หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 332 – สมบัติ
ตอนที่ 332 – สมบัติ
ในสมองของโม่เทียนเกอปรากฏประโยคนั้นของหยวนเป่า “เหยาชิงกูเหนียงผู้ทรงเสน่ห์ไร้ที่เปรียบ” ดวงหน้าเช่นนี้เหมาะสมกับคำว่าทรงเสน่ห์ไร้ที่เปรียบสี่คำนี้จริง ๆ
ท่วงท่าของนางสง่างามมาก สีหน้าของนางไม่มีท่าทางชมดชม้อยแม้เศษเสี้ยว แต่กลับอดไม่ได้ที่ทำให้คนรู้สึกถึงเสน่ห์ที่เปล่งออกมาจากกระดูก
โม่เทียนเกออดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า หากนางมีชีวิตจะงดงามเลิศล้ำถึงเพียงไหน เกรงว่าเพียงยิ้มเดียวก็จะสั่งให้บุรุษใต้หล้าสยบลงแทบเท้าแล้ว จงมู่หลิงได้กำไรครั้งใหญ่จริง ๆ มิน่าเล่าถูกวางแผนใส่อย่างนั้นแล้วยังไม่โกรธ
โม่เทียนเกอคิดแล้วปัดชุดคุกเข่า “บรรพบุรุษเบื้องบน ทายาทโม่เทียนเกอ ยามเยาว์บรรพบุรุษชี้แนะ ถ่ายทอดศาสตร์แห่งซู่หนี่ว์ ก้าวบนเส้นทางเซียน วันนี้ฝึกเซียนจนมีความสำเร็จเล็กน้อย ตามร่องรอยของบรรพบุรุษมา คิดไม่ถึงว่าจะได้พบซากสังขารของบรรพบุรุษ หากมีที่ใดล่วงเกินยังต้องขออภัยด้วย” จากนั้นโขกศีรษะคารวะสามครั้งอย่างนอบน้อมแล้วจึงลุกขึ้น
สาเหตุที่ศพโม่เหยาชิงผ่านไปห้าพันปียังไม่เน่าคาดว่าบนร่างมีสมบัติอะไร โม่เทียนเกอย่อมไม่เอาไป ไม่ต้องพูดถึงว่าทำอย่างนั้นจะไม่เคารพบรรพบุรุษท่านนี้เกินไป ตัวนางเองก็ไม่เต็มใจจะทำลายร่างที่งดงามเช่นนี้ด้วย
หลังจากขออภัยแล้ว โม่เทียนเกอเงยหน้ามองรอบทิศ เสาะหาสิ่งของที่ตนเองต้องการจากรอบด้าน
บนพื้นกองเต็มไปด้วยวัสดุ แต่พวกนี้ไม่ใช่เป้าหมายของนาง ในด้านฐานะ ถึงนางจะเทียบผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่อย่างโม่เหยาชิงไม่ได้ แต่ก็มีสมบัติมากมาย เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของนางก็คือประสบการณ์ฝึกตนที่โม่เหยาชิงเหลือทิ้งเอาไว้
เสาะหาในกองข้าวของพักหนึ่ง หนังสือแผ่นหยกที่โยนทิ้งส่ง ๆ พวกนี้ล้วนไม่ใช่ แต่ว่าในนี้ก็มีตำราลับวิชาเวทที่ล้ำค่ายิ่งจำนวนหนึ่ง โม่เทียนเกอหยิบพวกนี้ทั้งหมด วางไว้ด้านข้าง เตรียมที่จะคัดลอกเอาไป
เสาะหาพักหนึ่ง หาสิ่งของที่อยากได้ไม่เจอตั้งแต่ต้นจนจบ โม่เทียนเกอกังขาไม่รู้แล้ว โม่เหยาชิงบันทึกบนแผ่นหยกไว้ชัดเจนมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มี หันกลับไปคิดอีกที สิ่งที่กองบนพื้นล้วนเป็นวัสดุต่าง ๆ นานา ไม่มีพวกอาวุธเวท เป็นไปได้ไหมว่าจะวางไว้ในสถานที่อื่น
ห้องฝึกตนแคบเล็กนี้เสาะหามาพักใหญ่แล้ว เทียบกับแผ่นหยกของโม่เหยาชิงอีกครั้ง ยืนยันว่าที่นี่ไม่มีสิ่งของประเภทห้องเก็บสมบัติเลย ในสมองโม่เทียนเกอปรากฏแสงวูบขึ้นมา ทอดสายตาลงบนร่างของโม่เหยาชิง
ที่อื่นนางล้วนพลิกหาแล้ว เหลือเพียงที่นี่—
“บรรพบุรุษโปรดอภัย ทายาทขอล่วงเกินแล้ว” โม่เทียนเกอคารวะอีกครั้ง มือเอื้อมไปคลำเบาะนั่งที่โม่เหยาชิงนั่ง ตามคาด ดึงกระเป๋าเอกภพหนึ่งใบมาจากข้างใต้
นางยินดีอยู่ในใจ หยิบกระเป๋าเอกภพมา ล้วงมือเข้าไป ตะตะลึงครั้งใหญ่อีกรอบ
ในนี้มีอาวุธเวทมากเกินไปแล้ว!
แค่มองดูวัสดุที่กองอยู่ในห้องฝึกตนฐานะของโม่เหยาชิงก็เหนือสามัญเแล้ว แต่เทียบกับสิ่งของในกระเป๋าเอกภพมันไม่นับว่าเป็นอะไรเลย!
โม่เทียนเกอหยิบอาวุธเวทพวกนี้ออกมา วางลงบนพื้นทีละอัน ถึงกับมีมากยี่สิบสามสิบชิ้น
อีกทั้งอาวุธเวทพวกนี้ล้วนเป็นอาวุธเวทขั้นสูง ด้วยความสำเร็จในการหลอมอุปกรณ์ของโม่เหยาชิง สิ่งที่สามารถถูกนางเก็บไว้ในกระเป๋าเอกภพถึงสถานที่นั่งละสังขาร แน่นอนว่าจะไม่ใช่ของสามัญ
โม่เทียนเกอมีความรู้สึกแบบหยิบจับวางไม่ลงชนิดหนึ่ง ซือฟุของนางประมุขเต๋าจิ้งเหอใจกว้างต่อนางมาก คุณภาพของอาวุธเวทที่ประทานให้นางก็ล้วนเป็นของที่ดียิ่ง แต่เทียบกับพวกนี้ของโม่เหยาชิงก็ไม่มีค่าให้มองแล้ว ไม่ใช่ว่าฐานะของประมุขเต๋าจิ้งเหอเทียบโม่เหยาชิงไม่ได้ ทว่าสิ่งที่ประมุขเต๋าจิ้งเหอให้นางเป็นอาวุธเวทที่ประทานให้ชนรุ่นหลัง ทว่าพวกนี้ของโม่เหยาชิงกลับเป็นทรัพย์สมบัติก้นหีบของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ผู้หนึ่ง สองอย่างนี้เดิมก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้อยู่แล้ว
นางคิดอยู่พักใหญ่ ยังไม่รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร เลยวางมันไว้ข้าง ๆ ไปก่อน หาในกระเป๋าเอกภพต่อไป การหานี้หาเจอแผ่นหยกมากมาย นางสอดแทรกจิตหยั่งรู้เข้าไปทีละอัน ดีใจจนแทบคลั่ง
ในที่สุดก็หาเจอแล้ว! ในแผ่นหยกพวกนี้มีประสบการณ์การฝึกตนของโม่เทียนเกอหนึ่งอัน บันทึกประสบการณ์ชีวิตหนึ่งอัน ยังมีหนึ่งอันกลับเป็นสิ่งที่มอบให้ชนรุ่นหลังที่หาสถานที่นี้พบ
“ผู้ฝึกตนที่มาถึงที่นี่ ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นลูกหลานสกุลโม่ของข้าหรือว่าศิษย์สภาปี้เซวียน หากมิใช่ทั้งสองอย่าง การที่สามารถหาที่นี่พบ ทำลายม่านพลังสัตตสัมบูรณ์ของข้า ก็นับว่ามีชะตาต้องกัน ทรัพย์สมบัติในถ้ำพำนักนี้ เจ้าสามารถหยิบไปหนึ่งในห้า อาวุธเวทในกระเป๋าเอกภพสามารถเลือกหยิบห้าชิ้น จงจำไว้ อย่าได้ละโมบโลภมาก มิเช่นนั้น กำแพงอาคมในถ้ำพำนักจะเริ่มเคลื่อนไหวในพริบตา สังหารเจ้า!”
อ่านข้อความนี้แล้ว โม่เทียนเกอเหงื่อเย็นเยียบแตกพลั่กทันที ด้วยทักษะม่านพลังของโม่เหยาชิง นางเชื่อว่าคำพูดนี้ไม่ได้เป็นคำพูดปากเปล่าเลย กำแพงอาคมของถ้ำพำนักนี้ซ่อนหุบเขาแห่งนี้ได้อย่างสิ้นเชิง หากเพียงบินผ่านกลางอากาศก็จะมองร่องรอยไม่ออกสักนิด รู้ได้ว่ากำแพงอาคมนี้น่าทึ่งเพียงใด
ยังดีที่นางไม่ได้ละโมบเลย ถ้าหากเริ่มแรกที่เข้าถ้ำพำนักก็กวาดวัสดุพวกนี้เข้ากระเป๋าเอกภพอย่างรอไม่ไหว เกรงว่ากำแพงอาคมจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว หรือว่าเมื่อครู่พอเห็นอาวุธเวทพวกนี้ก็คว้าไปหมด เช่นนั้นตอนนี้นางก็เป็นศพไปแล้ว
นางสงบจิตใจแล้วอ่านต่อไป ด้านล่างกลับเป็นการแนะนำอาวุธเวทพวกนี้ นางอ่านอย่างละเอียด เทียบกับของจริง ค่อย ๆ เลือก
อาวุธเวทชิ้นแรกที่นางเลือกชื่อว่ามุกดึงวิญญาณ มุกไม่อาจใช้เพื่อต่อสู้ได้ตรง ๆ ยามปกติสามารถสะสมพลังวิญญาณ ตอนต่อสู้ใช้เหมือนกับศิลาวิญญาณ แต่พลังวิญญาณที่มุกนี้สามารถกักเก็บเทียบกับศิลาวิญญาณแล้วมากกว่ามาก เพราะว่าบทบาทพิเศษของศาสตร์แห่งต้นกำเนิด การเผาผลาญพลังวิญญาณตอนโม่เทียนเกอต่อสู้เทียบกับผู้ฝึกตนทั่วไปแล้วน้อยกว่า แต่หากมีมุกดึงวิญญาณ ภายหลังต่อสู้นางสามารถจะไม่ต้องห่วงปัญหาเรื่องการประหยัดพลังวิญญาณแล้ว
ชิ้นที่สองชื่อว่าผังปากั้วไท่จี๋ บนผังนี้วาดปากั้วไท่จี๋ ตอนใช้งานประโยชน์ครอบคลุม มีประสิทธิภาพในการจัดระเบียบพลังวิญญาณทำให้อินหยางเสถียรโดยอัตโนมัติ ประโยชน์แทบจะเหมือนกับจานกำหนดดาราที่หลอมสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ แต่ประสิทธิภาพไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่ากี่เท่า มีวัตถุสิ่งนี้ การทำลายม่านพลังสัตตสัมบูรณ์จะเรียบง่ายมาก อีกทั้งยังไม่ต้องสูญเสียพลังวิญญาณมากขนาดนี้
ชิ้นที่สาม ร่มปทุมา ร่มนี้งดงามถึงสิบส่วน ด้านบนวาดดอกบัวตูมสีชมพูมากมาย เห็นได้ว่าโม่เหยาชิงก็เป็นสตรีรักสวยรักงาม โม่เหยาชิงบอกว่ายกร่มนี้ขึ้น วัตถุพิษปราณมารรอบกายไม่แทรกซึม อีกทั้งจะดำเนินการโจมตีศัตรูอัตโนมัติ เป็นอาวุธเวทที่ดีที่สุดตอนสู้กับวัตถุมาร
ชิ้นที่สี่นามว่า หรูอี้สรวงวิญญาณ วัตถุนี้เป็นอาวุธเวทโจมตี หลายชิ้นที่โม่เทียนเกอเลือกก่อนหน้านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ใช้สนับสนุนตอนต่อสู้ ส่วนพัดแห่งสวรรค์และโลกาก็เป็นป้องกันมากกว่าโจมตี ดังนั้นขณะนี้เลือกอาวุธเวทโจมตีหนึ่งชิ้น อาวุธเวทนี้กักเก็บพลังวิญญาณอันน่าทึ่ง พอโยนออกไปสามารถก่อให้พลังวิญญาณรอบบริเวณระเบิดครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบต่อศัตรูมากนัก
ชิ้นสุดท้าย นางคิดอยู่นาน สิ่งที่ตกลงใจคืออาวุธเวทเคลื่อนย้ายพริบตาชิ้นหนึ่ง ไม้บรรทัดย่อพสุธา ปีนั้นหนีออกจากเขาอวิ๋นอู้ ฉินซีเคยมอบไม้หลบลี้หนีหล้าอุปกรณ์เวทที่ฉกมาจากสำนักอวิ๋นอู้ให้นาง ตอนอยู่ระดับสร้างฐานพลัง อุปกรณ์เวทนี้เป็นสิ่งของที่ดีในการหนีเอาชีวิตรอด แต่หลังจากก่อเกิดตาน ในการต่อสู้ระหว่างคน จิตหยั่งรู้ของศัตรูหรือว่าความเร็วล้วนแกร่งกว่าระดับสร้างฐานพลังไม่รู้กี่เท่า อุปกรณ์เวทนี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้ได้รับไม้บรรทัดย่อพสุธาชิ้นนี้ไม่เพียงสามารถเคลื่อนย้ายในพริบตา ยังสามารถเพิ่มความเร็ว ประสานกับการใช้รองเท้าย่ำเมฆาของนาง เป็นอุปกรณ์หนีเอาชีวิตรอด
นางไม่ได้วางความหวังไว้ที่โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนทั้งหมดแล้ว ประสบการณ์ช่วงเริ่นอวี่เฟิงทำให้นางรู้ว่าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนของนางก็จะล้มเหลวเป็นครั้งคราว อีกอย่าง อยากจะเข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนต้องการเวลาหลายอึดใจ ในการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนระดับสูง หลายอึดใจมักจะสามารถตัดสินความเป็นความตายได้เลย!
อาวุธเวทเลือกเสร็จ โม่เทียนเกอคัดลอกตำราแผ่นหยกของโม่เหยาชิงทั้งหมดไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ก็ตามแล้วเก็บเข้ากระเป๋าเอกภพ – บอกว่าไม่สามารถหยิบไปหนึ่งในห้าส่วน นางเพียงคัดลอกหนึ่งชุด ไม่ได้เอาต้นฉบับไปเลย ไม่นับว่าเกินไปหรอกกระมัง?
ส่วนวัสดุที่กองอยู่เต็ม นางคัดเลือกสิ่งหายากพบเห็นได้น้อยจำนวนหนึ่ง โชคดีที่วัสดุบนตัวนางก็ไม่น้อย ไม่จำเป็นต้องพะวักพะวงเกินไป
เก็บของเสร็จแล้วโม่เทียนเกอเอาอาวุธเวทที่เหลือและแผ่นหยกเก็บเข้ากระเป๋าเอกภพของโม่เหยาชิงเหมือนเดิม สอดเข้าไปใต้เบาะรองนั่ง ฟื้นคืนอยู่สภาพเดิม อย่างนี้ถ้าภายหลังศิษย์ของสภาปี้เซวียนเสาะหามาถึงก็จะได้รับบทสดสอบเดียวกัน
ทำทุกสิ่งนี้เสร็จแล้ว โม่เทียนเกอคุกเข่าให้ศพของโม่เหยาชิงอีกครั้ง “ทายาทโม่เทียนเกอ สำหรับของขวัญของบรรพบุรุษรู้สึกซาบซึ้งเหลือเกิน ขอคารวะขอบคุณ ณ ที่นี้”
หลังจากโขกศีรษะคารวะ นางล่าถอยออกจากห้องฝึกตนของโม่เหยาชิงอย่างระมัดระวัง เพิ่งจะถอยออกมากลับเห็นว่าเพียงพริบตา ประตูถ้ำของห้องฝึกตนจู่ ๆ ก็ปรากฏกำแพงอาคมหนึ่งอันผนึกมันไป
โม่เทียนเกอตะลึง จากนั้นคิดได้ทันทีว่าจะต้องเป็นม่านพลังสัตตสัมบูรณ์ภายนอกถูกทำลาย กำแพงอาคมของห้องฝึกตนก็เลยสลายตัวไปชั่วคราว พอนางถอยออกจากห้องฝึกตน กำแพงอาคมนี้ก็ฟื้นฟูขึ้นมาอัตโนมัติ
ในใจนางทั้งทึ่งทั้งเสียดาย ที่ทึ่งคือ นางมีความเข้าใจในเต๋าแห่งม่านพลังมากยิ่งนัก รู้ว่าการตั้งม่านพลังอันทรงพลังไม่ยาก แต่หลังจากถูกทำลายแล้วยังสามารถฟื้นฟูขึ้นมาอัตโนมัติกลับเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก เมื่อเป็นดังนี้ การทำลายม่านพลังที่เรียกกันก็เป็นเพียงบททดสอบที่มอบให้ชนรุ่นหลัง ทักษะม่านพลังของโม่เหยาชิงถึงกับเหนือล้ำกว่านางมากมาย โชคดีที่แผ่นหยกตำราพวกนั้นของโม่เหยาชิงนางได้คัดลอกไปหมดแล้ว ค่อย ๆ ศึกษาน่าจะสามารถเรียนศาสตร์ลับม่านพลังของนางได้
ที่เสียดายคือนางไม่ได้เตรียมที่จะออกจากเกาะกลับไปทันที สาเหตุที่ล่าถอยออกจากห้องฝึกตนเพียงเพราะรู้สึกว่าร่างของโม่เหยาชิงนั่งอยู่ข้างใน นางศึกษาอยู่ข้างในเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่เคารพอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าการล่าถอยนี้จะเป็นการยอมรับว่านางเลือกเสร็จแล้ว กำแพงอาคมฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ หากนางคิดจะเข้าไปใหม่ก็ต้องทำลายม่านพลังอีกครั้ง
แต่หากทำลายม่านพลังอีก ถึงนางตอนนี้มีผังปากั้วไท่จี๋แล้วก็จำเป็นต้องสูญเสียเรี่ยวแรงมากมาย เป้าหมายหลักของนางสำเร็จแล้ว แล้วก็ไม่มีสิ่งของอะไรที่จำเป็นต้องหยิบ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงนี้
โม่เทียนเกอหันหน้าหากำแพงอาคมของปากถ้ำห้องฝึกตน ถอนหายใจ ตัดสินใจว่าจะช่างมัน ถึงจะมีอะไรที่เลือกไม่เสร็จก็เป็นเพียงวัสดุบางส่วน สิ่งนี้นางไม่ได้ต้องการอย่างเร่งด่วน
คิดอย่างนี้แล้ว นางนั่งขัดสมาธิในหุบเขานอกห้องฝึกตน เริ่มศึกษาแผ่นหยกที่เพิ่งได้รับ สิ่งที่นางหยิบมาเป็นอันดับแรกคือบันทึกชีวิตของโม่เหยาชิง สอดแทรกจิตหยั่งรู้ ในสมองปรากฏข้อมูลเหล่านี้
“ข้านามโม่เหยาชิง ผู้ฝึกตนอวิ๋นจง เนื่องจากครอบครองร่างอินบริสุทธิ์ รากวิญญาณคู่ ยามเยาว์เข้าสำนักตานเสียแห่งมรรคาธรรมะ กราบเข้าสังกัดอาจารย์เต๋าชีเสีย……” จากนั้นบันทึกประสบการณ์ส่วนหนึ่งในสำนักของนางโดยละเอียด
โม่เทียนเกอยิ่งอ่านยิ่งประหลาดใจ ตามที่โม่เหยาชิงพูด อวิ๋นจงกับเทียนจี๋ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง โลกฝึกเซียนของเทียนจี๋ นอกจากผู้ฝึกเต๋า มีเพียงผู้ฝึกตนสายขงจื๊อจำนวนน้อย มรรคามารหลังจากสงครามธรรมะมารได้ถูกสะกดอยู่ตรงพื้นที่เล็ก ๆ ทางเหนือของมารสวรรค์ การบำเพ็ญปีศาจยิ่งเป็นเพียงกิจกรรมที่ป่าทิศใต้ของคุนอู๋ แต่ที่อวิ๋นจง ผู้ฝึกตนสายเต๋า, มาร, พุทธ, ขงจื๊อ, ปีศาจ ฯลฯ ล้วนคลุกคลีอยู่ร่วมกัน ถึงแม้ว่าผู้ฝึกเต๋าครอบครองความได้เปรียบโดยสิ้นเชิงเหมือนกัน แต่มรรคาต่าง ๆ นานามีข้อขัดแย้งกันเป็นครั้งคราว โดยทั่วไปแล้วล้วนใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติ
อวิ๋นจงใหญ่มาก อีกทั้งเส้นเลือดวิญญาณมากหลาย ไม่เหมือนกับเทียนจี๋ที่แทบจะอยู่ที่คุนอู๋หมด ดังนั้นผู้ฝึกตนของพวกเขาก็มากกว่าเทียนจี๋มาก……
………………………………..
ในแผ่นหยกที่โม่เทียนเกออ่าน คำว่าข้ากับเจ้าที่โม่เหยาชิงใช้เป็นคำแบบโบราณ โชคร้ายที่ในการแปลปกติภาษาไทยเราก็ใช้ศัพท์โบราณอย่างข้ากับเจ้าอยู่แล้ว พอเจอคำโบราณจริง ๆ ก็เลยไม่รู้จะแปลยังไงให้มันโบราณไปกว่านี้ได้อีก…….
ตอนที่ 333 – โม่เหยาชิง