หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 375 – สร้างพันธมิตร
ตอนที่ 375 – สร้างพันธมิตร
ยาจิตนิ่ง โม่เทียนเกอไม่รู้ว่าเป็นสิ่งของอะไร แต่พอได้ยินคำนี้ดวงตาของหยางเฉิงจีสว่างขึ้นมา แม้แต่เถียนจือเชียนกับหลิงอวิ๋นเฟยสองคนล้วนมองไปทางหลิงอวิ๋นเฮ่อ
หลิงอวิ๋นเฮ่อยิ้มไม่พูดไม่จา
โม่เทียนเกอลังเลนิดหน่อยแล้วถามว่า “สหายเต๋าหลิง ยาจิตนิ่งเป็นสิ่งของอะไร”
หลิงอวิ๋นเฮ่อนิ่งไป ยิ้มเอ่ยว่า “ขออภัย ลืมไปว่าสหายเต๋าฉินไม่ใช่ชาวอวิ๋นจง คิดว่าก็ไม่เคยได้ยินยาจิตนิ่งของสำนักจิ่วเยี่ยนข้า ยานี้เป็นหนึ่งในโอสถชั้นสูงของสำนักจิ่วเยี่ยนข้า สามารถใช้ทะลวงด่านคอขวด …… แน่นอนว่ามิใช่ว่าจะมีประสิทธิผลอย่างแน่นอน”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” หลิงอวิ๋นเฮ่อพูดไม่มาก แต่ว่า ดูสีหน้าของหยางเฉิงจีกับพวก โม่เทียนเกอเดาออกไม่ยากว่ายาจิตนิ่งนี้จะต้องเป็นโอสถล้ำค่าที่หายากถึงสิบส่วน จึงสามารถทำให้หยางเฉินจีผู้เป็นศิษย์สำนักมีชื่อตาแดงเยี่ยงนี้ด้วย
หลิงอวิ๋นเฟยมองนาง ยิ้มอธิบายว่า “สหายเต๋าฉิน ยาจิตนิ่งของสำนักจิ่วเยี่ยนเราเป็นยาวิเศษอันเลื่องชื่อของอวิ๋นจงนะ อย่าว่าแต่คนอื่น พวกข้าที่เป็นศิษย์ในสำนักยังได้รับมายากมากเลย!” เขามองหลิงอวิ๋นเฮ่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉาเลื่อมใส “หากมิใช่พี่รองข้าได้รับความรักใคร่จากบรรพบุรุษอย่างลึกล้ำ เกรงแต่ว่าก็จะเป็นเช่นเดียวกับข้า รอหลายปีจึงจะสามารถแบ่งมาได้ไม่กี่เม็ด……”
“จริงหรือ” หลิงอวิ๋นเฟยเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานแล้ว ในทางทฤษฎีก็นับว่าเป็นผู้อาวุโสที่สำนักจิ่วเยี่ยน ถึงกับเพียงสามารถรอแบ่งไม่กี่เม็ดเช่นกัน ดูท่าโอสถนี้ล้ำค่าถึงสิบส่วนจริง ๆ หลิงอวิ๋นเฮ่อครั้งนี้ควักเนื้อแล้ว
“โอสถที่สามารถทะลวงด่านคอขวดหรือ” เทียนฉานส่งเสียง มองไปทางหลิงอวิ๋นเฮ่อ “สหายเต๋าหลิง นี่เป็นความจริงหรือ”
“มิผิด” หลิงอวิ๋นเฮ่อเลิกคิ้ว “สหายเต๋าเทียนฉานก็ไม่เคยได้ยินถึงยาจิตนิ่งหรือ”
เทียนฉานกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้าเก็บตัวอยู่ในสถานที่รกร้างมาโดยตลอด ออกมาข้างนอกน้อย เกี่ยวกับเรื่องของอาณาจักรตงถังของพวกท่านไม่ได้ทราบชัดเลย”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” หลิงอวิ๋นเฮ่อชี้ไปยังที่ว่างแห่งหนึ่งด้านข้าง เอ่ยว่า “ท่านทั้งหลาย ไปพักผ่อนหน่อยเถอะ ไม่ต้องรีบทำการตัดสินใจ”
เมื่อเห็นว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อตั้งม่านพลังป้องกันเสร็จแล้ว คนอื่น ๆ ลังเลนิดหน่อย แต่ยังไปพักผ่อน
โม่เทียนเกอเห็นกับตาว่าบรรยากาศที่เมื่อครู่นี้ยังชักกระบี่น้าวคันธนูกันอยู่ได้กลายเป็นสงบสุขขึ้นมากแล้ว จึงมองหลิงอวิ๋นเฮ่ออย่างมีความหมายลึกซึ้งหนึ่งที
คนผู้นี้ไม่อาจดูเบาโดยแท้ พูดว่าเขาจิตใจกว้างขวาง เขาก็จะเล่นเล่ห์กล พูดว่าเขาเจ้าเล่ห์เพทุบาย เงื่อนไขที่เปิดมากลับน่าพึงพอใจถึงสิบส่วน
เรื่องราวนี้ก็เป็นอย่างที่หลิงอวิ๋นเฮ่อพูดเมื่อครู่นี้เลย หากเขาอธิบายทุก ๆ อย่างชัดเจนล่วงหน้า แปดส่วนยังไม่ทันเข้าหุบเขาไร้กังวล กลุ่มคณะก็จะสลายตัวไปแล้ว ถึงอย่างไรสำหรับพวกเขาเหล่านี้ ใครก็ไม่เต็มใจจะเอาชีวิตไปวางในมือของคนอื่น ถึงแม้ว่าเขาจะเสนอเงื่อนไขที่น่าพอใจกว่านี้ก็เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ พวกเขาล้วนเข้าหุบเขาไร้กังวลแล้ว อีกทั้งอยู่ที่ปากทางเข้าหุบเขาชั้นใน อยากจะล่าถอยยังไม่ง่าย เงื่อนไขที่สามารถรับได้ก็จะผ่อนคลายไปหน่อย แล้วหลิงอวิ๋นเฮ่อในเวลานี้ยังจะสัญญามอบยาจิตนิ่งออกมา
เมื่อค้นพบว่าก่อนหน้านี้เขามีเรื่องปิดบัง เดิมทีคนอื่น ๆ ล้วนไม่พอใจถึงสิบส่วน มีความเป็นไปได้มากว่าจะสะบัดแขนเสื้อจากไป ผ่านการให้สัญญาอย่างนี้ของเขาไป กลับใจสงบอารมณ์นิ่งขึ้นมา ถึงแม้ว่าสุดท้ายมีคนถอนตัว คาดว่าก็จะไม่ผูกความแค้นกับเขา
โม่เทียนเกอแอบทอดถอนในใจ คนที่พฤติกรรมใจกว้างมีค่าให้ผูกมิตร ที่โลกฝึกเซียนกลับยากจะลงหลักปักฐาน คนที่จิตใจคล่องแคล่วสามารถปะปนสร้างความรุ่งเรือง แต่กลับทำให้คนให้ความเคารพแต่ไกล ๆ ส่วนหลิงอวิ๋นเฮ่อคนนี้…… คล้ายกับว่าจะอยู่ระหว่างทั้งสองอย่าง พาให้คนโมโหก็ไม่ใช่ ยินดีก็ไม่ใช่
แต่ว่า ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าคนอย่างเขานี้ หากสามารถเป็นเจ้าสำนักของสำนักจิ่วเยี่ยนได้จริง ๆ คงจะผ่านวันเวลาไปได้อย่างดีมาก
“สหายเต๋าฉิน” คนคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิคิดเรื่องของตนเองอยู่ในมุม จู่ ๆ ได้ยินเสียงเสียดแทงหู
โม่เทียนเกอหันหน้าไป ค้นพบว่าถึงกับเป็นเทียนฉาน
นอกจากการประมือกันของทั้งสองคนก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่ง การเดินทางนี้นางกับเทียนฉานไม่มีการข้องแวะอันใดกันเลย แต่ไม่รู้ว่าขณะนี้เทียนฉานมาหานางเพื่อพูดคุยมีเจตนาอะไร
“สหายเต๋าเทียนฉาน มีธุระหรือ”
เทียนฉานมองซ้ายมองขวา นั่งลงข้างกายนางในที่ไม่ห่างไกล โบกมือตั้งเขตแดนกั้นเสียง กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เรื่องนี้ท่านเห็นว่าอย่างไร”
โม่เทียนเกอตะลึงไป “สหายเต๋าเทียนฉานจะถามข้าว่าตั้งใจจะทำอย่างไรหรือ”
“มิผิด” เทียนฉานผงกศีรษะ ดวงตาหนึ่งคู่ซึ่งเป็นอย่างเดียวที่เปิดเผยสู่ภายนอกจ้องมองนาง “หลิงอวิ๋นเฮ่อคนนี้ พูดว่าเจ้าเล่ห์ก็เจ้าเล่ห์จริง ๆ พูดว่าจริงใจก็สามารถนับว่าจริงใจได้อีก ในเมื่อเขาสัญญาเงื่อนไขเหล่านี้ ก่อนหน้าตอนที่เขายังไม่ได้รับผลไร้กังวล พวกเราน่าจะปลอดภัย แต่ว่า หลังเหตุการณ์เขาจะฉีกหน้ากันหรือไม่กลับพูดไม่ง่ายแล้ว”
“……”
โม่เทียนเกอไม่พูดจาไปพักใหญ่ เทียนฉานอดถามมิได้ว่า “สหายเต๋าฉิน ท่านมีความเห็นอย่างไร”
โม่เทียนเกอแอบคิดในใจว่าระหว่างพวกเขาคล้ายกับว่ายังไม่ได้คุ้นเคยกันกระมัง? คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะพูดเปิดอกกันเกินไปแล้ว แต่คนเขาดูจะมาปรึกษากับนางอย่างจริงจังมาก พูดอย่างนี้เหมือนจะไม่รักษาน้ำใจอยู่บ้าง
นางคิดแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นสหายเต๋าเทียนฉานเล่า มีการตัดสินใจอันใด”
เทียนฉานเอ่ยว่า “ข้าก็ตัดสินใจไม่ถูก ไม่ปิดบังสหายเต๋าฉิน สิ่งของที่หลิงอวิ๋นเฮ่อรับปากให้ข้า สำหรับข้าแล้วสำคัญถึงสิบส่วน หากมีวัตถุนี้ เส้นทางการฝึกตนของข้าในอนาคตจะราบรื่นขึ้นมากมาย พูดได้ว่า เพื่อวัตถุนี้ การเสี่ยงอันตรายในระดับหนึ่งเป็นสิ่งที่คุ้มค่า แต่ว่า……” เขาหยุดไป สายตากวาดมองคนอื่น ๆ
หลิงอวิ๋นเฮ่อขณะนี้นั่งขัดสมาธิอยู่ในม่านพลัง หลับตาปรับลมหายใจ อสูรวิญญาณนกแร้งตัวนั้นของเขาเกาะอยู่บนไหล่เขา สายตาอันดุร้ายจับจ้องไปข้างหน้า มองดูคนอื่นเป็นครั้งคราว
หลิงอวิ๋นเฟยกับเถียนจือเชียนสองคนเหมือนกับกำลังคุยกันเรื่อยเปื่อย เทียนฉานตั้งเขตแดนกั้นเสียงล้อมรอบพวกเขาสองคน ระหว่างเขตแดนไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ส่วนหยางเฉิงจีนั่งพิงผนังภูเขา แขนทั้งคู่กอดอดไม่รู้ว่ากำลังมองสถานที่อะไร คล้ายกับกำลังครุ่นคิด
“เรื่องราวมีความผิดปกติจะต้องมีภูตผีปีศาจ” เทียนฉานพูด “สหายเต๋าฉินโปรดดู พวกเราสามคนที่ถูกหลิงอวิ๋นเฮ่อเชิญมาล้วนมิใช่มือต่ำทราม กลับเป็นเถียนจือเชียนและหลิงอวิ๋นเฟยนั่น ความแข็งแกร่งไม่เพียงพออย่างยิ่งยวด เถียนจือเชียนเป็นปรมาจารย์ม่านพลังก็ช่างเถอะ หลิงอวิ๋นเฟยเล่า หรือว่าเขาหลิงอวิ๋นเฮ่อในฐานะผู้สมัครเจ้าสำนักของสำนักจิ่วเยี่ยน ว่ากันว่ายามปกติมนุษย์สัมพันธ์ก็ไม่เลว จะหาพวกพ้องที่ความแข็งแกร่งแกร่งกว่านี้ไม่ได้หรือ ถึงแม้สกุลหลิงจะไม่มี สำนักจิ่วเยี่ยนก็ต้องมีกระมัง?”
โม่เทียนเกอเอ่ยว่า “เขาบอกว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของฝ่ายต่าง ๆ ในสำนัก รวมทั้งความขัดแย้งของวงศ์ตระกูล ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ยามปกติมิตรภาพไม่เลวล้วนไปเชิญได้ไม่ง่าย……”
“หึ!” ในดวงตาทั้งคู่ของเทียนฉานเผยแววเย้ยหยันออกมาเศษเสี้ยวหนึ่ง “เป็นเช่นนี้จริง ๆ หรือ อวิ๋นจงไม่ใช่……” เขาพูดไปครึ่งหนึ่งก็หยุดลง แล้วจึงเอ่ยต่อว่า “สำนักใหญ่อันดับหนึ่งของอวิ๋นจงจะต้องมีชื่อเสียงที่มิใช่โคมลอย พวกเขามีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สิบกว่าคน ยิ่งมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานนับร้อยคน จะหาผู้ช่วยที่ผ่านเกณฑ์สักคนไม่ได้หรือ ฟังจากความหมายในคำพูดของหลิงอวิ๋นเฟย หลิงอวิ๋นเฮ่อได้รับความรักจากบรรพบุรุษจิตวิญญาณใหม่สกุลหลิงอย่างยิ่ง เพื่อหลานรักของตนเอง ยิ่งบวกกับแนวร่วมด้านผลประโยชน์ ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ใส่ใจ คนอื่นก็มิใช่ไม่ใส่ใจด้วยกระมัง?”
“……” โม่เทียนเกอลดสายตาลง ยิ้มบาง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ฟังจบแล้วสีหน้าก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักเศษเสี้ยว
เทียนฉานกะพริบตา ถามต่อว่า “สหายเต๋าฉิน ท่านต้องมอบคำพูดให้ข้ากระมัง”
โม่เทียนเกอเงยหน้า ถามว่า “คำพูดอะไร”
“กับเรื่องนี้สรุปว่ามีความเห็นอะไร”
โม่เทียนเกอถอนหายใจ เอ่ยว่า “ข้าอยากจะถามว่า สหายเต๋าเทียนฉานสรุปแล้วเป็นผู้ใดกันหรือ”
เทียนฉานตะลึงไป สายตาแหลมคมขึ้นมา “สหายเต๋าฉินหมายความอันใด”
โม่เทียนเกอกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “อันดับแรก ท่านไม่กลัวหรือว่าจริง ๆ แล้วข้ากับหลิงอวิ๋นเฮ่อมีมิตรภาพต่อกัน จงใจแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก ถึงเวลาจะควบคุมคนอื่น ๆ”
เทียนฉานหรี่ตา จับจ้องนางไม่พูดจา
โม่เทียนเกอเอ่ยต่อว่า “อันดับถัดมา ถึงแม้จะยืนยันว่าข้ากับหลิงอวิ๋นเฮ่อไร้ความเกี่ยวข้องกันสักนิดจริง ๆ พวกเราไร้มิตรภาพกันสักนิด วาจาเหล่านี้ที่สหายเต๋าเทียนฉานพูดมาก็ไม่ควรจะพูดกับคนแปลกหน้าคนหนึ่งกระมัง?”
มือของเทียนฉานกำหมัดแล้ว
“สุดท้าย สหายเต๋าเทียนฉานพูดเรื่องพวกนี้กับข้าจะมีความหมายอะไรกันเล่า ข้าพูดอะไร หรือว่าท่านก็จะเชื่อ?”
ฟังวาจาประดานี้จบแล้ว เทียนฉานจับจ้องนางเขม็ง ครึ่งค่อนวันไม่ขยับ แล้วก็ไม่พูดจา
โม่เทียนเกอเพียงยิ้ม นี่ทำให้คนอื่นดูเป็นว่าพวกเขาสองคนเพียงคุยเล่นกัน ไร้ความขัดแย้ง
ผ่านไปพักใหญ่ เทียนฉานในที่สุดคลายมือ เขามองโม่เทียนเกอ น้ำเสียงราบเรียบ “ข้าเป็นผู้ใด ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะพูด ก็เหมือนกับสหายเต๋าฉิน ปิดบังที่มาของตนเองเหมือนกัน แต่ว่า ข้าสามารถพูดตามตรงว่า วาจาเหล่านี้ที่พูดกับสหายเต๋าฉินคือข้าอยากจะหาพวกพ้องชั่วคราว ดีกว่าเผชิญอันตรายคนเดียว”
โม่เทียนเกอเลิกคิ้ว ยิ้มถามว่า “เพราะอะไรถึงเป็นข้าเล่า สหายเต๋าหยางก็ไม่เลว ถึงแม้เพียงก่อเกิดตานขั้นต้น ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาเหมือนกับจะไม่ได้ด้อยกว่าข้าเลย”
เทียนฉานส่ายหน้า จ้องมือของตัวเอง กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “สหายเต๋าหยางผู้นั้นเป็นผู้ฝึกตนสายอธรรม แล้วยังเป็นศิษย์ของหนึ่งในสามประมุขมารใหญ่อะไรนั่น ข้าไม่อยากจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา ความแข็งแกร่งของสหายเต๋าฉินก็เหนือกว่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นกลางทั่วไป เทียบกับสหายเต๋าหยางมีแต่แกร่งกว่าไม่อ่อนกว่า”
“แต่ข้าเป็นผู้ฝึกตนสตรี” โม่เทียนเกอมองเขา สายตาดูคล้ายจะเจือแววยิ้ม “พูดกันโดยทั่วไป ถึงจะมีความแตกต่างของขั้นกลางกับขั้นต้นก็จะรู้สึกว่าเลือกผู้ฝึกตนบุรุษปลอดภัยกว่ากระมัง?”
นางย่อมรู้สึกว่าตนเองไม่ได้อ่อนแอกว่าผู้ฝึกตนบุรุษเลย แต่การเห็นค่าบุรุษดูแคลนสตรีเป็นปรากฏการณ์ที่คงอยู่ทั่วไปในโลกฝึกเซียน ถึงแม้ระดับการฝึกตนของผู้ฝึกตนบุรุษจะต่ำสักหน่อย พวกเขาก็รู้สึกว่าผู้ฝึกตนบุรุษพึ่งพาได้มากกว่า เพราะผู้ฝึกตนบุรุษเด็ดขาดกว่าในการจัดการเรื่องราวภายนอก หากเป็นวิกฤตเป็นตาย ความสามารถที่ผู้ฝึกตนบุรุษสามารถแสดงออกมาจะแกร่งกว่า
ได้ยินคำถามของนาง เทียนฉานถลึงมองนางด้วยโทสะ “ผู้ฝึกตนสตรีแล้วอย่างไรเล่า สหายเต๋าฉินก็เป็นคนที่ดูแคลนตัวเองพวกนั้นด้วยหรือ”
โม่เทียนเกอประหลาดใจต่อโทสะของเขาอยู่บ้าง แต่นางไม่ได้เกิดความโมโห เพียงส่ายหน้า อธิบายว่า “สหายเต๋าเทียนฉาน หากพฤติกรรมของท่านมีจุดน่าระแวง ข้ายิ่งไม่กล้าร่วมมือกับท่าน”
ได้ยินวาจานี้ เทียนฉานตะลึงไป ค่อย ๆ ใจเย็นลง รอจนฟื้นฟูสู่ความสงบอย่างสิ้นเชิงแล้ว เทียนฉานกล่าวว่า “ตลอดทางมานี้ สังเกตพฤติกรรมที่สหายเต๋าฉินจัดการเรื่องราว ไม่ได้ด้อยกว่าผู้ฝึกตนบุรุษสักนิด ส่วนสหายเต๋าหยางผู้นั้น ศักดิ์ฐานะไม่สามัญ ข้าไม่อยากจะไปเกี่ยวข้องกับเขา พวกเรารวมทั้งหมดมีเพียงหกคน สามคนนั้นเป็นพวกเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว”
โม่เทียนเกอพยักหน้า ถือว่ายอมรับคำอธิบายนี้ นางคิด ๆ ดู เอ่ยว่า “สหายเต๋าเทียนฉานพูดเช่นนี้ก็ตั้งใจจะรับปากหลิงอวิ๋นเฮ่อ ผจญภัยต่อไปแล้ว?”
เทียนฉานผงกศีรษะ “มิผิด มิอาจไม่พูดว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อร้ายกาจมาก คนแล้วมาถึงที่นี่แล้ว ถึงจะให้พวกเราถอนตัวตามใจชอบยังต้องใคร่ครวญว่าจะสามารถจากไปอย่างปลอดภัยหรือไม่ คิด ๆ ดูอีกที เขามอบค่าตอบแทนอย่างใจกว้างขนาดนี้ ทำให้คนจิตใจสั่นคลอนมาก ยิ่งบวกกับว่าเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายพวกเราในเวลานี้ก็มีค่าให้เสี่ยงดวง”
“แต่ว่า จบเรื่องแล้วกลับมีความเสี่ยงกระมัง?” โม่เทียนเกอเอ่ยต่อ “จากการคาดเดาของสหายเต๋าเมื่อครู่ หลังจากหาผลไร้กังวลได้แล้ว พวกเขามีความเป็นไปได้ที่จะฉีกหน้ากัน”
“ใช่เลย นี่ก็คือสาเหตุที่ข้าอยากจะหาสหายเต๋าฉินมาสร้างพันธมิตรกัน” เทียนฉานมองหลิงอวิ๋นเฮ่อที่ยังคงนั่งสมาธิ ในดวงตามีความหวาดหวั่นอันลึกล้ำ
……………………………….