเหอก็ตอบนางเช่นนี้ “ที่เจ้าฝึกมันศาสตร์ซู่หนี่ต้นกำเนิด ในนี้มีส่วนหนึ่งที่มาจากศาสตร์แห่งซู่หนี่ว์ ศาสตร์แห่งซู่หนี่ว์นั่นไม่ใช่ว่าสามารถทำให้สตรีคงความอ่อนเยาว์ตลอดกาลแถมยังทำให้หน้าตางดงามขึ้นหรือ คิดว่าเป็นสาเหตุจากศาสตร์นี้ล่ะ”
ในเมื่อก่อเกิดตานแล้วนางก็ไม่ใส่ใจเรื่องนี้อีก จะอย่างไรไม่ว่าหน้าตาของนางจะเปลี่ยนแปลงไปอีกเท่าไรก็ยากมากที่จะทำให้คนที่ฝึกเป็นเซียนรู้สึกว่างามล่มบ้านล่มเมือง อย่างเก่งที่สุดก็ทำให้คนชมเชยสักประโยคเท่านั้น
ตอนที่โม่เทียนเกอมาถึงห้องโถงหนิงซิน ในห้องโถงก็มีผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานพลังขึ้นไปหลายร้อยคนมารวมตัวกันแล้ว ข้างนอกห้องโถงยังมีศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนตากลมตากหิมะมามุงดู
นางก้าวเข้าห้องโถงหนิงซินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ประมุขเต๋าจิตวิญญาณใหม่สี่ท่านยืนอยู่ข้างหน้าสุด สองข้างคือผู้อาวุโสก่อเกิดตานหลายสิบท่านนำโดยอาจารย์ใหญ่เสิ่น ด้านหลังของผู้อาวุโสเหล่านี้คือศิษย์สร้างฐานพลังจำนวนมาก
ประมุขเต๋าจิตวิญญาณใหม่ล้วนมีใบหน้าปีติ เหล่าผู้อาวุโสเห็นแก่หน้าประมุขเต๋าจิตวิญญาณใหม่ ถึงจะไม่ได้รู้สึกอะไร บนใบหน้าก็ยังแสดงรอยยิ้มออกมาหลายส่วน ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังทั้งชื่นชมทั้งอิจฉา ก่อนหน้านี้ไม่นาน โม่เทียนเกอยังเป็นเช่นเดียวกับพวกเขา เป็นเพียงผู้ฝึกตนสร้างฐานพลัง มาวันนี้นางกลับเดินก้าวเดียวถึงสวรรค์ กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับสูงแล้ว
นี่เป็นเพียงพิธีฉลองก่อเกิดตาน ไม่ต้องให้ประมุขเต๋าเจิ้นหยางมาดำเนินการด้วยตนเอง ทว่าเป็นอาจารย์ใหญ่เสิ่นที่ก้าวมาข้างหน้า
พอเห็นโม่เทียนเกอเดินเข้ามา อาจารย์ใหญ่เสิ่นก็พานางมาตรงหน้าซานชิงจู่ซือ* ในห้องโถง ทำท่าให้นางคุกเข่าลงคารวะและจุดธูป จากนั้นกล่าวเสียงดังว่า “ศิษย์โรงเรียนเสวียนชิงยอดเขาชิงฉวน โม่เทียนเกอ วันนี้ก่อเกิดตานทองคำ เลื่อนระดับขึ้นเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ตามกฎโรงเรียนเสวียนชิง ได้รับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโส”
อาจารย์ใหญ่เสิ่นเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเช่นเดียวกัน โม่เทียนเกอไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้เขา เพียงคำนับแสดงความเคารพ จากนั้นยกสองมือขึ้นรับป้ายประจำตำแหน่งผู้อาวุโส รวมทั้งการแสดงคารวะครั้งแรกหลังจากก่อเกิดตาน
รอจนนางรับป้ายประจำตัวผู้อาวุโสแล้ว อาจารย์ใหญ่เสิ่นก็ยิ้มเอ่ยว่า “โม่ซือเม่ย ตั้งแต่นี้ต่อไปเจ้าก็จะเป็นผู้อาวุโสของโรงเรียนเสวียนชิงเราแล้ว ยามที่ไม่มีเรื่อง ทุกปีเพลิดเพลินกับของคารวะของโรงเรียน ยามที่มีเรื่องหวังว่าเจ้าจะปกป้องผลประโยชน์และชื่อเสียงของโรงเรียนเสวียนชิง”
“เจ้าค่ะ จะทำตามคำสั่งของซือเกออาจารย์ใหญ่”
อาจารย์ใหญ่เสิ่นกล่าวต่อว่า “เจ้าเลื่อนระดับมาเป็นก่อเกิดตานแล้ว ตามกฎของโรงเรียนเสวียนชิง เชิญอาจารย์มามอบนามแห่งเต๋า”
เขาพูดจบก็มีคนนำเบาะมาวางตรงหน้าประมุขเต๋าจิ้งเหอทันที โม่เทียนเกอเดินขึ้นหน้าหลายก้าว คุกเข่าลงบนเบาะ
ประมุขเต๋าจิ้งเหอเอ่ยปากอย่างเคร่งขรึมว่า “เทียนเกอศิษย์ข้า เจ้ามีพรสวรรค์สูงส่ง ปัญญาเกินคน อีกทั้งจิตแห่งเต๋ามั่นคง ชาญฉลาดรู้แจ้ง วันนี้ก่อเกิดตานทองคำ อย่าได้หลงลำพองในตนเอง ต้องรู้ว่ามหามรรคายังไม่สำเร็จ จากนี้ยังต้องพยายามอย่างหนัก อย่าได้ผ่อนคลาย”
ยามใดก็ตามที่ศิษย์เลื่อนระดับเลี่ยงไม่ได้ที่จะเอ่ยชมสักหลายประโยค แต่มีน้อยคนที่จะสามารถยกยอว่าพรสวรรค์สูงส่งสี่คำนี้ได้ ทั้งหมดทั้งมวลประมุขเต๋าจิ้งเหออาศัยรากวิญญาณต้นกำเนิดที่หลายพันปีจึงจะพบสักคนมาใช้คำว่าพรสวรรค์สูงส่งสี่คำนี้ คิดว่าในปัจจุบันผู้ฝึกตนที่คงอยู่บนโลกหล้าที่จะพูดว่ามีพรสวรรค์สูงกว่านางก็ยังไม่มีจริง ๆ แน่นอนว่าผู้ฝึกตนแปลงเทพเหล่านั้นถือกำเนิดมานานแล้ว ไม่เอามานับ
“ศิษย์จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของอาจารย์”
ประมุขเต๋าจิ้งเหอเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ มือความลูบเคราสั้น ๆ ของตนเอง เอ่ยพึมพำว่า “หนทางแห่งมหามรรคา อุปสรรคขวากหนามนับร้อยพัน มรรคาเทพไพศาล มรรคาเซียนกว้างใหญ่ ละเอียดอ่อนลึกลับ และล้ำลึกเกินจะหยั่ง เจ้าเสาะหามรรคาเซียน สภาวะจิตใจต้องใช้สองคำคือกระจ่าง (กระจ่าง=ชิง) และสงบ (สงบ=จิ้ง ตัวเดียวกับในชื่อ โส่วจิ้ง) อีกทั้งในการเสาะหามรรคาจะต้องละเอียดอ่อน (ละเอียดอ่อน=จื้อเวย) อย่าได้ทะนงตน ระวังจิตใจรักษาความสงบ (รักษาความสงบ=โส่วจิ้ง) ดังนั้น เหวยซือขอมอบนามแห่งเต๋าให้เจ้า ชิงเวย”
โม่เทียนเกอขยับสายตา ใบหน้ากลับไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ โขกศีรษะคารวะเบา ๆ เอ่ยว่า “ชิงเวยขอบคุณท่านอาจารย์ที่มอบนาม”
ประมุขเต๋าจิ้งเหอพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม
อาจารย์ใหญ่เสิ่นพอเห็นแล้วก็กล่าวต่อว่า “คารวะขอบคุณความเมตตาของอาจารย์แล้ว ชิงเวยซือเม่ยเชิญลุกขึ้น”
โม่เทียนเกอแสดงความเคารพอีกครั้งแล้วลุกขึ้น เดินตามการนำของอาจารย์ใหญ่เสิ่นไปตรงกลาง อาจารย์ใหญ่เสิ่นประกาศเสียงดังว่า “ศิษย์ทั้งหลาย ด้วยคำสั่งของอาจารย์ใหญ่ขอประกาศว่า ศิษย์ยอดเขาชิงฉวนโม่เทียนเกอได้รับฉายานามจากประมุขเต๋าจิ้งเหออาจารย์ของนาง นับแต่นี้มีฉายานามว่าอาจารย์เต๋าชิงเวย”
อาจารย์ใหญ่เสิ่นกล่าวจบ ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่แบ่งเป็นสองด้านก็เอ่ยแสดงความยินดีว่า “ขอแสดงความยินดีกับชิงเวยซือเม่ย เลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตาน”
จากนั้นศิษย์สร้างฐานพลังทุกคนก็พากันแสดงความเคารพ “ศิษย์ขอแสดงความยินดีกับชิงเวยซือซู”
เสียงของศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณนอกห้องโถงดังมาแต่ไกล ๆ “ศิษย์ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์เต๋าชิงเวย”
ถึงจะมีอารมณ์สงบนิ่ง ท่ามกลางเสียงแสดงความยินดีอันยิ่งใหญ่นี้ โม่เทียนเกอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว เข้าพิธีฉลองก่อเกิดตาน ได้รับนามแห่งเต๋าจากอาจารย์ นางเป็นผู้อาวุโสของโรงเรียนเสวียนชิงแล้ว
โม่เทียนเกอดวงตาเปียกชื้นเล็กน้อย นางเดินมาถึงก้าวแรกของผู้ฝึกตนระดับสูงแล้ว อดไม่ได้ที่จะคิดถึงผู้คนบางคนที่สูญเสียไปในชีวิตแปดสิบกว่าปีนี้ มารดาที่เลี้ยงดูมาโดยลำพัง บิดาที่ไม่เคยจะได้พบหน้า ยังมีท่านอารองที่เผาผลาญชีวิตช่วงสุดท้ายเพื่อนาง รวมทั้งเทียนเฉี่ยวที่ถูกนางทำให้ติดร่างแห…. ถ้าหากพวกเขารู้จะต้องดีใจมากแน่ ๆ เลยใช่หรือไม่ วันนี้นางเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานแล้ว และยังเป็นผู้อาวุโสของโรงเรียนเสวียนชิงซึ่งเป็นสำนักอันดับต้น ๆ ของเทียนจี๋ แล้วก็ไม่ต้องหนีไปตะวันออกซ่อนทางตะวันตกอีกต่อไป สามารถเดินอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เงยหน้ายืดอก
พิธีฉลองก่อเกิดตานสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ท่ามกลางลมหิมะ เหล่าศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณและสร้างฐานพลังพากันแยกย้าย ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ก็ต่างกลับไปที่ถ้ำพำนัก เหลือเพียงผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่มาโอภาปราศรัยสร้างความสนิทสนมกับชิงเวยซือเม่ยที่เพิ่งมาใหม่
ในอดีตถึงซือเม่ยผู้นี้จะเป็นศิษย์ของประมุขเต๋าจิ้งเหอ แต่ถึงที่สุดแล้วก็ยังเป็นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลัง ไม่จำเป็นต้องคบหากันมากมาย ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ซือเม่ยผู้นี้เยาว์วัยเช่นนี้ก็เลื่อนระดับก่อเกิดตานสำเร็จแล้ว ได้ยินว่าพรสวรรค์พันปียากพบพาน แล้วยังมีประมุขเต๋าจิ้งเหอซือฟุจอมปกป้องจุดอ่อนคนนี้อีก คิดว่าอนาคตสดใส คบหากันมาก ๆ ไม่ผิดไปได้หรอก
โม่เทียนเกอติดอยู่ในกลุ่มคนออกไปไม่ได้ ได้แต่ตั้งสติสังสรรกับซือเกอซือเจี่ยร่วมโรงเรียนเหล่านี้
ใครกันบอกว่าคนที่ฝึกเป็นเซียนอยู่นอกเหนือเรื่องราวทางโลก ออกจากโลกมนุษย์แต่กลับยังมีเรื่องราวทางโลกมาวุ่นวาย
บนยอดเนินแห่งหนึ่งของยอดเขาชิงฉวน มีคนผู้หนึ่งยืนไพล่หลังท่ามกลางลมหิมะ จ้องมองไปยังทิศทางของห้องโถงหนิงซิน เงียบกริบไม่พูดจา
หิมะที่พัดพลิ้วเต็มฟ้าตกลงบนเส้นผมที่ดำสนิทของเขา ซึมเข้าชุดสีน้ำเงินคลุมสีขาวของเขา แต่ก็ยังไม่ทำให้เขาขยับเขยื้อน
ประมุขเต๋าจิ้งเหอทิ้งตัวลงข้างหลังเขา เหยียบย่ำลงบนหิมะที่กระจัดกระจายบนพื้นเข้าใกล้เขา “ทำไมไม่ไปเข้าร่วมพิธีฉลองก่อเกิดตาน”
เกล็ดหิมะหนึ่งปุยตกลงมา ครอบคลุมขนตาของเขา ละลายหายไปอย่างรวดเร็ว หนาวเย็นถึงกระดูก เขาขยับสายตา เอ่ยเสียงต่ำว่า “ไปแล้วจะเป็นอย่างไร”
“ไม่เป็นอย่างไร” ประมุขเต๋าจิ้งเหออารมณ์ดียิ่ง ไม่สนใจอารมณ์หดหู่ของเขา เดินไปยืนนิ่งข้างหลังเขาบิดริมฝีปากขึ้นว่า “ผู้อื่นก่อเกิดตานเจ้าก็จะไม่ไปหรือ”
ฉินซีไม่ตอบคำ เขาไม่ได้โง่ ซือฟุผู้นี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามาล้อเลียนเขา ทำไมเขาต้องตอบส่งตัวเองขึ้นเขียงด้วยเล่า
ทั้งสองคนยืนอยู่ในลมหิมะพักหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างเงียบงันไม่ส่งเสียง ผ่านไปพักหนึ่ง จู่ ๆ ฉินซีก็พูดว่า “หนทางแห่งมหามรรคา อุปสรรคขวากหนามนับร้อยพัน มรรคาเทพไพศาล มรรคาเซียนกว้างใหญ่ ละเอียดอ่อนลึกลับ และล้ำลึกเกินจะหยั่ง เจ้าเสาะหามรรคาเซียน สภาวะจิตใจต้องใช้สองคำคือกระจ่างและสงบ อีกทั้งในการเสาะหามรรคาจะต้องละเอียดอ่อน อย่าได้ทะนงตน ระวังจิตใจรักษาความสงบ ดังนั้น เหวยซือขอมอบนามแห่งเต๋าให้เจ้า โส่งจิ้ง ซือฟุ ตอนที่ท่านมอบนามแห่งเต๋าให้ลูกศิษย์จงใจหยิบคำพูดข้อความนี้ใช่หรือไม่”
“……” ประมุขเต๋าจิ้งเหอหัวเราะแห้ง ๆ “ฮี่ ๆ ตอนที่เจ้ายังเด็กไม่ใช่ว่าได้เข้าร่วมพิธีฉลองก่อเกิดตานของชิงหยวนซือเกอหรือ”
“…..” นั่นเป็นเป็นเรื่องเมื่อนานมาก ๆ แล้ว เขาเพียงจดจำได้ราง ๆ ว่าตอนนั้นที่ซือฟุพูดไม่ใช่ข้อความนี้เลย จริง ๆ เลยนะ…..แม้แต่พิธีฉลองก่อเกิดตานอันเป็นจริงเป็นจัง ตาแก่ไม่รู้จักโตนี้ก็ยังอดล้อเล่นไม่ได้ แต่เช่นนี้จะมีประโยชน์อันใดเล่า ทำเหมือนกับเป็นเด็กเล็ก ๆ…… ของที่ไม่ใช่ของเขา สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ของเขา…….
ฉินซีส่ายหน้า “ตั้งแต่นี้ต่อไปมีเพียงโม่ชิงเวย ไม่มีโม่เทียนเกออีกแล้ว”
เสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่กลับแบกความโศกเศร้าอันไม่อาจเอื้อนเอ่ยเอาไว้
ประมุขเต๋าจิ้งเหออดเลิกคิ้วไม่ได้ “เจ้าเด็กนี่— ข้าแก่แล้วจริง ๆ จึงดูไม่เข้าใจแล้ว ข้าไม่ใช่เคยสั่งสอนเจ้าหรือ อยากได้ก็ไปหาไปคว้ามา หรือแม้กระทั่งแย่งชิง เซียนฝึกตนที่เรียกกันไม่ใช่ว่าฝืนจิตใจแล้วถึงจะดี ใครใช้ให้เจ้าอืดอาดวกวนอย่างนี้อยู่ได้เล่า ในเมื่อเทียนเกอก่อเกิดตาน ระยะห่างระหว่างพวกเจ้าก็เข้าใกล้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงยิ่งสิ้นหวังเล่า”
ฉินซีหัวเราะเบา ๆ ท่ามกลางลมหิมะ เสียงหัวเราะนำพาความเย็บเยียบไปถึงส่วนลึกของจิตใจ “ซือฟุ นางเหตุใดจึงก่อเกิดตานแล้ว เพราะว่าในใจนางไร้ปม ถึงขนาดที่ไร้การใฝ่หา”
ประมุขเต๋าจิ้งเหออึ้งไปคล้ายกับเข้าใจบางอย่าง “เจ้า…เจ้าจะบอกว่า นาง….ในใจไม่มีเจ้าหรือ”
“ยังมีคำอธิบายอะไรอีก” เข้าจิตใจท้อแท้ ลดตาลงต่ำอย่างมึนชา “ข้าติดอยู่ในจิตมาร ผูกจิตวิญญาณสามครั้ง ไม่อาจคืบหน้าสักนิ้ว นางกลับจิตใจไร้ความเคลื่อนไหว ก่อเกิดตานอย่างราบรื่น….. ท่านและข้าล้วนทราบว่า จิตมารของก่อเกิดตาน สำหรับผู้ฝึกคนที่ก่อเกิดตานครั้งแรกไม่เคยผ่านจิตมารมันผ่านได้ยากมาก แต่ว่านางกลับผ่านด่านนี้อย่างง่ายดาย”
“….” ประมุขเต๋าจิ้งเหอถึงกับรู้สึกว่าไม่มีคำที่สามารถพูดได้ สำหรับผู้ฝึกตนที่ก่อเกิดตานครั้งแรกพบกับจิตมารครั้งแรก ปมในใจจะถูกขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด ลุ่มหลงอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นได้อย่างไร แต่ว่าเทียนเกอกลับ…..นางคงจะไม่ได้ไปถึงระดับชั้นลืมเลือนความรู้สึกแล้วหรอกใช่ไหม
“ซือฟุ ข้าควรจะทำอย่างไร เป็นเช่นนี้ต่อไป สิบปีร้อยปี แม้แต่อายุขัยหมดสิ้น การผูกจิตวิญญาณของข้าก็จะไม่สำเร็จ…..”
คำถามนี้ ประมุขเต๋าจิ้งเหอรู้สึกว่าตนเองตอบไม่ได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กคนนี้ใช้น้ำเสียงสับสนเช่นนี้มาถามเขาว่าทำอย่างไรดี ในหนึ่งร้อยกว่าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยต้องให้ผู้อื่นมาช่วยเหลือ โดดเดี่ยวคนเดียว เดินอย่างแน่วแน่ไปบนเส้นทางหาเซียนถามมรรคา
เขาพลันรู้สึกว่า การได้พานพบกับเทียนเกอเป็นเภทภัยของเขาจริง ๆ
……………………………………….
*ซานชิงจู่ซือ คือ สามมหาเทพสูงสุดของลัทธิเต๋า ประกอบด้วยหยวนสื่อเทียนจุน หลิงเป่าเทียนจุน เต้าเต๋อเทียนจุน ซานชิงแปลว่าสามวิสุทธิ์ เห็นแปลซานชิงจู่ซือว่า “ตรีวิสุทธิ์คูหาเทวา” อยู่เหมือนกันค่ะ แต่อ่านชื่อไทยแล้ว…..ทับศัพท์เถอะ……
มรรคากับเต๋า คือคำเดียวกันนะคะ คำว่าเต๋าแปลตรง ๆ จะแปลว่า “เส้นทาง”
พินอินรัว ๆ เพราะมันมีความหมาย 5555 พิธีการสำคัญท่านอาจารย์ยังมานั่งเป็นพ่อสื่ออีกจ้า ส่วฉินซีก็จะออกแนวอีโมอย่างนี้ไปอีกสักพัก
ตอนที่ 259 – เรื่องยุ่ง