หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 276
ตอนที่ 276 – ป่ามด
ฉินซีคุ้นเคยกับพื้นที่ ไม่ถึงครึ่งวันก็มาถึงที่หมาย
“ที่นี่ก็คือสันเขาอู้เสีย พวกเรารอกันหน่อย”
โม่เทียนเกอกวาดมองทิวทัศน์เบื้องหน้า รอบบริเวณล้วนเป็นก้อนหินใหญ่ ๆ เล็ก ๆ แทบจะไม่มีหญ้าขึ้น แต่ทางตะวันตกมีป่าใบไม้แดงหนาทึบหนึ่งหย่อมงอกขึ้นมา ดูจากที่ไกล ๆ คล้ายกับเป็นเมฆแดงตกลงมา มิน่าเล่าจึงเรียกว่าสันเขาอู้เสีย (เมฆแดงหมอบ)
ฉินซีหาที่แห่งหนึ่งนั่งลง มองดูกระบี่อัคนีสามพลังหยางบนตักเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
โม่เทียนเกอหาหินเรียบที่อยู่ไม่ไกลจากเขานั่งลง จ้องมองป่าใบไม้แดงนั้น ถามว่า “โส่วจิ้งซือเกอ ป่านั่นอันตรายหรือไม่”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมอง เอ่ยว่า “นี่เป็นแมลงบินได้ชนิดหนึ่งเรียกว่ามดใบไม้แดง พิษแรงไร้ที่เปรียบ อยู่รวมเป็นกลุ่มเหมือนกับเป็นต้นไม้ คนที่ไม่ทราบชัดง่ายมากที่จะตกเป็นเหยื่อ”
“…..ที่แท้เป็นเช่นนี้” เมื่อพูดเช่นนี้ ที่ในกลุ่มของพวกเขามีเฟิ่งเหนียงจื่อคิดว่าจะต้องเพื่อจัดการกับมดใบไม้แดงเหล่านี้เป็นแน่
เห็นฉินซีเก็บกระบี่อัคนีสามพลังหยางหลับตานั่งสมาธิ ท่าทางไม่คิดจะพูดคุยอีก โม่เทียนเกอก็นั่งขัดสมาธิปรับลมหายใจ เมื่อครู่สังหารอสูรลมกำเนิดเสร็จและเก็บซากศพแล้วก็ไปเลย เร่งเดินทางมาครึ่งวัน ไม่ได้ฟื้นฟูพลังวิญญาณ โม่เทียนเกอเหน็ดเหนื่อยแต่แรก เวลานี้พลังวิญญาณของนางก็หายไปเกินครึ่ง พอดีได้ฉวยเวลาตอนนี้ฟื้นฟูพลังวิญญาณ
การรอนี้รอไปอีกครึ่งวัน
โม่เทียนเกอเพิ่งจะฟื้นฟูพลังวิญญาณแล้วเสร็จ ในความเงียบงัน จู่ ๆ ฉินซีลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังเส้นทางขามา เอ่ยว่า “พวกเขามาแล้ว”
โม่เทียนเกอก็ลืมตา จ้องไปทางสถานที่ที่เขามอง สุดขอบเขตสายตาไม่มีร่างคน แต่ว่าสุดปลายของจิตหยั่งรู้ที่แผ่ขยายออกไปสัมผัสได้ถึงลมหายใจของผู้ฝึกตนคนอื่นแล้ว
เป็นไปตามคาด ผ่านไปไม่นานนัก ในที่ห่างไกลปรากฏจุดสีดำขึ้นมาหนึ่งกลุ่ม รีบบินมาทางพวกเขา
โม่เทียนเกอหัวคิ้วขยับ มองฉินซีแวบหนึ่งอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง นางยังคงดูเบาคนอื่นเกินไปแล้ว ก่อเกิดตานเต็มขั้นย่อมแข็งแกร่งกว่านางมากมาย ถึงแม้นางจะฝึกศาสตร์หลอมจิตวิญญาณก็เอื้อมไม่ถึง
หันหน้าไปมองเส้นทางขามากลับต้องตะลึง คนหลายคนนี้คล้ายกับว่าบนร่างมีอาการบาดเจ็บ ท่วงท่าที่บินไม่มั่นคงอยู่บ้าง ไม่นานนัก รอจนพวกเขาบินมาใกล้ บนร่างหลายคนนี้ล้วนมีรอยเลือดตามคาด
“สหายเต๋าโส่วจิ้ง สหายเต๋าชิงเวย” พรตเต๋าคูมู่ผู้ที่เร่งมาถึงสถานที่ที่พวกเขารอคอยในที่สุดผ่อนลมหายใจออกมา
ฉินซีขมวดคิ้ว “สหายเต๋าทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ผู้ที่ตอบคือถงเทียนอวิ้น เขาดูจะเคลื่อนไหวเป็นปกติ คงจะมีเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย “เฮ้อ! พวกเราเตรียมจะทำลายอาคมชิงสมบัติอยู่แล้ว ไม่นานก็มีผู้ฝึกตนมาอีกกลุ่ม ต่อสู้กับพวกเรา นี่ก็ไม่เป็นไร ความแข็งแกร่งของพวกเราชนะคนพวกนี้ เผอิญว่าตอนที่พวกเราต่อสู้จนบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายดันมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สองคนมา ดังนั้น…..”
ในเมื่อมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สอดมือ พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานย่อมต้องถอยไปอย่างเชื่อฟัง
โม่เทียนเกออดเหลือบมองฉินซีแวบหนึ่งไม่ได้ สรุปว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือว่าเขาสังเกตเห็นอะไรกันนะ
นอกจากถงเทียนอวิ้น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเบาที่สุดคือจิ่งสิงจื่อ อย่างไรเสียก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ วิชาต่อสู้เป็นจุดแข็ง เขากล่าวว่า “ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สองคนนั้นก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ในเรือลำนั้นซ่อนแมลงบินได้อันพิสดารเอาไว้หนึ่งฝูง พวกเราเพิ่งจะจากมาก็เห็นพวกเขากระตุ้นกำแพงอาคม ดึงดูดการโจมตีของแมลงบินได้ขึ้นมา ถึงจะหยิบอาวุธเวทได้ก็ต้องได้รับบาดเจ็บ”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว โม่เทียนเกอกับฉินซีสบตากัน ล้วนประหลาดใจอยู่บ้าง ที่แท้พลังวิญญาณหลายชิ้นส่วนที่นางสัมผัสได้ถึงกับเป็นแมลงบินได้หนึ่งฝูง
เฟิ่งเหนียงจื่อขณะนี้นั่งขัดสมาธิหลับตา นั่งสมาธิรักษาบาดเจ็บ ตาไม่ลืมขึ้น เพียงหัวเราะอย่างเย็นชาว่า “แมลงบินได้นั่นเป็นแมลงบินได้โบราณกาลอันมีพิษประหลาดชนิดหนึ่ง ในความเห็นข้า สองคนนั้นไม่เพียงได้รับบาดเจ็บ ยังจะบาดเจ็บสาหัสด้วย”
แมลงพิษมีหลากหลาย เฟิ่งเหนียงจื่อเชี่ยวชาญด้านพิษย่อมรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับแมลง
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว พรตเต๋าคูมู่เผยรอยยิ้มออกมา “เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็มีโชคในคราเคราะห์แล้ว”
“มิผิด ด้วยกำลังของพวกเรา จัดการแมลงบินได้มากขนาดนั้นเกรงว่าไม่สามารถถอยกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์”
นางพูดเช่นนี้ กลุ่มคนที่เดิมทีในใจมีความไม่สบายใจล้วนมีอารมณ์ปลอดโปร่งขึ้นมาบ้าง ทยอยนั่งลงรักษาบาดเจ็บ
โม่เทียนเกอมีความรู้สึกไม่สู้ดี วันแรกตอนเข้าภูเขามาร พวกเขาเหล่านี้แต่ละคนพลังวิญญาณล้นเหลือ แต่หลังจากหนึ่งวันกลับบาดเจ็บห้าคน ถงเทียนอวิ้นกับจิ่งสิงจื่อปล่อยไปได้ ดูแล้วเพียงบาดเจ็บเบา ๆ อาการบาดเจ็บของคนอื่นกลับเป็นสิ่งที่จะไม่หายดีไปอีกสักพัก
ความแข็งแกร่งของพวกเขาเสียหายไปแล้ว
มองฉินซี พบว่าเขาสงบนิ่งมาก นางกำลังสงสัยว่าเขามีความคิดอะไรก็ได้ยินเสียงลับของเขาว่า “เตรียมตัวให้ดี พวกเราจะแยกกับพวกเขาล่วงหน้าแล้ว”
โม่เทียนเกอตะลึงงัน แอบเหลือบมองเขา ตอบกลับไปเหมือนกันว่า “ซือเกอ ถึงในพวกเขามีคนได้รับบาดเจ็บก็ยังจะช่วยเหลือได้อยู่บ้างรึเปล่า”
ฉินซีกลับเอ่ยว่า “ไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาได้รับบาดเจ็บเลย ทว่าคนเหล่านี้จิตใจกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัดแล้ว สภาพจิตใจเช่นนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดเรื่อง”
“……” โม่เทียนเกอไม่พูดอะไรอีก นางรู้ว่าฉินซีพูดถูก พวกเขาห้าคนเข้ามาภูเขามารล้วนมีเป้าหมาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาวุธเวทนั้นกลับไม่ควบคุมตัวเอง
การรอคอยนี้ผ่านไปอีกครึ่งวัน คนแรกสุดที่รักษาบาดเจ็บเสร็จสิ้นคือพรตเต๋าคูมู่ จะอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นท้ายแล้ว รอจนเหลยตงชิงและเฟิ่งเหนียงจื่อล้วนหยุดปรับลมหายใจ แสดงออกมาว่าตนเองไม่เป็นไร คนทั้งกลุ่มจึงเดินทางต่อ
เป้าหมายของพวกเขาคือรังมดใบไม้แดงที่ดูเหมือนกับป่าไม่มีผิดนั้น
“พลังวิญญาณคุ้มครองกาย” ฉินซีหยุดอยู่ตรงหน้าป่าใบไม้แดง สั่งการเสียงค่อย
โม่เทียนเกอพยักหน้า หลังจากก่อเกิดตาน ศาสตร์หนึ่งปราณต้นกำเนิดของนางมีความสำเร็จขั้นเล็ก บวกกับความสามารถป้องกันของผ้าเช็ดหน้าไหมขาวยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก กับการคุ้มครองตัวเองนางยังมีความมั่นใจมาก
“เฟิ่งเหนียงจื่อ” พรตเต๋าคูมู่ถาม “อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นไรไหม”
ถึงสีหน้าของเฟิ่งเหนียงจื่อจะยังคงซีดขาวแต่กลับยืนยันว่า “ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่โตอะไร ก็แค่มดใบไม้แดง ยังสามารถจัดการได้”
โม่เทียนเกอดูออกว่าอาการบาดเจ็บของเฟิ่งเหนียงจื่อมิใช่ไม่เป็นปัญหาใหญ่แน่นอน ระดับการฝึกตนและวิชาเวทของนางล้วนแค่ธรรมดา ๆ แล้วก็ไม่เคยเห็นว่านางมีอาวุธเวทสุดยอดอะไร เกินครึ่งเป็นเพราะบนตัวมีวิชาพิสดารจึงเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ ตอนนี้ควรจะเป็นตานางลงมือ ถ้าหากนางไม่ไหวจะต้องสูญเสียสถานภาพเป็นแน่ ถึงเวลาไม่มีเพื่อนร่วมกลุ่มคุ้มครอง ก็ยากมากที่จะมีชีวิตรอดในภูเขามารนี้ ดังนั้น นางได้แต่ฝืนทน
คนอื่น ๆ จะไม่รู้เชียวหรือ แต่พวกเขาจะไม่พูดอะไรมาก ทุกคนล้วนเป็นผู้ถ่องแท้ เฟิ่งเหนียงจื่อเข้าใจเรื่องราวย่อมดีที่สุด
พรตเต๋าคูมู่พยักหน้า เอ่ยกับทุกคนว่า “เช่นนี้แล้ว พวกเราเข้าไปเถิด”
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ทั้งเจ็ดคนร่วมมือต่อสู้ โม่เทียนเกออารมณ์สงบนิ่ง นางอยากเห็นว่าคนอื่น ๆ มีความสามารถอะไร
เดินเข้าป่าใบไม้แดงทีละก้าว หากไม่ทราบว่าต้นไม้เหล่านี้แต่ละต้นเป็นการปลอมแปลงของมดใบไม้แดง โม่เทียนเกอเกรงว่าจะไม่ระวังป้องกันเลย มดใบไม้แดงเหล่านี้ปลอมได้สมจริงเกินไปแล้ว! จากลำต้นถึงกิ่งถึงใบ ไม่มีใดที่ไม่ปลอมจนสมบูรณ์แบบ มีเพียงการใช้จิตหยั่งรู้สำนวจโดยละเอียดจึงจะพบว่าบนต้นไม้เหล่านี้มีความเคลื่อนไหวของพลังวิญญาณเล็ก ๆ มากมายมหาศาล
คล้ายกับสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณของพวกเขา ใบไม้แดงพัดพริ้วลงมาบนศีรษะของพวกเขาในทันใด อยู่กลางอากาศแล้วจึงพากันแตกกระจายกลายเป็นมดบินสีแดง โถมเข้าใส่พวกเขา
ทั้งหกคนล้อมเฟิ่งเหนียงจื่อเอาไว้ตรงกลาง พลังวิญญาณของทุกคนคุ้มครองร่าง ปล่อยอาวุธเวทออกมา
โม่เทียนเกอหยิบขวดหยกออกมา ขวดนี้มีชื่อเรียกว่าขวดขับวารี มีธาตุน้ำ ใช้สะกดข่มมดใบไม้แดงธาตุไฟเหล่านี้ดีที่สุด แล้วก็ปล่อยเสี่ยวหั่วออกมา ในสถานการณ์ที่กำลังไม่ดี อสูรวิญญาณเป็นสหายที่ดีที่สุด
เมื่อเห็นเสี่ยวหั่ว พรตเต๋าคูมู่เหลือบมองคราหนึ่ง สีหน้ามีความประหลาดใจอยู่บ้าง อสูรวิญญาณขั้นห้าพบเห็นไม่มากเลย โดยเฉพาะเจ้าของยังเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นต้น อสูรวิญญาณน้อยนักจะมีโอสถให้กิน มักจะเลื่อนขั้นยากยิ่งกว่าผู้ฝึกตน โดยทั่วไปมีเพียงผู้ฝึกตนอย่างพวกเขาที่ติดอยู่ในระดับก่อเกิดตานไม่รู้ว่านานเท่าไรจึงจะมีอสูรวิญญาณเหนือว่าขั้นห้า
อย่างรวดเร็วมาก มดใบไม้แดงโถมมาถึงหน้า ไม่มีเวลาว่างห่วงสิ่งอื่น ทุกคนตั้งสมาธิกับศัตรู
ผ้าเช็ดหน้าไหมขาวโบกออกกลายเป็นสายหมอกปกคลุมทั่วร่างกาย โม่เทียนเกอยกมือ ขวดขับวารีลอยขึ้นกลางอากาศ สายน้ำเทลงมา
แมลงไม่ได้อยู่ในพวกอสูรวิญญาณ พวกมันไม่มีการแบ่งแยกเป็นขั้นหนึ่งขั้นสองอะไรเลย พลังวิญญาณของตัวเดียวก็อ่อนมาก ระดับความแข็งแกร่งของพวกมันตัดสินจากความแข็งแกร่งของร่างกายและความรุนแรงของพิษ ตัวอย่างเช่นมดใบไม้แดงเหล่านี้ พวกมันเก่งเรื่องการปลอมตัว เปลือกแข็ง พิษร้ายแรง หนึ่งตัวไม่มีความหมายอะไร แต่ว่ามากมายขนาดนี้ หากพลาดพลั้งจะสร้างปัญหาใหญ่มาก!
ดังนั้นพวกเขากลุ่มผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเผชิญหน้ากับมดใบไม้แดงที่ถึงพลังวิญญาณจะอ่อนแอแต่กลับมีพิษร้ายแรงไร้ที่เปรียบและมีเปลือกแข็งก็ไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่นิดเดียว
กระบี่อัคนีสามพลังหยางของฉินซีลอยขึ้นกลางอากาศ แผ่ขยายแสงสีแดงหย่อมหนึ่ง ที่ใดที่ไปถึง มดใบไม้แดงพากันล้มตายลง ทั้งหมดกลายมาเป็นเถ้าถ่านสีดำ
จิ่งสิงจื่อก็ไม่อ่อนแอ ถึงเขากับฉินซีจะใช้กระบี่เหมือนกัน วิชากลับไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง ตัวกระบี่สีขาวเงินดุจหิมะ ปราณกระบี่เย็นเยียบปล่อยออกมา เบื้องหน้าของเขาก่อตัวขึ้นเป็นม่านแสงสีขาวเงิน
เหลยตงชิงยังคงเป็นไหสุรานั้น ไหสุรานี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอาวุธเวทธาตุอะไร โม่เทียนเกอมองดูมันปล่อยเวทออกมาได้ทั้งห้าธาตุอย่างน่าอัศจรรย์! ตามตรรกะแล้ว ในร่างกายมีรากวิญญาณสายใดก็จะสามารถใช้วิชาเวทสายนั้นได้ เหลยตงชิงย่อมมิอาจเป็นรากวิญญาณห้าธาตุ จะต้องเป็นคุณลักษณะพิเศษของอาวุธเวทนี้เสียสิบส่วน
พรตเต๋าคูมู่และถงเทียนอวิ้นเป็นวิธีการอีกอย่างหนึ่ง ถงเทียนอวิ้นไร้อาวุธ ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ใช้คือวิชาเวทอะไร มดใบไม้แดงพวกนี้พอเข้ามาใกล้ก็จะหัวขาดไปเลย ส่วนพรตเต๋าคูมู่เพียงร่ายอาคม ปล่อยกระเรียนเซียนตัวนั้นที่ใช้ขี่ออกมาสู้ศัตรู
มดใบไม้แดงถึงจะอ่อนแอ แต่จำนวนมหาศาล พวกเขาผู้ฝึกตนก่อเกิดตานหกคนก็ไม่มีทางกวาดล้างได้หมดไปสักพักหนึ่ง ในทางกลับกันต้องคอยระมัดระวังใช้พลังวิญญาณคุ้มครองกาย เลี่ยงมิให้ไม่ทันระวังถูกกัดเข้าไปสักคำ พร้อมกับที่มดใบไม้แดงที่ทิ้งตัวลงมาจากบนฟ้ายิ่งมายิ่งมาก แรงกดดันก็ยิ่งมายิ่งใหญ่โต
ส่วนเฟิ่งเหนียงจื่อที่ถูกพวกเขาล้อมเอาไว้ตรงกลางกลับนั่งขัดสมาธิ หยิบเอาเตาอันเล็กออกมาอย่างระวัง จุดกำยานหนึ่งชิ้น ฝ่ามือทั้งคู่ควบรวมพลังวิญญาณ ฝ่ามือข้างหนึ่งกดลงเหนือเตากำยานนั้น
กลิ่นหอมที่ไม่เหมือนกล้วยไม้และไม่เหมือนกวางชะมดสายหนึ่งแพร่กระจายอย่างช้า ๆ โม่เทียนเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย กลิ่นหอมนี้…..แปลกประหลาดอยู่บ้างจริง ๆ คราแรกที่ได้กลิ่นเป็นกลิ่นที่ดีอย่างยิ่ง แต่พอสูดอีกกลับมีกลิ่นประหลาดที่ทำให้ครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นที่สุดออกมา
นางกลั้นลมหายใจเอาไว้ทันที จากนั้นเห็นว่ามดบินเต็มท้องฟ้าคล้ยกับเมาสุรา ความเร็วเชื่องช้าลง แล้วยังโอนซ้ายเอนขวา แทบจะตบทีเดียวก็ร่วงแล้ว
เมื่อทุกคนเห็นแล้วก็คึกคักขึ้นมา ใช้วิธีการของอาวุธเวทออกมาเต็มกำลัง เก็บกวาดมดบินเหล่านี้ไปได้อย่างรวดเร็ว
มีความช่วยเหลือของการเผากำยานอันเป็นเอกลักษณ์นี้ของเฟิ่งเหนียงจื่ออยู่ หนึ่งชั่วยามให้หลังในที่สุดก็จบการต่อสู้ลงไปได้ ป่าใบไม้แดงหย่อมนี้หายไปเกินครึ่ง มดใบไม้แดงที่เหลืออยู่แตกกระจาย ไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป เฟิ่งเหนียงจื่อก็เก็บเตากำยานกลับ เจ็ดคนร่วมรุกร่วมถอยฝ่าป่ามดใบไม้แดงไป
…………………………………..
ตอนที่ 277 – แสดงละคร