หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 350 – อธิบายความเข้าใจผิด
ตอนที่ 350 – อธิบายความเข้าใจผิด
บนใบหน้าฉื่อสู้ฟูเหรินปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เอ่ยว่าจริงใจว่า “สหายเต๋าสามารถชิงเวยเข้าใจได้ เชี่ยเซินช่างรู้สึกเป็นเกียรติสุดประมาณ ศิษย์พวกนั้นของสำนักข้าเมื่อครู่นี้จัดการเรื่องราวไม่เป็น ล่วงเกินสหายเต๋า เชี่ยเซินขออภัยมาแทนพวกเขาด้วย”
กล่าวเยี่ยงนี้แล้ว ฉื่อสู้ฟูเหรินลุกขึ้น ย่อกายคารวะอย่างรอบคอบ
โม่เทียนเกอเห็นดังนี้ บนใบหน้าเผยรอยยิ้มบาง ๆ ยกมือพยุงหลอก ๆ “สหายเต๋าเกรงใจไปแล้ว เป็นแค่ความวู่วามของผู้เยาว์เท่านั้น ไม่ต้องเป็นเช่นนี้หรอก”
ทั้งสองยิ้มให้แก่กัน ล้วนพึงพอใจต่อความรู้ความของอีกฝ่ายมาก
สำนักเทียนเหยี่ยนเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดของเกาะเป่ยจี๋ โม่เทียนเกอย่อมไม่คิดจะตอแยพวกเขา ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงเจตนาดี นางเองก็เดินลงบันไดไปตามน้ำ
ส่วนฉื่อสู้ฟูเหรินนั้นคิดว่า ผู้ฝึกตนสตรีนี้อายุไม่มากระดับการฝึกตนสูงส่งลึกล้ำ มีความเป็นไปได้มากว่าเป็นศิษย์สำนักใหญ่ ยังคงดึงเข้าเป็นพวกดีกว่า คนที่ฝึกตนถึงก่อเกิดตานไม่พูดถึงสติปัญญาล้ำเลิศ อย่างน้อยก็มีความชาญฉลาดอยู่หลายส่วน ไม่มีใครคิดจะผูกความแค้นโดยไร้เหตุผล
ทั้งสองคนต่างรู้ใจกัน นั่งกลับลงไปดื่มชา
โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ เอ่ยปากว่า “เรื่องราวนี้ อันที่จริงจ้ายเซี่ยก็มึงงงเหมือนอยู่ในหมอกหนาทึบ วันนี้ข้าไปที่ตลาดแกนปีศาจจริง ๆ แล้วก็เข้าหออวี้หลินของพวกท่านสำนักเทียนเหยี่ยนด้วย แต่ว่าเพียงดูอยู่ครู่เดียวก็จากไป เรื่องนี้สาวใช้ที่ด้านนอกสามารถเป็นพยาน ข้าแรกมาเยือนเกาะเป่ยจี๋ อยากจะไปที่ท่าเรือดูว่าผู้ฝึกตนทางนี้ล่าอสูรกันอย่างไร ใครจะรู้ว่าเพิ่งบินไปได้ครึ่งทางก็ถูกผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังของสำนักท่านขวางเอาไว้ เอ่ยถึงด้านเวลา ข้ากับสาวใช้แยกจากนั้นไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา* ไม่ได้มีเวลาจะไปขโมยสินค้าของสำนักท่านเลย จุดนี้สหายเต๋าฉื่อสู้สามารถไปตรวจสอบด้วยตนเอง”
ฉื่อสู้ฟูเหรินฟังพลางผงกศีรษะพลาง รอจนนางพูดจบก็ยิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อสหายเต๋าชิงเวยพูดอย่างชัดเจนแล้ว เชี่ยเซินย่อมจะเชื่อ เป็นเด็กพวกนั้นของสำนักข้าที่จัดการเรื่องราวไม่เป็น รบกวนสหายเต๋า ขออภัยจริง ๆ”
โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ สำนักเทียนเหยี่ยนเร็วขนาดนี้ก็สืบมาถึงที่นี่แล้ว อย่างนั้นตำแหน่งแห่งหนของนางก็น่าจะสืบชัดมาแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าถึงอย่างไรนางเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนหนึ่ง จะต้องให้ผู้ฝึกตนระดับเดียวกันมาเข้าพบจึงจะสามารถตัดความระแวงไปได้จนหมดสิ้น ในเมื่อฉื่อสู้ฟูเหรินผู้นี้ฟังนางพูดแล้วเชื่อ เช่นนั้นเรื่องนี้นับว่ายุติลงแล้ว
“ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด พูดแล้วก็แล้วไป สหายเต๋าฉื่อสู้ไม่ต้องใส่ใจ” โม่เทียนเกอหยุดชั่วครู่ จงใจเอ่ยปากถามว่า “สหายเต๋าฉื่อสู้ ตามหลักเหตุผล เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความลับของสำนัก จ้ายเซี่ยเป็นคนนอก ไม่ควรจะถามมาก แต่ว่า ในเมื่อเรื่องราวเข้ามาเกี่ยวพันถึงตัวข้า จึงคิดจะถามสักคำ หัวขโมยกระจอกนั่นคล้ายคลึงกับข้าที่ใด จึงทำให้ศิษย์สำนักท่านเข้าใจผิดว่าข้าเป็นหัวขโมย ไม่ทราบว่าสหายเต๋าจะแจ้งให้ทราบได้หรือไม่”
ฉื่อสู้ฟูเหรินใคร่ครวญชั่วขณะแล้วเอ่ยว่า “สหายเต๋าชิงเวย เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเรื่องราวภายในของสำนักข้า โปรดอภัยที่ข้าไม่อาจบ่งบอกโดยละเอียด แต่ว่า คำถามข้อนี้ของสหายเต๋า เชี่ยเซินสามารถตอบได้บ้าง จากวาจาของศิษย์สำนักข้า หัวขโมยนั้นเป็นผู้ฝึกตนสตรีสร้างฐานพลังคนหนึ่ง ไม่ว่าเป็นเป็นรูปร่างหรือว่าระดับการฝึกตนล้วนตรงกันกับสหายเต๋า สิ่งสำคัญที่สุดคือ สำเนียงของสหายเต๋ากับคนคนนั้นเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ถึงจะไม่ใช่คนคนเดียวกันก็น่าจะเป็นคนบ้านเดียวกัน”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” โม่เทียนเกอใบหน้าไร้ความปั่นป่วน พยักหน้าเบา ๆ
ฉื่อสู้ฟูเหรินเห็นนางสีหน้าไร้ความผิดปกติ คาดคะเนชั่วครู่ สุดท้ายลุกขึ้น ยิ้มเอ่ยว่า “สหายเต๋าชิงเวย ที่สำนักยังมีธุระจิปาถะมากมาย ในเมื่อความเข้าใจผิดแก้ไขแล้ว เชี่ยเซินก็ควรจะอำลาแล้ว ถือวิสาสะมารบกวน ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง รอจนเรื่องราวลุล่วงแล้ว หากสหายเต๋าชิงเวยยังอยู่ที่เกาะเป่ยจี๋จะเชิญสหายเต๋ามาปราศรัยกันอีกครั้ง”
“สหายเต๋าฉื่อสู้เกรงใจนัก” โม่เทียนเกอลุกขึ้นตาม “ในเมื่อสหายเต๋ามีธุระ จ้ายเซี่ยก็จะไม่พูดมากแล้ว หวังว่าภายหลังยังมีโอกาสพบกันใหม่”
ฉื่อสู้ฟูเหรินยิ้มบาง ๆ ย่อกายคารวะ “หวังว่าเป็นเช่นนั้น”
ส่งฉื่อสู้ฟูเหรินไปแล้ว โม่เทียนเกอกลับห้องโถงเล็ก สีหน้าบึ้งลงทันที
นางเห็นแผ่นหลังที่คล้ายเนี่ยอู๋ชางที่หออวี้หลิน ดูเหมือนเป็นระดับการฝึกตนสร้างฐานพลัง หออวี้หลินก็โดนขโมยไปในเวลานั้น หัวขโมยกับนางระดับการฝึกตนรูปร่างคล้ายคลึง ศิษย์สำนักเทียนเหยี่ยนระบุว่านางกับคนคนนั้นสำเนียงก็คล้ายคลึง
ทั่วทั้งเกาะเป่ยจี๋หรือแม้แต่อวิ๋นจง นอกจากคนที่มาจากเทียนจี๋เหมือนกัน ใครจะมีสำเนียงคล้ายกับนางอีกเล่า ความบังเอิญมากขนาดนี้มาประสานกัน คำตอบจวนจะเฉลยออกมาแล้ว
เนี่ยอู๋ชาง นางไม่ได้ดูผิด คนคนนั้นเป็นเนี่ยอู๋ชางจริง ๆ!
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะนำไปสู่การคาดเดาอันเป็นภัยถึงชีวิตอีกประการ เนี่ยอู๋ชางมาคนเดียว หรือว่าติดตามซงเฟิงซ่างเหรินมาด้วยกัน
คิดถึงความเป็นไปได้นี้ โม่เทียนเกอสีหน้าขาวซีด
การท่องอวิ๋นจงคนเดียว นางไม่ได้เกรงกลัวเลย ถึงอย่างไรปัจจุบันนี้นางก็เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง สามารถเผชิญอุปสรรคด้วยตัวคนเดียวแล้ว แต่หากพบกับซงเฟิงซ่างเหรินที่นี่จริง ๆ นั่นเป็นภัยพิบัติแห่งสุดยอดภัยพิบัติแล้ว!
นางมีชีวิตมาหนึ่งร้อยกว่าปี เคยเห็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ไม่น้อย มีซงเฟิงซ่างเหรินผู้นี้คนเดียวที่ทำให้นางรู้สึกถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ เพราะว่าคนคนนี้ นางเกือบจะประสบกับเรื่องราวที่น่ากลัวที่สุดสำหรับสตรี นี่ทำให้นางตระหนักว่า ความแข็งแกร่งของตนเองยังห่างไกลจากคำว่าเพียงพอ มีเพียงยืนอยู่บนจุดสูงสุดของผู้ฝึกตนจึงจะสามารถรับประกันได้ว่าตนเองจะไม่ได้รับอันตราย!
หากมีโอกาส นางแค้นที่ไม่อาจบดกระดูกคนคนนี้เป็นผุยผง! แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของนางไม่พอ หากถูกซงเฟิงซ่างเหรินเจอตัวเข้าอีก เกรงแต่ว่าจะไม่ได้โชคดีขนาดนั้นแล้ว
“ท่านเซียนเจ้าคะ”
ข้างหูมีเสียงอันสั่นเทาของอาอิ๋นดังมา โม่เทียนเกอได้สติ เก็บสีหน้ามืดครึ้มกลับ ถามอย่างชืดชาว่า “ทำไมหรือ”
อาอิ๋นลังเลครึ่งค่อนวันแล้วจึงถามอย่างระมัดระวังว่า “ท่านเซียนไม่เคยตอแยสำนักเทียนเหยี่ยนนะเจ้าคะ”
โม่เทียนเกอขมวดคิ้ว “เป็นผู้ดูแลร้านของพวกเจ้าให้มาถามหรือ”
อาอิ๋นส่ายหน้า “ข้าน้อยเพียงอยากจะเตือนท่านเซียนสักคำเจ้าค่ะ สำนักเทียนเหยี่ยนมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สองท่าน ที่เกาะเป่ยจี๋เป็นสำนักอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขา หากท่านเซียนมีความขัดแย้งอะไร สามารถอดทนเอาไว้จะดีที่สุดเจ้าค่ะ”
เห็นแววตาที่ห่วงกังวลของนาง โม่เทียนเกอรู้สึกอบอุ่นในใจ เผยรอยยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ไม่มีอะไร ข้ากับพวกเขาไม่ได้มีความขัดแย้งเลย”
อาอิ๋นถอนหายใจโล่งอก ลูบหน้าอก “ดีแล้วเจ้าค่ะ ท่านเซียนเป็นมิตรกับผู้คน ข้าน้อยหวังว่าท่านเซียนจะไม่พบความสูญเสียที่นี่”
ฟังคำพูดนี้แล้ว โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ “ขอบคุณเจ้ามาก”
ไม่นาน ผู้ดูแลต่งของโรงเตี๊ยมคนนั้นก็รีบรุดมาหา ขออภัยโม่เทียนเกออย่างนอบน้อม ที่แท้ ฉื่อสู้ฟูเหรินมาถึงประตู เขาก็รู้แล้วว่าโม่เทียนเกอเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน รู้สึกว่าต้อนรับไม่ดี ไม่สมกับฐานะผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ตั้งใจเร่งมาถามว่าโม่เทียนเกอมีความต้องการอะไร
โม่เทียนเกอเดิมทีจงใจกดระดับการฝึกตน ย่อมไม่มีความคิดเห็นเป็นอื่น แจ้งว่าตนเองไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น อย่างเดิมก็ดีแล้ว ส่งผู้ดูแลต่งออกไป
หลังผู้ดูแลต่งจากไป นางสั่งอาอิ๋นว่าในช่วงเวลานี้ตนเองจะไม่ออกไปข้างนอก หากมีคนมาเยี่ยมให้ผลักไสไปให้หมด ห้ามมารบกวน
จากนั้นก็กลับห้องฝึกตน เปิดม่านพลังป้องกัน เข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน
เมื่อครู่นี้ นางคิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่าง
ตลาดแกนปีศาจคนไป ๆ มา ๆ ผู้ฝึกตนที่จากไปทุกเวลาทุกชั่วขณะมากเท่าใด เหตุใดผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังห้าคนนั้นถึงบังเอิญมาไล่ตามนางได้เล่า หากผู้ฝึกตนสตรีสร้างฐานพลังจะมีไม่มาก ที่รูปร่างคล้ายกับเนี่ยอู๋ชางยิ่งน้อย นั่นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมาจับจ้องนางในระยะเวลาสั้น ๆ กระมัง
คิดอย่างนี้แล้ว มีความเป็นไปได้มากว่าทิศทางที่เนี่ยอู๋ชางจากไปจะเหมือนกับกับนาง ดังนั้นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังเหล่านี้เห็นนางแล้วจึงยึดถือนางเป็นหัวขโมยอย่างเหมารวม
เช่นนี้ก็มีคำถามอีกแล้ว หากเนี่ยอู๋ชางเดินในทิศทางเดียวกับนางจริง ๆ จะมีความเป็นไปได้ที่จะพบเห็นนางหรือไม่ คิดลึกไปอีกขั้น มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าเนี่ยอู๋ชางพบเห็นนางแล้วจึงจงใจชักนำผู้ไล่ล่ามาที่นาง
โม่เทียนเกอหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ ไม่กล้าคิดต่อไปอยู่บ้าง
นางตั้งสติคิดโดยละเอียดอีกรอบ ถึงนี่จะเป็นเพียงการคาดเดาของนาง แต่ความเป็นไปได้ประการนี้อย่างไรเสียก็คงอยู่ ถึงจิตหยั่งรู้ของนางจะแกร่งกล้า แต่เนี่ยอู๋ชางจะอย่างไรก็เป็นศิษย์ของซงเฟิงซ่างเหริน ใครจะรู้ว่ามีวิธีการอันพิสดารอะไรปกปิดลมปราณหรือไม่ จะไม่ถูกนางค้นพบ?
คิดอยู่เนิ่นนาน โม่เทียนเกอระบายลมหายใจคำหนึ่ง
ในเมื่อมีการคาดเดาแล้ว นางต้องคิดวิธีตอบโต้
สำหรับเนี่ยอู๋ชาง นางไม่มีความแค้นอะไรเลย ตอนนั้นที่ภูเขามาร ถึงจะเป็นนางที่ชักนำทางให้ซงเฟิงซ่างเหริน แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นศิษย์ของซงเฟิงซ่างเหริน การกระทำอย่างนี้สามารถเข้าใจได้ และในภายหลัง เนี่ยอู๋ชางช่วยชีวิตนางอีก นางมีความรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นางทำให้นางหลีกเลี่ยงจากประสบการณ์อันน่ากลัวประการหนึ่ง เพียงแต่ว่า ซงเฟิงซ่างเหรินสุดท้ายแล้วเป็นคนที่นางพามา แล้วฐานะของนางยังละเอียดอ่อนถึงเพียงนี้ ถึงในใจโม่เทียนเกอมีความซาบซึ้งเศษเสี้ยวหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยคิดจะไปตอบแทนหรือว่าอันใด เพียงคิดว่าภายหน้าหากสามารถเลี่ยงได้ก็จะไม่เป็นศัตรูกับนาง ก็นับว่าเป็นการตอบแทนนางแล้ว
ตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่เนี่ยอู๋ชางมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะวางแผนใส่นาง นางยิ่งรู้สึกระแวดระวังเพิ่มขึ้น ถึงตนเองจะคิดอย่างนี้ แต่นางไม่เชื่อว่าเนี่ยอู๋ชางก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน ถึงอย่างไรฐานะของนางก็วางอยู่ตรงนั้น มีซงเฟิงซ่างเหรินอยู่ พวกนางก็เป็นศัตรู
คิดถึงตรงนี้ ในใจโม่เทียนเกอมีการตกลงใจแล้ว
ไม่ว่าซงเฟิงซ่างเหรินจะอยู่หรือไม่ นางล้วนไม่คิดจะข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในเมื่ออธิบายกับสำนักเทียนเหยี่ยนชัดเจนแล้ว เช่นนั้นก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ วางตัวอยู่นอกปัญหาดีกว่า นางมีโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนในมือ ขอเพียงซ่อนตัวไม่ออกไป ไม่ว่าจะสำนักเทียนเหยี่ยนก็ดี ซงเฟิงซ่างเหรินก็ช่าง ล้วนหาตัวนางไม่พบ
โม่เทียนเกอเม้มปากยิ้ม เปิดกระเป๋าอสูรวิญญาณ ปล่อยเสี่ยวหั่วและเสี่ยวฝานออกมา
“ไม่เป็นไรแล้ว พวกเจ้าไปเล่นได้”
เสี่ยวหั่วร้องหนึ่งคำอย่างมีความสุข วิ่งไปไกลลิบอย่างปรีดาทันที คาดว่าไปหาเฟยเฟยเล่นกันต่อ เสี่ยวฝานกลับไม่ขยับเขยื้อน ลอยอยู่กลางอากาศ น้ำเสียงกังวลอยู่บ้าง “เจ้านาย ท่านยุ่งยากใจหรือขอรับ”
โม่เทียนเกอตะลึง
เสี่ยวฝานพูดว่า “คิ้วของท่านขมวดเป็นปมแล้ว มีปัญหาอะไรหรือไม่ขอรับ”
โม่เทียนเกอตะลึงงันแล้วยิ้ม “ไม่มีอะไร ถึงจะมีความยุ่งยากนิดหน่อย แต่ว่า ขอเพียงพวกเราไม่ออกไปก็จะไม่มีเรื่อง”
“อ้อ” เสี่ยวฝานผงกหัวคล้ายเข้าใจกึ่งไม่เข้าใจ “เช่นนั้นพวกเราต้องอยู่ที่นี่นานมากเลยใช่หรือไม่ขอรับ”
“อืม……” โม่เทียนเกอใคร่ครวญ “ไม่ออกไปจึงจะสามารถวางตัวอยู่นอกปัญหา พวกเราอยู่ที่นี่เดือนหนึ่งไปก่อนนะ เจ้าเพียงฝึกตนไป ถ้าหากมีเรื่องข้าย่อมจะเรียกเจ้า”
“ขอรับ” นางเอ่ยวาจา เสี่ยวฝานไม่มีคำถามสักข้อเดียว เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้ากลับไปฝึกตนนะขอรับ”
“ไปเถอะ”
เสี่ยวฝานกลับลำธารน้อยไปฝึกตนต่อ เสี่ยวหั่วกับเฟยเฟยยังคงเกลี้ยงกลิ้งบนพื้นเล่นสนุก
โม่เทียนเกอคิดแล้วเอาหุ่นเชิดหินสลักสองตัวออกมา สั่งพวกมันไปดูแลแปลงสมุนไพร ตนเองฉวยเวลานี้เอาอาวุธเวทที่ได้รับในถ้ำพำนักของโม่เหยาชิงออกมา
มุกดึงวิญญาณ, ผังปากั้วไท่จี๋, ร่มปทุมา, หรูอี้สรวงวิญญาณ, ไม้บรรทัดย่อพสุธา ในสิ่งของห้าชิ้นนี้ มุกดึงวิญญาณ, ผังปากั้วไท่จี๋, ร่มปทุมาล้วนเป็นวัตถุสนับสนุน ไม่ต้องจงใจไปหลอมใหม่ อีกสองชิ้นกลับต้องเป็นหลังจากหลอมใหม่แล้วจึงจะสามารถแสดงพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
หรูอี้สรวงวิญญาณไม่ต้องพูด วัตถุนี้เป็นถึงอาวุธเวทต่อสู้ของโม่เหยาชิง โม่เหยาชิงเดิมเป็นผู้ฝึกตนของอวิ๋นจง ถ้าหากสมบัติชิ้นนี้หลอมใหม่ให้ดี ๆ สำหรับนางแล้วมีส่วนช่วยเหลือมากที่อวิ๋นจง นอกจากนี้ไม้บรรทัดย่อพสุธาก็ต้องให้ความสำคัญ หลังจากเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตาน นางไม่สามารถพึ่งพาโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนเป็นวิธีการเอาชีวิตรอดเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว ชั่วเวลาหลายอึดใจที่เข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน สำหรับผู้ฝึกตนระดับสูงแล้วสามารถตัดสินความเป็นความตาย นางจำเป็นต้องมีวิธีการเอาชีวิตรอดชนิดอื่น
ไม่สู้ฉวยช่วงเวลานี้มาหลอมอาวุธเวทสองชิ้นนี้ใหม่ให้ดี ๆ ถ้าเผื่อมีเรื่องอะไรก็ใช้ประโยชน์ได้
……………………………
*หนึ่งถ้วยชาเท่ากับ 15 นาที